࿐ ࿔*:・゚หลายเดือนหลังจากวันนั้น
ᨒ ณ หุบเขาแห่ง Safe Puls
❅ ที่พักไม้กลางหุบเขา รายล้อมด้วยต้นสนและเสียงน้ำตกเบาๆ เป็นสถานที่ที่ไม่มีชื่อ ไม่มีบนแผนที่ แต่มี “หัวใจ” สองดวงที่กลับมาพบกันอีกครั้ง
❅ ลินายืนอยู่ริมหน้าต่าง สวมเสื้อไหมพรมตัวหลวมที่ภาคินเคยใช้ตอนไปภารกิจภาคสนาม
❅ กลิ่นของมันยังเหมือนเดิม กลิ่นของคนที่เคยจากไปนานเหลือเกิน
“เสียงเครื่องต้มชาร้องเบาๆ”
❅ ภาคินกำลังรินชาใส่แก้ว เขาเหลือบตามองเธอผ่านไอน้ำที่ลอยจากกาน้ำร้อน
❅ เขาไม่พูดอะไร ไม่ถามว่าเธอจำอะไรได้บ้าง ไม่เร่งให้เธอเล่าเรื่องวันสุดท้าย
❅ เพราะแค่เธอยังอยู่ แค่ลมหายใจของเธออยู่ตรงนั้น เขาก็ไม่ต้องการคำตอบใดอีก
“คุณเคยพูดว่าจะไม่เลือกสงครามอีก ถ้าฉันยังอยู่”
“แล้วตอนนี้คุณเลือกอะไร?”
❅ เสียงของลินาเบาและมั่นคงกว่าครั้งแรกที่เธอฟื้นขึ้น
❅ ภาคินเดินเข้ามาใกล้ นั่งลงตรงขอบเตียง ตอบด้วยการเอื้อมมือไปวางบนมือของเธอ
“ผมเลือกชีวิตที่มีคุณ”
“ถ้ามันต้องการความกล้าเหมือนตอนอยู่ในสนามรบ ผมก็จะกล้าแบบนั้นทุกวัน”
❅ ลินายิ้ม รอยยิ้มที่ไม่เคยเปลี่ยน
❅ เธอหันหน้าไปมองขอบฟ้าทางเหนือ ซึ่งเคยเป็นแนวชายแดนของความกลัว แต่ตอนนี้มันคือจุดเริ่มของการเยียวยา
ꕤ คืนแรกที่พวกเขานอนหลับร่วมกันอีกครั้ง
❅ ไม่มีคำพูด ไม่มีสัญญา ไม่มีคำสาบาน มีแค่การจับมือกันในความมืด กับจังหวะชีพจรที่กลับมาเต้นอย่างประหลาดใจ
“คุณรู้มั้ย..”
“ตอนที่ผมรักษาผู้รอดชีวิตจาก Ashthorn ผมมักจะถามพวกเขาว่า กลัวอะไรที่สุด”
“คำตอบส่วนใหญ่มักเป็น..กลัวไม่เหลือใครให้รักอีก”
❅ ลินาขยับมาใกล้ เอียงหน้าซบที่อกเขา
“แล้วคุณล่ะ?”
“ผมเคยกลัวแบบนั้น..จนวันนี้”
❅ เขาก้มจูบหน้าผากเธอ
ꕤ เช้าต่อมา..
❅ ณ ห้องทำงานลับที่อยู่ใต้พื้นไม้
❅ ภาคินเปิดระบบ Pulse Root ขึ้นมาอีกครั้ง เขาใส่รหัสพิเศษที่มีแค่เขาและลินารู้ บนหน้าจอแสดงข้อความใหม่ขึ้นมา
“ชีพจร L.R.-Alpha ได้รับการยืนยันแล้วว่า ยังมีอยู่”
“ไม่ใช่เพื่อระบบ ไม่ใช่เพื่อการควบคุม”
“แต่เพื่อ ‘ชีวิตจริง’ ที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้อง”
❅ เขาใส่บันทึกใหม่ลงไปในระบบ
“Lina Delacé: Pulse Code เปิดใช้งานอีกครั้งไม่ใช่เพื่อสงคราม แต่เพื่อความรัก.”
ꕤ และวันหนึ่ง..
❅ ในวันที่โลกเงียบสงบ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ภาคินช่วยดูแล
❅ เด็กหญิงที่ไม่มีอดีต แต่มีอนาคตเต็มไปด้วยความหวัง
❅ เธอถามลินาว่า..
“คุณป้าคะ เวลาที่หัวใจหยุดไป แล้วกลับมาอีกครั้ง..มันเจ็บไหมคะ?”
