༊* ตอน: หมอเงาที่รักษาเศษเสี้ยวของความหวัง𓇥 " 𖥧 𖧧 ˒˒

2255 Words
⎙ หลังจากการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของ ลินา เดอลาเซ่ โลกก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ⎙ ข้อมูลของ แฟ้มลับ Ashthorn กระจายไปทุกแพลตฟอร์ม ข่าวปลอมพังทลายลง ⎙ ผู้คนตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริงที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงรหัสชีพจรในระบบ ⎙ แต่สำหรับหมอภาคิน โลกที่ไม่มีลินาไม่ได้สงบขึ้นมันเพียงเปลี่ยน เขาเองก็เลือกจะเปลี่ยนไปกับมัน ⟡ 8 เดือนถัดมา – พรมแดนระหว่าง ณ ประเทศแห่งหนึ่ง ⎙ กลางป่าหิมะซึ่งไม่มีจุดบนแผนที่ มีคลินิกไม้หลังหนึ่ง ไม่มีป้าย ไม่มีชื่อ แต่คนที่ “เคยรอด” จากเครือข่าย Ashthorn ต่างรู้จักมัน ⎙ ในชื่อเดียว ⸝⸝⸝“Safe Pulse”⸝⸝⸝ จุดพักของหัวใจที่เคยถูกล่า ⎙ ภายในคลินิก ⏃ มีเพียงเตียงเหล็กเก่า, เครื่องวัดชีพจรแบบแมนนวล และชายคนหนึ่งในเสื้อกาวน์สีขาวซีด ⎙ หมอภาคิน ธาราพิสุทธิ์ ไม่ได้เป็นหมอชื่อดัง ไม่ได้ออกสื่อ แต่เขา..คือคนที่ ผู้รอดชีวิตไว้ใจที่สุดในโลกนี้ ⎙ เขาไม่ถามชื่อ ไม่ถามอดีต เขาเพียงกดเครื่องฟังหัวใจลงกับอกคนไข้ แล้วพูดเบาๆ ว่า.. “เสียงหัวใจยังดีอยู่..แสดงว่ายังมีพรุ่งนี้เสมอ” ⎙ ข่าวลือ..เกี่ยวกับเขาแพร่กระจาย ว่าหมอคนนี้เคยเป็นคนรักของหญิงสาวที่เปิดโปงระบบเงาทั้งโลก ⎙ ว่าทุกเช้าที่เขาตื่นขึ้น เขาจะต้มน้ำชาแล้วเหลือไว้ “อีกหนึ่งถ้วย” 𖠚ᐝ ⎙ บนโต๊ะข้างหน้าต่าง และว่าทุกวันที่ฝนตก..เขาจะหยิบกล่องเล็กๆ จากลิ้นชักขึ้นมาเปิดดู ⎙ ภายในมีเพียง ต่างหูเล็กๆ รูปหัวใจที่เคยเป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณของเธอ ⎙ แผ่นกระดาษแผ่นเดียว ที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ ว่า “ถ้าโลกนี้เปลี่ยนได้จริง..สักวันหนึ่ง ฉันหวังว่าจะได้กลับมานั่งจิบชาเงียบๆ ข้างคุณ” ลินา เดอลาเซ่ ⎙ วันหนึ่ง เด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในคลินิก เธอไม่ได้เป็นอะไรมาก..แค่เหนื่อย แต่เธอถามเขาว่า.. “คุณหมอ..คุณเคยรักใครจนยอมเปลี่ยนทั้งชีวิตมั้ย?” ⎙ ภาคินเงยหน้าขึ้นมองเธอ เขายิ้ม..เหมือนทุกครั้งที่เขาไม่พูดมาก “ผมยังรักอยู่..ทุกวัน” ⎙ ภาคินยืนอยู่หน้าต่าง มองออกไปยังหิมะที่ตกช้าๆ มือของเขาถือถ้วยชา อีกใบยังวางอยู่ข้างๆ 𖠚ᐝ ⎙ ไม่มีใครนั่งตรงนั้น แต่เขายังคงเฝ้ารอ เพราะบางความรัก..