⎙ หลังจากการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของ ลินา เดอลาเซ่ โลกก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
⎙ ข้อมูลของ แฟ้มลับ Ashthorn กระจายไปทุกแพลตฟอร์ม ข่าวปลอมพังทลายลง
⎙ ผู้คนตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริงที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงรหัสชีพจรในระบบ
⎙ แต่สำหรับหมอภาคิน โลกที่ไม่มีลินาไม่ได้สงบขึ้นมันเพียงเปลี่ยน เขาเองก็เลือกจะเปลี่ยนไปกับมัน
⟡ 8 เดือนถัดมา – พรมแดนระหว่าง ณ ประเทศแห่งหนึ่ง
⎙ กลางป่าหิมะซึ่งไม่มีจุดบนแผนที่ มีคลินิกไม้หลังหนึ่ง ไม่มีป้าย ไม่มีชื่อ แต่คนที่ “เคยรอด” จากเครือข่าย Ashthorn ต่างรู้จักมัน
⎙ ในชื่อเดียว ⸝⸝⸝“Safe Pulse”⸝⸝⸝ จุดพักของหัวใจที่เคยถูกล่า
⎙ ภายในคลินิก ⏃ มีเพียงเตียงเหล็กเก่า, เครื่องวัดชีพจรแบบแมนนวล และชายคนหนึ่งในเสื้อกาวน์สีขาวซีด
⎙ หมอภาคิน ธาราพิสุทธิ์ ไม่ได้เป็นหมอชื่อดัง ไม่ได้ออกสื่อ แต่เขา..คือคนที่ ผู้รอดชีวิตไว้ใจที่สุดในโลกนี้
⎙ เขาไม่ถามชื่อ ไม่ถามอดีต เขาเพียงกดเครื่องฟังหัวใจลงกับอกคนไข้ แล้วพูดเบาๆ ว่า..
“เสียงหัวใจยังดีอยู่..แสดงว่ายังมีพรุ่งนี้เสมอ”
⎙ ข่าวลือ..เกี่ยวกับเขาแพร่กระจาย ว่าหมอคนนี้เคยเป็นคนรักของหญิงสาวที่เปิดโปงระบบเงาทั้งโลก
⎙ ว่าทุกเช้าที่เขาตื่นขึ้น เขาจะต้มน้ำชาแล้วเหลือไว้ “อีกหนึ่งถ้วย” 𖠚ᐝ
⎙ บนโต๊ะข้างหน้าต่าง และว่าทุกวันที่ฝนตก..เขาจะหยิบกล่องเล็กๆ จากลิ้นชักขึ้นมาเปิดดู
⎙ ภายในมีเพียง ต่างหูเล็กๆ รูปหัวใจที่เคยเป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณของเธอ
⎙ แผ่นกระดาษแผ่นเดียว ที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ ว่า
“ถ้าโลกนี้เปลี่ยนได้จริง..สักวันหนึ่ง ฉันหวังว่าจะได้กลับมานั่งจิบชาเงียบๆ ข้างคุณ” ลินา เดอลาเซ่
⎙ วันหนึ่ง เด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในคลินิก เธอไม่ได้เป็นอะไรมาก..แค่เหนื่อย แต่เธอถามเขาว่า..
“คุณหมอ..คุณเคยรักใครจนยอมเปลี่ยนทั้งชีวิตมั้ย?”