❅ ลินายิ้ม มองหน้าภาคินที่นั่งอยู่ไม่ไกล
“มันไม่เจ็บหรอกจ้ะ..”
“ถ้ามีใครสักคนที่รอฟังมันอยู่เสมอ”
❅ หรืออาจจะไม่..เพราะในโลกที่คลื่นชีพจรเคยควบคุมชีวิตผู้คน วันหนึ่งมันอาจกลับมาอีกครั้ง
❅ เพราะครั้งนี้..เธอไม่ได้ตายเพื่อโลก แต่เธอกลับมาเพื่อใช้ชีวิต เพื่อรัก..ให้สมกับการรอด
❅ การใช้ชีวิตคู่ของ “หมอภาคิน” และ “ลินา เดอลาเซ่” ในยุคหลังพายุแห่งสงคราม คลื่นชีพจร และเครือข่ายลับ
❅ เป็นช่วงเวลาแห่งความสงบที่ไม่ง่าย แต่เต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และการสร้างใหม่
ꕤ เช้าในบ้านไม้หลังเล็ก เรียบง่ายแต่มีหัวใจ
❅ ณ บ้านไม้กลางหุบเขา มีกลิ่นขนมปังอบจากเตาไม้
❅ ภาคินกำลังใช้มีดหั่นผลไม้ให้เป็นชิ้นบางๆ เขายังคงมีนิสัยเจ้าระเบียบเหมือนตอนเป็นหมอในสนาม
❅ ส่วนลินากำลังนั่งบนเก้าอี้โยก อ่านหนังสือเล่มเก่าที่เขาเคยเขียนไว้คู่มือการแพทย์สนาม ที่ตอนนี้ไม่ต้องใช้ในสนามรบอีกต่อไป
“ขนมปังไหม้แล้วนะคะ หมอเงา”
❅ เธอยิ้มเย้า แต่เขาไม่สนใจ เขาเดินไปจูบหน้าผากเธอแทน
“เผื่อรสขมมันจะทำให้คุณลืมเรื่องในอดีตได้”
❅ พวกเขาหัวเราะเบาๆ และนั่งทานอาหารเช้าร่วมกัน เหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป แต่นัยน์ตาของทั้งสองคน..เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่มีใครรู้
ꕤ ภารกิจใหม่ ไม่ใช่การลอบสังหาร แต่เป็นการ “ปลูก”
❅ หลังจากที่ลินารอดมาอย่างปาฏิหาริย์
❅ เธอเปลี่ยนบทบาทจาก “หญิงผู้กุมรหัสชีพจรโลก” มาเป็น “ผู้ปลูกต้นไม้”
❅ จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่ต้นไม้ธรรมดา แต่มันคือต้นไม้ที่ถูกเพาะจากเมล็ดพันธุ์ทางพันธุกรรมที่เคยถูกแช่แข็งไว้ตั้งแต่สมัยสงครามชีวภาพ
❅ เธอและภาคินทำงานร่วมกันเปิด “โครงการ Pulse Garden” สวนชีพจรแห่งชีวิตที่นั่น พวกเขาไม่ได้รักษาผู้บาดเจ็บอีกแล้ว แต่รักษาดิน ฟื้นฟูแหล่งน้ำ และดูแลชีวิตที่อ่อนแอให้กลับมาเติบโต
“คุณเคยฆ่าคนด้วยรหัส” ภาคินพูดขณะช่วยเธอขุดดิน
“แต่วันนี้ คุณปลุกชีวิตด้วยมือเปล่า ผมว่ามันคือชัยชนะที่ยิ่งกว่าการรอดชีวิตซะอีก”
❅ ลินายิ้ม ไม่ตอบ เธอแค่มองต้นอ่อนที่ผลิใบแรกขึ้นจากดิน
ꕤ ในคืนฝนตก — ความกลัวที่ยังคงอยู่
❅ บางคืน ลินายังคงสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย เธอเห็นภาพการล่มสลายของฐาน Acheron เห็นร่างผู้บริสุทธิ์ที่เธอไม่สามารถช่วยไว้ได้
❅ ภาคินจะไม่ถามว่าเธอฝันอะไร แต่จะตื่นขึ้นมากอดเธอไว้เงียบๆ แล้วพาเธอออกไปนั่งบนระเบียงใต้ผ้าห่มหนาๆ
“คุณเคยเสียอะไรไปมากกว่าฉันมั้ย?”