ไม่ต้องมีบทสรุป มันแค่ “มีอยู่” ⎙ เหมือนชีพจรที่ยังเต้น แม้เงียบจนแทบไม่ได้ยิน “หมอเงา” ไม่ใช่ฮีโร่ของโลก ⎙ แต่เขาคือผู้รักษาเศษเสี้ยวของหัวใจ..ที่ผู้หญิงคนหนึ่งทิ้งไว้ให้โลกจำ และตราบใดที่หัวใจของเขายังเต้น..เธอจะไม่มีวันตายจากเรื่องนี้เลย “after credit” ไม่ได้เป็นการคืนชีพด้วยปาฏิหาริย์ ⎙ แต่คือการ กลับมาในความเงียบ การปรากฏตัว..โดยไม่ต้องปรากฏ และคือ ⎙ สิ่งที่มีพลังมากพอจะเขย่า “หัวใจที่ยอมทิ้งทุกอย่างไปแล้ว” ให้เต้นแรงอีกครั้ง ⎙ After Credit Scene: เมื่อเธอพูดกับเขาอีกครั้ง ⎙ ฤดูหนาว ปีถัดมา ที่คลินิก Safe Pulse ⎙ หิมะตกหนากว่าทุกปี อากาศเงียบผิดปกติ คนไข้เบาบาง แต่ภาคินยังคงเปิดประตูทุกวัน ⎙ ราวกับหวังว่า..ใครบางคนจะผลักประตูเข้ามาโดยไม่ต้องนัด ⎙ เขายังคงชงชาสองถ้วย ยังวางต่างหูของเธอไว้ข้างหน้าต่าง ยังใส่เสื้อกาวน์ตัวเดิม แม้สีจะจางลงไปมากแล้ว ⎙ ค่ำวันนั้น ⎙ เขาอยู่ในห้องทำงานเล็กๆ ท่ามกลางเสียงพายุหิมะนอกหน้าต่าง ลมแรงพัดจนโคมไฟสั่น จู่ๆ..ไฟในคลินิกก็กระพริบเบาๆ ก่อนจะดับวูบ ⎙ ระบบไฟสำรองเปิดขึ้นทันที แต่มันไม่ใช่แค่ไฟที่ติด จู่ๆ แท็บเล็ตเก่าๆ บนโต๊ะก็เปิดตัวเอง บนหน้าจอขึ้นข้อความว่า “1 ไฟล์รอเปิด — ‘LIN4-LAST.BEAT’” ⎙ ภาคินขมวดคิ้ว ⎙ เขาไม่เคยบันทึกไฟล์ชื่อแบบนั้น มือเขาสั่นเล็กน้อย ⎙ เขากดเปิดไฟล์..และทันใดนั้น เสียงของเธอก็ดังขึ้น “สวัสดีค่ะ..คุณหมอ” ⎙ เสียงเธอแหบเล็กน้อย แต่นั่นคือเสียงของ ลินา จริงแท้เกินกว่าจะบอกว่าเป็นภาพหลอน “ถ้าไฟล์นี้ทำงานได้สำเร็จ แสดงว่าโลกยังอยู่..และคุณยังอยู่” “ฉันเคยฝังข้อความนี้ไว้ในระบบความปลอดภัยฉุกเฉินของโปรโตคอล Zero Pulse ⎙ ถ้ามีคนเปิดแม่ข่ายสำรองเมื่อฉันไม่อยู่..มันจะส่งข้อมูลนี้หาคุณโดยอัตโนมัติ” ⎙ ภาคินยืนนิ่ง ดวงตาร้อนวาบ เสียงของเธอไม่ได้ผ่านลำโพง มันผ่านเข้าหัวใจเขาโดยตรง “ภาคิน..ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้คุณเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือยังชงชาให้ฉันทุกเช้าหรือเปล่า..” “..แต่ฉันอยากให้คุณรู้ว่า ฉันไม่ได้ตายไป ⎙ ฉันแค่เลือกจะ ‘อยู่ในที่ที่โลกต้องการฉันมากกว่า’ และถ้าสักวันหนึ่งคุณจะลืมฉันได้..ฉันก็หวังว่าคุณจะลืมไปพร้อมรอยยิ้ม ไม่ใช่น้ำตา” ⎙ เสียงของเธอเงียบไปครู่หนึ่ง..ก่อนพูดประโยคที่เบาที่สุด “ฉันรักคุณนะ ภาคิน และถ้าชีพจรของฉันยังส่งสัญญาณอยู่..ขอให้มันวิ่งเข้าหาหัวใจคุณได้อีกสักครั้งหนึ่ง” ⎙ ภาคินหลับตาลง มือปิดหน้าแน่น แต่น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ⎙ ไม่มีใครเห็น..