⎙ ภาคินเงยหน้าขึ้นมองเธอ เขายิ้ม..เหมือนทุกครั้งที่เขาไม่พูดมาก
“ผมยังรักอยู่..ทุกวัน”
⎙ ภาคินยืนอยู่หน้าต่าง มองออกไปยังหิมะที่ตกช้าๆ มือของเขาถือถ้วยชา อีกใบยังวางอยู่ข้างๆ 𖠚ᐝ
⎙ ไม่มีใครนั่งตรงนั้น แต่เขายังคงเฝ้ารอ เพราะบางความรัก..ไม่ต้องมีบทสรุป มันแค่ “มีอยู่”
⎙ เหมือนชีพจรที่ยังเต้น แม้เงียบจนแทบไม่ได้ยิน
“หมอเงา” ไม่ใช่ฮีโร่ของโลก
⎙ แต่เขาคือผู้รักษาเศษเสี้ยวของหัวใจ..ที่ผู้หญิงคนหนึ่งทิ้งไว้ให้โลกจำ และตราบใดที่หัวใจของเขายังเต้น..เธอจะไม่มีวันตายจากเรื่องนี้เลย
“after credit” ไม่ได้เป็นการคืนชีพด้วยปาฏิหาริย์
⎙ แต่คือการ กลับมาในความเงียบ การปรากฏตัว..โดยไม่ต้องปรากฏ และคือ
⎙ สิ่งที่มีพลังมากพอจะเขย่า “หัวใจที่ยอมทิ้งทุกอย่างไปแล้ว” ให้เต้นแรงอีกครั้ง
⎙ After Credit Scene: เมื่อเธอพูดกับเขาอีกครั้ง
⎙ ฤดูหนาว ปีถัดมา ที่คลินิก Safe Pulse
⎙ หิมะตกหนากว่าทุกปี อากาศเงียบผิดปกติ คนไข้เบาบาง แต่ภาคินยังคงเปิดประตูทุกวัน
⎙ ราวกับหวังว่า..ใครบางคนจะผลักประตูเข้ามาโดยไม่ต้องนัด
⎙ เขายังคงชงชาสองถ้วย ยังวางต่างหูของเธอไว้ข้างหน้าต่าง ยังใส่เสื้อกาวน์ตัวเดิม แม้สีจะจางลงไปมากแล้ว
⎙ ค่ำวันนั้น
⎙ เขาอยู่ในห้องทำงานเล็กๆ ท่ามกลางเสียงพายุหิมะนอกหน้าต่าง ลมแรงพัดจนโคมไฟสั่น จู่ๆ..ไฟในคลินิกก็กระพริบเบาๆ ก่อนจะดับวูบ
⎙ ระบบไฟสำรองเปิดขึ้นทันที แต่มันไม่ใช่แค่ไฟที่ติด จู่ๆ แท็บเล็ตเก่าๆ บนโต๊ะก็เปิดตัวเอง บนหน้าจอขึ้นข้อความว่า
“1 ไฟล์รอเปิด — ‘LIN4-LAST.BEAT’”
⎙ ภาคินขมวดคิ้ว
⎙ เขาไม่เคยบันทึกไฟล์ชื่อแบบนั้น มือเขาสั่นเล็กน้อย
⎙ เขากดเปิดไฟล์..และทันใดนั้น เสียงของเธอก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ..คุณหมอ”
⎙ เสียงเธอแหบเล็กน้อย แต่นั่นคือเสียงของ ลินา จริงแท้เกินกว่าจะบอกว่าเป็นภาพหลอน
“ถ้าไฟล์นี้ทำงานได้สำเร็จ แสดงว่าโลกยังอยู่..และคุณยังอยู่”
“ฉันเคยฝังข้อความนี้ไว้ในระบบความปลอดภัยฉุกเฉินของโปรโตคอล Zero Pulse
⎙ ถ้ามีคนเปิดแม่ข่ายสำรองเมื่อฉันไม่อยู่..มันจะส่งข้อมูลนี้หาคุณโดยอัตโนมัติ”
⎙ ภาคินยืนนิ่ง ดวงตาร้อนวาบ เสียงของเธอไม่ได้ผ่านลำโพง มันผ่านเข้าหัวใจเขาโดยตรง
“ภาคิน..ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้คุณเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือยังชงชาให้ฉันทุกเช้าหรือเปล่า..”
