บทที่ 4
สญามนกลับเข้าห้องไปสักพัก เธอจึงออกมาด้วยชุดใหม่ และมายืนตรงหน้าชายหนุ่ม
"เป็นไง"
"อืม ฉันใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณนะ"
"ไปนั่งสิ"
"ไม่เป็นไร ฉันช่วย"
ทั้งสองช่วยกันทำอาหารเย็นด้วยกัน และเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ มีหลาย ๆ สิ่งที่เธอไม่รู้มากมาย และหลายสิ่งที่ชายหนุ่มก็ได้ความรู้ใหม่จากเธอไม่น้อย
"พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแค่ช่วงเช้า เดี๋ยวบ่าย ๆ พาไปหาบ้านเธอกัน "
"อืม ไปสิ" ทั้งคู่นั่งคุยกันระหว่างกินข้าว
สญามนมองที่ใบหน้าชายหนุ่เขาช่างเป็นคนดีจริง ๆ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือทุกอย่าง
ช่วงบ่ายของอีกวันหลังจากที่พายุกลับถึงคอนโด พายุก็พาหญิงสาวขับรถมุ่งหน้ามายังสมุทรสาคร สถานที่ ที่เจอเธอเมื่อหลายวันก่อน
สญามนยืนอยู่หน้าตลาด ที่เธอบอกกับพายุว่าเป็นบ้านของเธอ แต่ตอนนี้มันกับไม่ใช้อย่างนั้น ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป ไม่ใช่บ้านที่คนอาศัยอยู่ มีแต่ตลาดร้านค้า ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่
เธอยืนอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก่อน จนชายหนุ่มที่มองดูเธออยู่ เดินเข้ามาใกล้ ๆ
"ลองถามร้านค้าแถวนี้ไหม" พายุเอ่ยถาม แต่พอเธอหันหน้ากลับมา มองที่ชายหนุ่ม เขากับเห็นดวงตาเธอแดงระเรื่อ น้ำตาคลอหน่วยอยู่ในลูกตา
"สญามน งั่นเดี๋ยวฉันถามให้ อืม…ร้านนี้แล้วกันดูแล้วหน้าจะอยู่มานาน"
พายุมองไปที่ร้านหนึ่งที่ มีคนชายชราอายุราว ๆ หกสิบถึงเจ็ดสิบปีนั้งอยู่บริเวณหน้าร้าน ชายหนุ่มจึงจูงมือหญิงสาวเดินเข้าไปหา
"คุณตาครับ บ้านที่อยู่แถว ๆ นี้เมื่อหลายสิบปีก่อนหายไปไหนหมดล่ะครับ"
ชายชราคนนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองทั้งสอง
"อืม บ้านแถวนี้นะหรือ เขาย้ายออกกันไปนานมากแล้วล่ะไอ้หนุ่ม น่าจะตั้งแต่ตาเด็ก ๆ เเล้วตอนนั้นซอยกลางนี้มีบ้านคนอาศัยอยู่เยอะ เพราะเจ้าของที่เขาจะสร้างตลาดไงเลยเรียกคืนจึงได้ย้ายออกกันหมด แล้วมันก็เจริญขึ้นถึงปัจจุบันนี้ล่ะ"
"อ๋อ ครับ แล้วคุณตาเคยเห็นผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ไหมครับ"
พายุกล่าวพร้อมกับจูงสญามนมายืนต่อหน้าชายชรา หญิงสาวจึงยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท ชายชราจึงมองไปที่เธอแบบเพ่งพินิจ
"คือเธออยากตามหาญาติครับ ญาติเธอเมื่อก่อนเคยอยู่แถวนี้"
ชายชราพยักหน้าและมองเธอ ทั้งสองจึงรู้สึกตื่นเต้นคิดว่าชายแก่คงนึกออก
"คุ้น ๆ ไหมคะ" หญิงสาวเอ่อถาม
คุณตาคนนั้นมองหน้าทั้งคู่สลับไปมา และยิ้ม ทั้งสองจึงยิ่งดีใจ
"เมียแก่นี้สวยดีนะไอ้หนุ่ม"
"เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ"
"ไม่ใช่ครับ"
พายุและสญามนพูดออกมาพร้อมกัน
"ไม่ใช่ค่ะ หนูไม่ได้เป็นเมียเขาค่ะ เอางี้ คุณตาพอรู้จักคนที่นามสกุล กลิ่นขจรบ้างไหมค่ะ"
"อืม…..ไม่เคยได้ยินนะ" ชายแก่คุ้นคิดและตอบออกมา
สญามนหันหน้ากลับไปหันพายุ ทำสีหน้าเศร้าสร้อย