ยกเว้นหน้าจอที่กำลังแสดงภาพกราฟชีพจรคลื่นหนึ่ง ⎙ ชีพจรนั้น ไม่ใช่ของเขา มันคือลายเซ็นชีพจรของลินา เดอลาเซ่ มันถูกฝังไว้ในระบบ ⎙ พร้อมคำสั่งให้ “แสดงค่า” ทุกปี..ในวันที่เธอจากไป ⎙ ภาคินวางมือลงช้าๆ เขายิ้มทั้งน้ำตาแล้วพูดเบาๆ “ก็ได้..งั้นฉันจะชงชาให้เธอไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะกลับมา หรือจนกว่าชีวิตฉันจะหมดลงพร้อมกลิ่นชาแก้วนั้น” ⎙ เขาหันไปชงชาอีกถ้วย..โดยไม่รู้เลยว่า กล้องเล็กๆ จากระยะไกล กำลังจับภาพเขาเงียบๆ และใต้ภาพมุมสูงจากกล้องนั้น ⎙ มีคำสั่งพิมพ์แทรกบนจอระบบ “ภาคินแอ็คทีฟ ได้รับการปกป้อง อย่าแทรกแซง จาก: L.R.” ⎙ ไม่ใช่ทุกความรักที่จบลงด้วยการกลับมา แต่ความรักที่แท้จริง..ต่อให้เหลือแค่ร่องรอยเสียง ก็ยังรักในหัวใจของใครบางคนได้ตลอดไป ⎙ ลินา ดอนลาเซ่ ไม่เคยหายไปจากโลกนี้เลย เธอแค่เฝ้ามองอยู่ อย่างที่คนที่รักเสมอ ⎙ ภาคินอาจคิดว่าหน้าที่ของเขาสิ้นสุดลงเมื่อเสียงของลินาหายไป ⎙ แต่ในโลกที่ระบบยังคงหลงเหลือ ความเงียบของ “หมอเงา” กลับกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด ⎙ และคราวนี้ เขาไม่ได้เป็นเพียงหมอที่รักษาบาดแผล แต่เป็นผู้เปิดเผย “เงาสุดท้าย” ที่แฝงตัวลึกยิ่งกว่าระบบ Ashthorn ระบบที่แม้แต่ลินายังไม่เคยเข้าถึง ⎙ แต่เขาต้องเข้าไป เพราะมันคือ รากของคำว่า “ควบคุม” ⎙ 5 เดือนหลังการส่งสัญญาณจากลินา ⎙ ณ คลินิก Safe Pulse ทุกอย่างยังดูปกติ แต่ภาคินเริ่มพบ “บางอย่างผิดปกติ” จากคนไข้ที่เดินทางมารักษาในช่วงหลัง 1. พวกเขามีชีพจรที่คล้ายกันผิดปกติ 2. มีรอยรหัสแทรกฝังอยู่ในเส้นชีพจรแบบนาโน — ไม่มีระบบวัดปกติใดตรวจเจอได้ 3. บางคนมีอาการหลอน ฝันซ้ำ และจำอะไรไม่ได้เลยก่อนอายุ 12 ปี ⎙ ต้นทางของเบาะแส: เด็กหญิงลึกลับ ⎙ เด็กหญิงคนหนึ่งอายุ 9 ขวบ ชื่อ “ยูนา” ถูกพามาทิ้งไว้หน้าคลินิก ไม่มีประวัติ ไม่มีพ่อแม่ ⎙ แต่สิ่งที่ภาคินเห็นคือ ชีพจรของเธอ..เหมือนของลินา ⎙ ไม่ใช่แค่ “ใกล้เคียง” ⎙ แต่เป็น “รหัสแม่แบบเดียวกัน” ราวกับถูกคัดลอกมาจาก DNA เดิม “ไม่มีใครลอกหัวใจใครได้ เว้นแต่จะสร้างมันขึ้นมาใหม่” ⎙ ภาคินจึงเริ่มสืบ เขาพบเงื่อนงำจากระบบฐานข้อมูลลับของ Ashthorn รุ่นแรก ชื่อของโครงการหนึ่งถูกซ่อนไว้ในบันทึกชั้นในสุดที่เพิ่งปลดล็อกหลังเสียงของลินาถูกถ่ายทอด ⎙ ชื่อของมันคือ..“Project DUSK..