“..แต่ฉันอยากให้คุณรู้ว่า ฉันไม่ได้ตายไป
⎙ ฉันแค่เลือกจะ ‘อยู่ในที่ที่โลกต้องการฉันมากกว่า’ และถ้าสักวันหนึ่งคุณจะลืมฉันได้..ฉันก็หวังว่าคุณจะลืมไปพร้อมรอยยิ้ม ไม่ใช่น้ำตา”
⎙ เสียงของเธอเงียบไปครู่หนึ่ง..ก่อนพูดประโยคที่เบาที่สุด
“ฉันรักคุณนะ ภาคิน และถ้าชีพจรของฉันยังส่งสัญญาณอยู่..ขอให้มันวิ่งเข้าหาหัวใจคุณได้อีกสักครั้งหนึ่ง”
⎙ ภาคินหลับตาลง มือปิดหน้าแน่น แต่น้ำตาไหลออกมาช้าๆ
⎙ ไม่มีใครเห็น..ยกเว้นหน้าจอที่กำลังแสดงภาพกราฟชีพจรคลื่นหนึ่ง
⎙ ชีพจรนั้น ไม่ใช่ของเขา มันคือลายเซ็นชีพจรของลินา เดอลาเซ่ มันถูกฝังไว้ในระบบ
⎙ พร้อมคำสั่งให้ “แสดงค่า” ทุกปี..ในวันที่เธอจากไป
⎙ ภาคินวางมือลงช้าๆ เขายิ้มทั้งน้ำตาแล้วพูดเบาๆ
“ก็ได้..งั้นฉันจะชงชาให้เธอไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะกลับมา หรือจนกว่าชีวิตฉันจะหมดลงพร้อมกลิ่นชาแก้วนั้น”
⎙ เขาหันไปชงชาอีกถ้วย..โดยไม่รู้เลยว่า กล้องเล็กๆ จากระยะไกล กำลังจับภาพเขาเงียบๆ และใต้ภาพมุมสูงจากกล้องนั้น
⎙ มีคำสั่งพิมพ์แทรกบนจอระบบ
“ภาคินแอ็คทีฟ ได้รับการปกป้อง อย่าแทรกแซง จาก: L.R.”
⎙ ไม่ใช่ทุกความรักที่จบลงด้วยการกลับมา แต่ความรักที่แท้จริง..ต่อให้เหลือแค่ร่องรอยเสียง ก็ยังรักในหัวใจของใครบางคนได้ตลอดไป
⎙ ลินา ดอนลาเซ่ ไม่เคยหายไปจากโลกนี้เลย เธอแค่เฝ้ามองอยู่ อย่างที่คนที่รักเสมอ
⎙ ภาคินอาจคิดว่าหน้าที่ของเขาสิ้นสุดลงเมื่อเสียงของลินาหายไป
⎙ แต่ในโลกที่ระบบยังคงหลงเหลือ ความเงียบของ “หมอเงา” กลับกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด
⎙ และคราวนี้ เขาไม่ได้เป็นเพียงหมอที่รักษาบาดแผล แต่เป็นผู้เปิดเผย “เงาสุดท้าย” ที่แฝงตัวลึกยิ่งกว่าระบบ Ashthorn ระบบที่แม้แต่ลินายังไม่เคยเข้าถึง
⎙ แต่เขาต้องเข้าไป เพราะมันคือ รากของคำว่า “ควบคุม”
⎙ 5 เดือนหลังการส่งสัญญาณจากลินา
⎙ ณ คลินิก Safe Pulse ทุกอย่างยังดูปกติ แต่ภาคินเริ่มพบ
“บางอย่างผิดปกติ” จากคนไข้ที่เดินทางมารักษาในช่วงหลัง
1. พวกเขามีชีพจรที่คล้ายกันผิดปกติ
2. มีรอยรหัสแทรกฝังอยู่ในเส้นชีพจรแบบนาโน — ไม่มีระบบวัดปกติใดตรวจเจอได้
3. บางคนมีอาการหลอน ฝันซ้ำ และจำอะไรไม่ได้เลยก่อนอายุ 12 ปี
⎙ ต้นทางของเบาะแส: เด็กหญิงลึกลับ
⎙ เด็กหญิงคนหนึ่งอายุ 9 ขวบ ชื่อ “ยูนา” ถูกพามาทิ้งไว้หน้าคลินิก ไม่มีประวัติ ไม่มีพ่อแม่
⎙ แต่สิ่งที่ภาคินเห็นคือ ชีพจรของเธอ..เหมือนของลินา
⎙ ไม่ใช่แค่ “ใกล้เคียง”
⎙ แต่เป็น “รหัสแม่แบบเดียวกัน” ราวกับถูกคัดลอกมาจาก DNA เดิม
“ไม่มีใครลอกหัวใจใครได้ เว้นแต่จะสร้างมันขึ้นมาใหม่”