❅ เธอถามในคืนหนึ่ง “ผมเคยเสียคุณไป” เขาตอบสั้นๆ และเสียงเธอก็เงียบลง
ꕤ การขอแต่งงานที่..ไม่ใช่แบบธรรมดา
❅ วันหนึ่ง ระหว่างที่ลินากำลังปลูกพืชคลุมดินอยู่ในแปลงทดลอง
❅ ภาคินเดินมาหาเธอด้วยกล่องเหล็กเล็กๆ
❅ เธอเปิดออก มันไม่ใช่แหวน..แต่เป็น “ชิปชีพจรสำรอง” ที่ภาคินออกแบบขึ้นมาเอง
❅ มันไม่ใช่ชิปที่ควบคุมใครได้อีกต่อไป แต่เป็น “รหัสคู่ชีวิต” ที่เขาตั้งชื่อว่า L&R Core (Lina & Ruksa รหัสรักของพวกเขา)
“มันไม่มีระบบสั่งการ ไม่มีการกักชีพจร”
“แต่ถ้าคุณใส่มันไว้ มันจะเต้นตามจังหวะหัวใจของเราเท่านั้น”
❅ ลินานิ่ง ไม่เคยมีใครขอเธอแต่งงานด้วยเทคโนโลยีชีวภาพมาก่อน เธอพยักหน้าเบาๆ และสวมมันไว้ตรงข้อมือ
“แบบนี้ฉันก็หนีคุณไม่ได้แล้วสินะ”
“ไม่ใช่เพราะชิปนะ”เขาตอบ“แต่เพราะคุณไม่เคยหนีใจตัวเองได้ต่างหาก”
ꕤ ความหวัง — การมีลูก
❅ แม้ทั้งสองคนร่างกายจะผ่านที่ถูกดัดแปลง และผ่านการบาดเจ็บในระดับเซลล์
❅ การมีลูกดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่วันหนึ่ง
❅ ภาคินก็ถือผลตรวจจาก Pulse Lab ที่แสดงค่าชีวภาพระดับต้นแบบ
“คุณอาจจะหัวใจเต้นช้ากว่าคนอื่น..”
“แต่คุณยังสามารถสร้างชีพจรดวงใหม่ได้อีก”
❅ น้ำตาของลินาไหลช้าๆ เธอเคยคิดว่าร่างกายนี้ไม่มีค่าอีกต่อไป
❅ แต่วันนี้ มันคือที่พักของชีวิตใหม่ ที่เธอจะมอบให้กับโลกนี้..ในฐานะแม่
ꕤ ในวันที่หิมะตกอีกครั้ง
❅ ในวันแรกของฤดูหนาว พวกเขายืนจับมือกันหน้าประตูบ้าน
❅ ลูกคนแรกของพวกเขากำลังหลับอยู่ในเปลไม้ และภาคินพูดกับลินาด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“สงครามอาจทำให้เราเสียทุกอย่าง”
“แต่ความรัก..ทำให้เรา ‘กล้าเริ่มใหม่’ ได้อีกครั้ง”
❅ ชีวิตครอบครัว”ของ ภาคินและลินา เดอลาเซ่ ในโลกหลังสงครามกับ ลูกสาวของพวกเขา ที่กำลังเติบโตขึ้นท่ามกลางเงามืดที่ยังหลงเหลือ
❅ จากระบบ Pulse และ Ashthorn พร้อมการฝึกฝนเพื่อเป็น “ทายาทแห่งชีพจร” คนใหม่ ที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำลาย..แต่เพื่อปกป้อง
ꕤ เด็กหญิงชื่อ “เอริน”
❅ เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ผู้มีดวงตาเหมือนพ่อ และจังหวะชีพจรเหมือนแม่
❅ เธอชื่อ เอริน เดอลาเซ่
❅ เกิดจากร่างกายที่เคยถูกพิจารณาว่า “ไม่อาจให้กำเนิดได้อีก”แต่กลับแข็งแรงกว่าที่ใครคาด ตั้งแต่เล็ก เธอมีความสามารถในการ “รับรู้คลื่นชีพจร” โดยไม่ใช้เครื่องมือใดๆ
❅ สามารถบอกได้ว่า ใคร “พูดโกหก” หรือ “กลัวบางอย่าง” จากจังหวะชีพจร
“เธอไม่ใช่แค่ลูกของหมอกับนักรบ”
“เธอคือผลรวมของโลกใบเก่า และความหวังของโลกใบใหม่”
ꕤ การฝึกฝน
❅ ลินาฝึกเอรินให้เข้าใจ วิธีฟังหัวใจของคนอื่น ก่อนจะฝึก “การป้องกันตัว”
❅ ภาคินสอนเธอเรื่องชีวกลศาสตร์ การแพทย์เบื้องต้น และจริยธรรมที่พ่อเขียนขึ้นเอง
“ลูกต้องรู้จักเจ็บก่อนจะรักษาใครได้”
“และต้องรู้จักให้อภัย ก่อนจะใช้อำนาจใดควบคุมคนอื่น”
❅ แต่เอรินมีความอยากรู้ อยากเห็นมากกว่านั้น เธอเคยแอบเข้าไปยังคลังข้อมูลเก่าของ Pulse Root และเจอไฟล์ชื่อ “Echo Protocol” ภารกิจที่ลินาไม่เคยเล่าให้ใครฟัง
ꕤ เหตุการณ์เงียบที่ไม่ควรเกิด
❅ วันหนึ่ง สัญญาณชีพจรระดับต่ำๆ มันไม่ควรมีอยู่ เพราะระบบ Acheron ถูกทำลายไปนานแล้ว แต่มันเป็นคลื่นที่เอริน “ได้ยิน”
“แม่คะ..มันเศร้ามากเลยค่ะ”
“เหมือนมันร้องไห้อยู่ในตัวฉัน”
ภาคินตรวจร่างกายเธอ ไม่มีอาการผิดปกติ แต่หัวใจเธอเต้นตามความถี่ของสิ่งนั้น
❅ สิ่งที่เรียกว่า “Ghost Pulse” คลื่นของผู้ที่ตายแล้วแต่ยังไม่ถูกปล่อยจากระบบ
ꕤ การเดินทางครั้งแรก — กับพ่อแม่
ภาคิน, ลินา และเอริน เดินทางโดยไม่บอกใคร สู่ “เขตว่างชีพจร” พื้นที่ที่ยังไม่มีใครเข้าไปหลังสงครามสิ้นสุดที่นั่น
❅ พวกเขาพบฐานข้อมูลเก่าของ Ashthorn ที่ยังเหลือรอด และในห้องหนึ่งมี “เตียงชีวภาพ” ที่ยังมี เด็กหญิงอีกคนหนึ่ง
❅ หัวใจเธอเต้น..แต่ไม่มีรหัส ไม่มีชื่อ ไม่มีใครจำได้ว่าเธอคือใคร
❅ เอรินเดินเข้าไปจับมือเด็กคนนั้น ชีพจรของทั้งสองเชื่อมกัน และเธอพูดเพียงคำเดียว
“เธอคือ..อีกครึ่งของฉัน”
❅ เด็กหญิงอีกคนนี้ อาจเป็นหนึ่งในโปรโตไทป์จากโครงการ Ashthorn หรืออาจเป็น “ตัวแทน” ของฝั่งที่ยังไม่ยอมจำนน
❅ คำถามคือ เธอควร “ถูกรักษา” หรือ “ถูกทำลาย”?
❅ ลินากังวล แต่เอรินกลับไม่ลังเล
“แม่กับพ่อเคยช่วยชีวิตคนที่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะรอด”
“วันนี้หนูขอใช้หัวใจหนู..ช่วยเธอ”
❅ จากวันนั้น ครอบครัวเดอลาเซ่-รัษฎา ตัดสินใจเปิด Safe Puls School
❅ โรงเรียนแห่งชีพจร ที่ไม่ได้สอนการควบคุม..แต่สอน “การอยู่ร่วมกันกับคลื่นชีพจรของผู้อื่น”
❅ เด็กกำพร้า ผู้รอดชีวิต และแม้แต่ลูกหลานของอดีตศัตรู เริ่มถูกพามาเรียนรู้ใหม่ และเอริน กับ “เด็กหญิงปริศนา” (ที่ต่อมามีชื่อว่า “ลูเซีย”) กลายเป็น รุ่นบุกเบิกของ Pulse Harmony
❅ แนวคิดใหม่ที่เชื่อว่า หัวใจไม่ได้มีไว้เพื่อควบคุมใคร แต่เพื่อเข้าใจและปกป้องกัน
❅ คืนหนึ่ง ขณะเอรินหลับอยู่ ลินานั่งมองเธอที่กำลังหลับสนิทอยู่ข้างน้องสาวที่เธอเพิ่งช่วยไว้
❅ ภาคินเดินเข้ามาโอบไหล่ภรรยา และพูดเบาๆ ข้างหู
“เราอาจไม่สามารถหยุดทุกสงครามได้..”
“แต่เราสร้าง ‘ทายาท’ ที่จะไม่เลือกความรักแทนการรอด หรือการรอดแทนความรักอีกต่อไป “เพราะเธอจะเลือก ทั้งสองอย่าง ได้พร้อมกัน”
╭────༺♡༻────╮