หัวใจจำลองเพื่อควบคุมเจเนอเรชันใหม่” ⎙ ภารกิจใหม่: ตามรอยรากลึกของ “โปรเจกต์ DUSK” ⎙ เพื่อปกป้องเด็กหญิงผู้มีหัวใจของหญิงที่เขารัก และเพื่อยุติการทดลองกับ “ชีพจรมนุษย์” อย่างสิ้นเชิง ⎙ ภาคินต้องกลับเข้าสู่โลกที่เขาเคยพยายามหนี..แต่คราวนี้ ไม่มีลินาคอยปกป้องเขาอีกต่อไป ⎙ มีเพียงเงาของเธอ..ในดวงตาของเด็กหญิงคนหนึ่ง และ “ข้อมูลชุดสุดท้าย” ที่ฝังอยู่ในตัวเขา เพราะลินาเคยซ่อนไว้ในชีพจรของเขาตั้งแต่ก่อนจาก ⎙ ภาคินเดินทางไปยัง “ไซโล 11” สถานีวิจัยร้างที่มีชื่อของ Project DUSK ปรากฏ ⎙ เขาได้รับความช่วยเหลือจาก ตัวละครใหม่: ⎙ ดร.ราฟาเอล – นักวิทยาศาสตร์หนีตายจากระบบเดิม ⎙ “เวย์ลิน” – สายลับหญิงที่เคยร่วมทีมกับลินา (เคยหักหลังเธอ..แต่ตอนนี้ขอชดใช้) ⎙ ยูนา – เด็กที่มีความทรงจำบางอย่างกำลังถูกปลุกขึ้น ⎙ ภาคินไม่ได้สู้เพื่อข้อมูลอีกแล้ว ⎙ เขาสู้เพื่อ “หัวใจที่ไม่ควรถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมืออีก” และเขาคือผู้ชายคนเดียวในโลก..ที่รู้ว่า หัวใจจริงๆ ควรเต้นเพื่อตัวเอง ไม่ใช่ตามรหัสของใคร ⎙ ชื่อของเขาไม่มีในบันทึกราชการ ไม่มีใครรู้จักเขาในโลกของข่าว ⎙ แต่ในโลกใต้ดิน..พวกเขาเริ่มเรียกชื่อเดียวกันนี้ “หมอเงา – The Shadow Pulse” ผู้ชายที่ ไม่รักษาร่างกาย แต่ รักษาความเป็นมนุษย์ ⎙ ให้คนที่เคยถูกหลอมให้เป็นเครื่องมือ ⎙ ถึงเวลาให้ผู้รอดชีวิตจาก Ashthorn ซึ่งกระจัดกระจายมานาน กลับมารวมตัว ไม่ใช่เพียงเพื่อเอาตัวรอด แต่เพื่อเอาคืน ⎙ เพื่อปิดเกมทั้งหมดด้วยมือของคนที่เคยถูกทำให้เป็นเพียง “เครื่องมือในระบบ” ⎙ ผู้รอดชีวิตรวมตัว ณ สถานที่: เมืองใต้ดิน – ฐานหลบภัยของกลุ่มผู้รอดจาก Ashthorn ⎙ ข่าวการปรากฏตัวของ “หมอเงา” ที่รักษาเด็กหญิงมีรหัสชีพจรตรงกับ ลินา เดอลาเซ่ ⎙ เริ่มแพร่กระจายผ่านเครือข่ายใต้ดิน ⎙ หนึ่งในอดีตนักข่าวเสรี ชื่อ มาริอา หนึ่งในเหยื่อที่เคยถูกใช้ชีพจรควบคุมการปล่อยข่าวปลอม ⎙ ติดต่อมายังภาคินพร้อมข้อมูลลับใหม่ “มีเครือข่ายฝาแฝดของ Ashthorn เหลืออยู่ ใช้ชื่อว่า Acheron ⎙ พวกมันย้ายฐานไปในระบบ ใช้คลื่นแม่เหล็ก, รหัสเสียง, และชีพจรต่อชีพจรโดยตรง” “มันไม่ใช่การควบคุมอีกแล้วมันคือ การจำลองมนุษย์ตั้งแต่เกิด เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างอารมณ์” ⎙ ภาคินตัดสินใจ “เรียกประชุมใต้ดิน” ผ่านสัญญาณชีพจรพิเศษที่เคยสร้างขึ้นโดยลินา รหัสนี้ส่งได้เพียงครั้งเดียว และแปลได้เฉพาะคนที่เคยถูกควบคุมแล้ว “ตื่น” “ถึงผู้ที่เคยถูกทำให้หัวใจไม่เป็นของตัวเอง ถ้าคุณยังมีแรงเต้นของตัวเองอยู่..