⎙ ภาคินจึงเริ่มสืบ เขาพบเงื่อนงำจากระบบฐานข้อมูลลับของ Ashthorn รุ่นแรก ชื่อของโครงการหนึ่งถูกซ่อนไว้ในบันทึกชั้นในสุดที่เพิ่งปลดล็อกหลังเสียงของลินาถูกถ่ายทอด
⎙ ชื่อของมันคือ..“Project DUSK..หัวใจจำลองเพื่อควบคุมเจเนอเรชันใหม่”
⎙ ภารกิจใหม่: ตามรอยรากลึกของ “โปรเจกต์ DUSK”
⎙ เพื่อปกป้องเด็กหญิงผู้มีหัวใจของหญิงที่เขารัก และเพื่อยุติการทดลองกับ “ชีพจรมนุษย์” อย่างสิ้นเชิง
⎙ ภาคินต้องกลับเข้าสู่โลกที่เขาเคยพยายามหนี..แต่คราวนี้ ไม่มีลินาคอยปกป้องเขาอีกต่อไป
⎙ มีเพียงเงาของเธอ..ในดวงตาของเด็กหญิงคนหนึ่ง และ “ข้อมูลชุดสุดท้าย” ที่ฝังอยู่ในตัวเขา เพราะลินาเคยซ่อนไว้ในชีพจรของเขาตั้งแต่ก่อนจาก
⎙ ภาคินเดินทางไปยัง “ไซโล 11” สถานีวิจัยร้างที่มีชื่อของ Project DUSK ปรากฏ
⎙ เขาได้รับความช่วยเหลือจาก ตัวละครใหม่:
⎙ ดร.ราฟาเอล – นักวิทยาศาสตร์หนีตายจากระบบเดิม
⎙ “เวย์ลิน” – สายลับหญิงที่เคยร่วมทีมกับลินา (เคยหักหลังเธอ..แต่ตอนนี้ขอชดใช้)
⎙ ยูนา – เด็กที่มีความทรงจำบางอย่างกำลังถูกปลุกขึ้น
⎙ ภาคินไม่ได้สู้เพื่อข้อมูลอีกแล้ว
⎙ เขาสู้เพื่อ “หัวใจที่ไม่ควรถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมืออีก” และเขาคือผู้ชายคนเดียวในโลก..ที่รู้ว่า หัวใจจริงๆ ควรเต้นเพื่อตัวเอง ไม่ใช่ตามรหัสของใคร
⎙ ชื่อของเขาไม่มีในบันทึกราชการ ไม่มีใครรู้จักเขาในโลกของข่าว
⎙ แต่ในโลกใต้ดิน..พวกเขาเริ่มเรียกชื่อเดียวกันนี้
“หมอเงา – The Shadow Pulse” ผู้ชายที่ ไม่รักษาร่างกาย แต่ รักษาความเป็นมนุษย์
⎙ ให้คนที่เคยถูกหลอมให้เป็นเครื่องมือ
⎙ ถึงเวลาให้ผู้รอดชีวิตจาก Ashthorn ซึ่งกระจัดกระจายมานาน กลับมารวมตัว ไม่ใช่เพียงเพื่อเอาตัวรอด แต่เพื่อเอาคืน
⎙ เพื่อปิดเกมทั้งหมดด้วยมือของคนที่เคยถูกทำให้เป็นเพียง “เครื่องมือในระบบ”
⎙ ผู้รอดชีวิตรวมตัว
ณ สถานที่: เมืองใต้ดิน – ฐานหลบภัยของกลุ่มผู้รอดจาก Ashthorn
⎙ ข่าวการปรากฏตัวของ “หมอเงา” ที่รักษาเด็กหญิงมีรหัสชีพจรตรงกับ ลินา เดอลาเซ่
⎙ เริ่มแพร่กระจายผ่านเครือข่ายใต้ดิน
⎙ หนึ่งในอดีตนักข่าวเสรี ชื่อ มาริอา หนึ่งในเหยื่อที่เคยถูกใช้ชีพจรควบคุมการปล่อยข่าวปลอม
⎙ ติดต่อมายังภาคินพร้อมข้อมูลลับใหม่
“มีเครือข่ายฝาแฝดของ Ashthorn เหลืออยู่ ใช้ชื่อว่า Acheron
⎙ พวกมันย้ายฐานไปในระบบ ใช้คลื่นแม่เหล็ก, รหัสเสียง, และชีพจรต่อชีพจรโดยตรง”
“มันไม่ใช่การควบคุมอีกแล้วมันคือ การจำลองมนุษย์ตั้งแต่เกิด เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างอารมณ์”
⎙ ภาคินตัดสินใจ “เรียกประชุมใต้ดิน” ผ่านสัญญาณชีพจรพิเศษที่เคยสร้างขึ้นโดยลินา รหัสนี้ส่งได้เพียงครั้งเดียว และแปลได้เฉพาะคนที่เคยถูกควบคุมแล้ว “ตื่น”
“ถึงผู้ที่เคยถูกทำให้หัวใจไม่เป็นของตัวเอง ถ้าคุณยังมีแรงเต้นของตัวเองอยู่..เราขอเรียกคุณกลับมา
⎙ ครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อหลบ แต่เพื่อจบเกม ที่พวกมันเริ่มจากเรา”
⎙ ผู้รอดชีวิตที่กลับมา (ตัวละครสำคัญ)
1.มาริอา – นักข่าวสายลับ, ผู้ถอดรหัสข้อมูลของ Acheron
2.ดาริโอ – อดีตทหารพิเศษที่เคยถูกโปรแกรมให้ฆ่าเป้าหมายตามรหัสเสียง
3.ฮานะ – เด็กหญิงวัย 17 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งใน “ผู้จำลองชีพจร” รุ่นแรก (เป็นต้นแบบของยูนา)
4.เรย์ – ฮาร์กเกอร์ที่มีภาวะหัวใจเทียม..แต่สามารถปลอมสัญญาณชีพจรได้ทุกแบบ (เรียกตัวเองว่า “คนที่ไม่มีหัวใจแต่รู้จักหัวใจคนอื่น”)
⎙ ภาคินในฐานะหมอคนเดียวที่สามารถ รักษา “ความไม่เป็นมนุษย์” ด้วยมือเปล่า
⎙ จุดมุ่งหมายใหม่: บุกฐาน Acheron
⎙ เป้าหมาย: ทำลายโครงสร้างจำลองชีพจรที่ยังใช้ควบคุมเด็กหลายพันคน
⎙ ช่องทาง: ต้องเจาะผ่านระบบชีพจรแบบสด (ไม่สามารถแฮกได้ ต้องใช้ชีพจรของ “คนจริง”)
⎙ ฮานะอาสาใช้ชีพจรของตัวเองเพื่อเบี่ยงกระแส
⎙ ยูนาเป็น “กุญแจ” ที่เข้ารหัสระบบ Acheron ได้โดยตรง เพราะเธอคือ ผลผลิตที่พวกเขาสูญเสียการควบคุม
⎙ ภาคินรู้ทันทีว่า ถ้าแผนนี้ล้ม..เด็กทั้งสองอาจไม่รอด แต่เขายิ้มเพราะเขาไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว
⎙ ชื่อภารกิจ: Final Pulse – ปล่อยชีพจรสุดท้าย
“พวกเราคือเสียงหัวใจที่ไม่เคยถูกนับว่า ‘สำคัญ’ แต่ครั้งนี้ เราจะให้หัวใจพวกมันหยุดเต้นแทน” พวกเขาแบ่งหน้าที่กัน:
⎙ ภาคินเป็นผู้คอยควบคุมจังหวะรหัสชีพจร
คอยรักษาสภาพเด็กทั้งสองให้คงที่
⎙ มาริอาและเรย์เจาะระบบรักษาความปลอดภัย
⎙ ดาริโอเป็นหน่วยต้านสไนเปอร์เงา
⎙ ฮานะและยูนา เข้าสู่ศูนย์ควบคุมชีพจรกลาง
⎙ เมื่อภารกิจเริ่มต้น ระบบ Acheron ส่งหน่วยป้องกันเข้าหยุดแผน เสียงรหัสเสียงพิเศษเริ่มกดใส่กลุ่มผู้รอดชีวิต แต่เรย์..สวมหูฟังและส่งเสียงชีพจรปลอมตัดสัญญาณจริง (แม้หัวใจเขาจะเต้นผิดจังหวะและเกือบหยุด)
“ฉันไม่มีหัวใจให้มันควบคุม..แต่มันก็ไม่มีหัวใจพอจะชนะเราเช่นกัน”
⎙ ยูนาเดินเข้าไปกดปุ่มปลดล็อก ทันทีที่ทำ..ภาพจำลองระบบชีพจรนับพันหายวับ
⎙ เด็กจำนวนมากตื่นขึ้น..และเสียงระเบิดเบาๆ ดังจากระบบใจกลาง
⎙ เสียงสุดท้ายในภารกิจ
“พวกเราคือผู้รอด ไม่ใช่ผู้หนี และจากวันนี้ไปหัวใจของเรา จะไม่ถูกใครตั้งจังหวะให้เต้นแทนอีกต่อไป”
ʚ ═══・୨୧・═══ ɞ