"ไม่เป็นไรครับ พวกเราไม่รบกวนแล้วขอตัวก่อนนะครับคุณตา" ทั้งสองจึงไหว้ขอบคุณคุณตาแล้วเดินจากมา
"เดี๋ยวเราไปโรงพักแถวนี้ดู" พายุเอ่ยบอก สญามนจึงได้แต่ทำตามเขาไป เพราะตอนนี้เธอก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ได้แต่พึงพาชายหนุ่มเท่านั้น
โรงพัก
สองหนุ่มสาวยืนอยู่หน้าโรงพัก หญิงสาวเธอมองไปที่ชายหนุ่มที่ยังยืนนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่
"พายุ นายคิดอะไรอยู่ ทำไมเราไม่เข้าไปล่ะ"
"ฉันกำลังคิดว่าจะบอกตำรวจยังดี ถ้าตำรวจถาม ว่าเจอคุณได้ยัง ถ้าบอกว่าคุณมาจากปี 2502 คงได้หาว่าผมบ้าแน่ ๆ"
"ก็ฉันมาจากปี 2502 จริง ๆ "
"ไม่มีใครเชื่อหรอก"
"แล้วนายจะทำยังไง"
พายุทำถ้าคุ้นคิดอยู่พักหนึ่ง
"เอางี้ บอกว่าเธออยากตามหาตุณยายแล้วกัน" พูดจบชายหนุ่มก็ดึงมือเธอเดินขึ้นโรงพักไป
"ห่ะ ดะ เดี๋ยว คุณยายเลยหรอก"
"ชื่ออะไรนะครับ" เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนเอ่ยถามทั้งคู่ แต่สญามนยังคงเงียบ พายุจึงใช้ข้อศอกสะกิดเบา ๆ
"ชะ ชื่อ สญามน กลิ่นขจร ค่ะ "
"หายไปเมื่อไรครับ"
"เมื่อปี 2502 ค่ะ"
"โอ้ 64 ปีผ่านแล้วนะครับ"
"ค่ะ ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้ว่ามีคนมาแจ้งความคนหายบ้างไหมคะ"
ตำรวจวัยกลางคนใช้สายตาลอดแว่น มองทั้งคู่
"เออ พอจะมีข้อมูลบ้างไหมครับเกี่ยวผู้หญิงที่ชื่อ สญามน กลิ่นขจร น่ะครับ"
เจ้าหน้าที่ตำรวจก้มหน้าลง กดบางอย่างได้คอมพิวเตอร์ สักพักจึงเงยหน้าขึ้นมาบอกว่า
"ไม่มีชื่อนี้ในฐานข้อมูลคนหายเลยครับ หรือช่วงเวลานั้นเทคโนโลยีต่าง ๆ ยังเข้าไม่ถึง หรืออาจไม่มีคนมาแจ้งความไว้ครับ"
"อ๋อ ครับ" "ค่ะ"
"ยังไงทิ้งเบอร์ติดต่อไว้นะครับ ถ้าเจอข้อมูลหรือเบาะแสอะไรผมจะโทรติดต่อไป"
"ได้ครับ"
พายุจดเบอร์โทรศัพท์ส่งให้เจ้าหน้าที่แล้วทั้งคู่จึงเดินออกมา
"ถ้าหาไม่เจอจะทำยังไงดี แต่ถ้าฉันเจอทุกคนไม่แก่กันไปหมดแล้วหรอ" สญามนพึมพำขณะเดินออกมา
"ฉันจะทำยังไงดี" เธอเอ่ยถามชายหนุ่ม
"เอาหน้าไม่ต่องกังวล ถ้ายังไม่เจอเธอก็อยู่ที่คอนโดไปก่อน รอตำรวจติดต่อมา"
"ฉันอยู่กับนายได้หรอ"
"ก็ได้นะ ถ้าไม่รังเกียจ หรือกลัวฉัน"
"ฉันจะรังเกียจหรือกลัวนายได้ยังไง นายช่วยฉันขนาดนี้ ฉันกลัวว่านายจะรังเกียจฉันมากกว่า"
"ฉันไม่รังเกียจ.. และเต็มใจช่วย"
ดวงตากลมตาของหญิงสาวจ้องมองไปที่ดวงตาชายหนุ่ม ๆ ทั้งคู่ต่างจ้องมองกัน เริ่มมีความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นในหัวใจ ชายหนุ่มรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นเเรง แต่เขาก็ยังไม่อยากละสายตาไปจากดวงตากลมโตนั้น จนใบหน้าสวยเริ่มมีสีแดงระเรื่อที่แก้ม ก่อนเธอจะหุบสายตาและหันหน้าไปทางอื่น
" ฉันคิดว่าฉันจะหาทางกลับไปปี 2502 "
"ยังไง" พายุเอ่ยถามเธอ
"ที่เดิม"
"ที่ไหนล่ะ"
"ที่วัดป่านั้นไง ถนนเส้นนั้น ที่เรียงรายไปดอกต้นลั่นทม"
"แล้วเธอจะไปปี 2502 ยังไง นั่งไทม์แมชชีนไปหรอ"
"ห่ะ ไทม์ ไทม์อะไรนะ "
"ไทม์แมชชีน ของโดเรม่อนน่ะ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินทางข้ามเวลาไง"
"มีแบบนี้ด้วยหรอ! งั้นนายไปยืมให้หน่อย เออใครนะ โด โดเรม่อน เหรอ"
พายุได้ฟังคำที่หญิงสาวพูดก็ขำพืดออกมาอย่างสุดกลั้น สร้างความงงงวยให้กับเธอยิ่งนัก
"นายจะหัวเราะอะไร มีอะไรน่าหัวเราะ"
"ผม ผมขอโทษ ลืมไปว่าการ์ตูนโดเรม่อนพึงฉายในไทยปี 2525 "
"การ์ตูนเหรอ"
"ใช่"
"ฉันเคยอ่านแค่ในหนังสือ หนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ นายรู้จักไหม"
"รู้ ตอนนี้ก็น่าจะยังมีอยู่นะ ผมเคยได้ยิน"
"แต่ อย่าพึงเปลี่ยนเรื่อง ฉันคิดว่าฉันข้ามเวลามาปีนี้ได้เพราะอาจจะมีมิติเวลาอยู่แถว ๆ นั้น ตอนที่ฉันก้มลงไปเก็บดอกลั่นทม จู่ ๆ ก็มีลมพัดแรงมาก"
"ทำให้เธอถูกมิติเวลาดูดมาปี 2566 นี้ใช่ไหม"
"ฉันคิดว่าคงจะเป็นแบบนั้น"
"ก็ได้ผมจะพาไปที่วัดป่าอีกครั้ง"
ชายหนุ่มจึงขับรถพาเธอมายังวัดป่าอีกครั้ง เมื่อถึงถนนเส้นเดิมที่เจอกัน ทั้งสองจึงลงจากรถเดินมายังจุดนั้น
หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ก็พบแต่ความเงียบสงบ สายลมพัดเอื่อย ๆ ดอกลั่นทนส่งกลิ่มหอมอ่อนไม่ขาดสาย
"จุดนี้ล่ะ ที่ฉันก้มเก็บดอกไม้"
ชายหนุ่มมองเธอนิ่งช่างใจครุ่นคิดเรื่องของเธอ ที่เธอบอกว่าเธอข้ามมิติเวลามามันจะเป็นเรื่องจริงไหมนะ
"งั้นเราอยู่ตรงนี้อีกสักพัก เพื่อมิติเวลาจะเปิด" พายุกล่าวบอกเธอ
"......" หญิงสาวพยักหน้ารับ
ทั้งคู่ยืนอยู่บริเวณนั้นจนเวลาผ่านเลยไปจนท้องฟ้าใกล้จะมืด ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูมันบอกเวลาหกนาฬิกาสามสิบนาทีกว่าแล้ว สญามนเห็นท่าทีของพายุ คิดว่าเขาคงจะรอจนเบื่อจึงได้พยายามหาเรื่องคุยกับเขา
"วันนั้นนายมาทำอะไรที่วัดนี้ล่ะ"
"ผมมาเอาของหลวงตา หลวงตาผมบวชอยู่วัดนี้"
"อ่าว แล้วนี้นายไม่เข้าไปกราบท่านล่ะ มาถึงวัดแล้ว"
"ตอนนี้หลวงตาไปเยี่ยมบ้าน ท่านแก่มากแล้วโรคประจำตัวเยอะ อยู่ที่วัดไม่มีคนดูแล"
"อ๋อ"
"แล้วครอบครัวนายล่ะทำงานอะไรกันเหรอ"
"อืม ครอบครัวพ่อเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างน่ะ พอเรียนจบผมก็จะกับไปรับช่วงกิจการต่อจากพ่อ
"บ้านนาย คงรวยมาก ๆ ใช่ไหม"
"อืมก็พอได้อยู่นะ"
"ไอ้พอได้อยู่นะ นี้มันคืออะไร"
"ก็… รวยไง ถือว่าว่ารวยแล้วกัน"
"ดีจัง"
"ทำไมเหรอ" พายุถามเธอกลับ
ฟิ้วววว.. เสียงลมพัดผ่าน กิ่งไม้เริ่มเสียดสีกันไป ใบไม้ดอกไม้ที่หล่นอยู่ตามพื้นเริ่มปลิวไปตามลมที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองต่างมองหน้ากัน
"ลมแบบนี้แหละ เหมือนวันนั้นเลย" สญามนพูดพร้อมเดินออกไปกลางถนนเส้นนี้ เธอปล่อยให้ลมพัดผ่านหมุนวนร่างบางไป
"เดี๋ยว สญามน" พายุเอ่ยเรียกเธอฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาบังฝุ่่นผงไม้ให้เข้าดวงตา เพราะลมที่พัดแรงขึ้น
"ขอบคุณนะพายุ ที่ค่อยช่วยเหลือฉันหลาย ๆ วันที่ผ่านมานี้" สญามนเอ่ยเสียงดังฝ่าเสียงลมและเศษใบไม้ที่ปลิวว่อน
"ฉันจะไม่ลืมนายเลยนะ"
"สญามน นี้มันเรื่องจริงเหรอเนียเธอจะข้ามผ่านมิติเวลาจริง ๆ เหรอ" พายุเริ่มมองไม่เห็นร่างบางของเธอ…..