เราขอเรียกคุณกลับมา ⎙ ครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อหลบ แต่เพื่อจบเกม ที่พวกมันเริ่มจากเรา” ⎙ ผู้รอดชีวิตที่กลับมา (ตัวละครสำคัญ) 1.มาริอา – นักข่าวสายลับ, ผู้ถอดรหัสข้อมูลของ Acheron 2.ดาริโอ – อดีตทหารพิเศษที่เคยถูกโปรแกรมให้ฆ่าเป้าหมายตามรหัสเสียง 3.ฮานะ – เด็กหญิงวัย 17 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งใน “ผู้จำลองชีพจร” รุ่นแรก (เป็นต้นแบบของยูนา) 4.เรย์ – ฮาร์กเกอร์ที่มีภาวะหัวใจเทียม..แต่สามารถปลอมสัญญาณชีพจรได้ทุกแบบ (เรียกตัวเองว่า “คนที่ไม่มีหัวใจแต่รู้จักหัวใจคนอื่น”) ⎙ ภาคินในฐานะหมอคนเดียวที่สามารถ รักษา “ความไม่เป็นมนุษย์” ด้วยมือเปล่า ⎙ จุดมุ่งหมายใหม่: บุกฐาน Acheron ⎙ เป้าหมาย: ทำลายโครงสร้างจำลองชีพจรที่ยังใช้ควบคุมเด็กหลายพันคน ⎙ ช่องทาง: ต้องเจาะผ่านระบบชีพจรแบบสด (ไม่สามารถแฮกได้ ต้องใช้ชีพจรของ “คนจริง”) ⎙ ฮานะอาสาใช้ชีพจรของตัวเองเพื่อเบี่ยงกระแส ⎙ ยูนาเป็น “กุญแจ” ที่เข้ารหัสระบบ Acheron ได้โดยตรง เพราะเธอคือ ผลผลิตที่พวกเขาสูญเสียการควบคุม ⎙ ภาคินรู้ทันทีว่า ถ้าแผนนี้ล้ม..เด็กทั้งสองอาจไม่รอด แต่เขายิ้มเพราะเขาไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว ⎙ ชื่อภารกิจ: Final Pulse – ปล่อยชีพจรสุดท้าย “พวกเราคือเสียงหัวใจที่ไม่เคยถูกนับว่า ‘สำคัญ’ แต่ครั้งนี้ เราจะให้หัวใจพวกมันหยุดเต้นแทน” พวกเขาแบ่งหน้าที่กัน: ⎙ ภาคินเป็นผู้คอยควบคุมจังหวะรหัสชีพจร คอยรักษาสภาพเด็กทั้งสองให้คงที่ ⎙ มาริอาและเรย์เจาะระบบรักษาความปลอดภัย ⎙ ดาริโอเป็นหน่วยต้านสไนเปอร์เงา ⎙ ฮานะและยูนา เข้าสู่ศูนย์ควบคุมชีพจรกลาง ⎙ เมื่อภารกิจเริ่มต้น ระบบ Acheron ส่งหน่วยป้องกันเข้าหยุดแผน เสียงรหัสเสียงพิเศษเริ่มกดใส่กลุ่มผู้รอดชีวิต แต่เรย์..สวมหูฟังและส่งเสียงชีพจรปลอมตัดสัญญาณจริง (แม้หัวใจเขาจะเต้นผิดจังหวะและเกือบหยุด) “ฉันไม่มีหัวใจให้มันควบคุม..แต่มันก็ไม่มีหัวใจพอจะชนะเราเช่นกัน” ⎙ ยูนาเดินเข้าไปกดปุ่มปลดล็อก ทันทีที่ทำ..ภาพจำลองระบบชีพจรนับพันหายวับ ⎙ เด็กจำนวนมากตื่นขึ้น..และเสียงระเบิดเบาๆ ดังจากระบบใจกลาง ⎙ เสียงสุดท้ายในภารกิจ “พวกเราคือผู้รอด ไม่ใช่ผู้หนี และจากวันนี้ไปหัวใจของเรา จะไม่ถูกใครตั้งจังหวะให้เต้นแทนอีกต่อไป” ʚ ═══・୨୧・═══ ɞ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD