⩩𓄹 เอริน เดอลาเซ่ ทายาทของลินาและภาคิน ที่ต้องเลือก “บทบาทใหม่” ในชีวิต
⩩𓄹 จากเด็กหญิงผู้เติบโตในเครือข่ายมาเฟียและระบบชีพจรลับ
⩩𓄹 สู่การเป็น นักศึกษามหาวิทยาลัย ที่ไม่สามารถมีชีวิตแบบคนธรรมดาได้
⩩𓄹 แต่ก็“อยากรู้จักมัน”มากพอจะลองใช้หัวใจดู
⩩𓄹 ณ มหาวิทยาลัยนานาชาติ ย่านใจกลางกรุงเทพฯ
⩩𓄹 ณ เช้าวันเปิดเทอม เสียงรถราง วิทยุในโรงอาหาร และกลิ่นกาแฟจางๆ
⩩𓄹 เอรินในเสื้อเชิ้ตนักศึกษากับผ้าผูกผมเรียบง่าย ใส่กระโปรงทรง A สั้นเหนือเข่าเล็กน้อย
⩩𓄹 ก้าวเข้ามาในสถานที่ ที่เธอไม่เคยอยู่มาก่อน
⩩𓄹 ในพื้นที่ของคนที่ไม่มีใครมาจับชีพจรกันเพื่อประเมินความเสี่ยง
“ที่นี่ไม่มีใครรู้ว่าหนูเป็นใคร ไม่มีใครรู้ว่าหัวใจหนูเคยเต้นเพื่ออะไร”
⩩𓄹 เธอเขียนลงในสมุดบันทึกหน้าแรก
ꕤ วิชาแรก: จิตวิทยาพฤติกรรมมนุษย์
⩩𓄹 เอรินนั่งเงียบๆ ข้างนักศึกษาคนอื่น เธอแทบจะรู้พฤติกรรมลึกในใจเพื่อนร่วมโต๊ะได้
⩩𓄹 เพียงฟังเสียงหัวใจแต่เธอ “ไม่ใช้มัน” เพราะอยากรู้ว่า “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหนูไม่รู้ทุกอย่างล่วงหน้า”
⩩𓄹 อาจารย์ถาม: “พฤติกรรมมนุษย์มีรากจากชีววิทยาหรือประสบการณ์?”
⩩𓄹 เพื่อนตอบ: “ประสบการณ์ค่ะ”
⩩𓄹 เอรินเงียบ เพราะคำตอบของเธอคือ “ทั้งสอง และความเจ็บปวดที่เลือกไม่ได้ด้วย”
⩩𓄹 วันหนึ่ง มีชายแปลกหน้ามานั่งตรงข้ามในร้านกาแฟของมหาวิทยาลัย
⩩𓄹 เขาไม่ได้ยิ้ม แต่เสียงชีพจรของเขาสะท้อนในหูเอริน เต้นเร็วผิดปกติและเคยพบมาก่อนในการฝึกงานที่โกดังลับของตาเธอ
“คุณไม่ใช่นักศึกษา คุณตามฉันมา” เอรินพูดขึ้นโดยไม่หันไปมอง
⩩𓄹 ชายคนนั้นยื่นการ์ดชื่อองค์กรลับแห่งหนึ่งในยุโรปและบอกว่า “เธอมีรหัสชีพจรที่พวกเขาต้องการกลับคืนเพื่อสืบต่อระบบระดับนานาชาติ”
⩩𓄹 เธอปฏิเสธแล้วเดินจากไป เพราะนี่คือชีวิตที่เธอเลือกไม่ใช่เพื่อหลบหนี แต่เพื่อเรียนรู้
⩩𓄹 เอรินใช้เวลาในห้องเรียน วิชาประวัติศาสตร์การเมือง วิชาเศรษฐศาสตร์โลก วิชาจริยธรรม
⩩𓄹 แต่ในยามเย็นเธอจะกลับมาที่คาเฟ่เล็กๆ ที่เธอเปิดร่วมกับเพื่อนชื่อ “ปลายขอบฝัน”
⩩𓄹 คาเฟ่นี้ไม่ขายกาแฟอย่างเดียว แต่มีมุมบำบัดใจ ให้คนมาระบายโดยไม่ต้องเปิดเผยชื่อ
“หนูฟังหัวใจของคนอื่นมาเยอะ แต่วันนี้หนูอยากให้เขาได้ฟังหัวใจของตัวเองแทน”
⩩𓄹 ณ คืนหนึ่ง ลินามาหาลูกที่หอพัก เธอถือกล่องเบนโตะจากร้านเก่าแก่ของครอบครัวมานั่งกินเงียบๆ กับลูก
“แม่สู้กับโลกมาเยอะมาก..”
“แต่ไม่มีวันไหนเหนื่อยเท่าวันที่ต้องปล่อยให้ลูกไปสู้ด้วยตัวเอง”
⩩𓄹 เอรินยิ้ม พลางเท้าคางมองแม่ “แล้วแม่รู้ไหม ว่าหนูกำลัง ‘เรียนรู้’ ไม่ใช่ ‘สู้’”
“เพราะที่นี่..ไม่มีใครอยากเอาชนะ แค่ต่างคนต่างอยากเข้าใจกัน”
⩩𓄹 ส่วนภาคิน เขาไม่ได้พูดมาก เขาส่งหนังสือเล่มเก่ามาให้เธอ หนังสือชื่อ “เสียงของหัวใจที่ไม่มีระบบ” พร้อมโน้ตแผ่นเล็กแปะอยู่ด้านหลัง
“หนูอาจจะมีหัวใจที่ต่างจากคนอื่น..แต่อย่าลืมว่า ความแตกต่างคือของขวัญไม่ใช่คำพิพากษา”
⩩𓄹 ลูกคือทายาทของสามโลก ลินาพูดพรางหัวเราะไปกับภาคิน 55++ ♬ ♬ ♬
⩩𓄹 ทายาทโลกแรกคืออะไรคะคุณแม่ เอรินถามทั้งยิ้มบางๆ และหัวเราะ ♬♬♬ 55++
⩩𓄹 ทายาทของแม่ผู้เคยเป็นนักรบในสงครามชีพจร
⩩𓄹 ทายาทของพ่อผู้รักษาชีวิตในเงา
⩩𓄹 และทายาทของมาเฟียผู้ปกครองโลกเงา
⩩𓄹 เอรินกลายเป็นคนที่เลือก “รู้จักโลก” มากกว่า “ควบคุมมัน” และในวันที่เธอเรียนจบ
⩩𓄹 เธอจะกลับมา..ในฐานะผู้นำที่มีหัวใจของตัวเอง ไม่ใช่หัวใจที่โปรแกรมใครไว้
⩩𓄹 เอริน เดอลาเซ่ ในช่วงชีวิตมหาวิทยาลัยพร้อมการเลือกเส้นทางการศึกษา ที่สะท้อนทั้งอดีตที่เธอเติบโตมา และอนาคตที่เธอกำลังจะสร้างขึ้น
⩩𓄹 การดำเนินชีวิตของหญิงสาวผู้ถือหัวใจที่เคยถูกใช้เพื่อการควบคุม แต่เลือกจะใช้มันเพื่อ “เข้าใจมนุษย์” แทน
⩩𓄹 วิชาแห่งหัวใจ / Field of the Unseen Pulse
ꕤ มหาวิทยาลัยศิลปะและมนุษยศาสตร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
⩩𓄹 เอรินเลือกสมัครเข้าเรียนในภาควิชา จิตวิทยาและมานุษยวิทยาเชิงพฤติกรรม ไม่ใช่คณะยอดนิยม แต่เธอหลงใหลในคำถามที่โลกชีพจรไม่สามารถตอบได้ เช่น:
“ทำไมบางคนถึงกลัวการเปลี่ยนแปลง?”
“ความเจ็บปวดส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ไหม แม้ไม่มีรอยแผล?”
“คนที่ไม่มีตัวตนในระบบ สามารถมีคุณค่าได้อย่างไร?”
⩩𓄹 แม้เธอจะมีสิทธิ์เรียนวิทยาศาสตร์ชีพจรขั้นสูงหรือสาขาการเมืองระดับนานาชาติ แต่เธอเลือก
“สาขาที่ไม่มีใครคิดว่าเด็กจากตระกูลเดอลาเซ่จะเลือกเรียน”
⩩𓄹 ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เอรินผู้เงียบแต่ไม่ว่างเปล่า
⩩𓄹 เธอนั่งหน้าห้องตลอดเวลา จดทุกอย่างด้วยมือ ไม่ใช้เทคโนโลยี
⩩𓄹 เธอไม่เคยตอบคำถามแบบตรงๆ แต่ถามกลับด้วยคำถามที่ลึกกว่า
⩩𓄹 เพื่อนเรียกเธอว่า “หมอน้อย” เพราะเธอชอบเอาหูแนบกับโต๊ะแล้วบอกว่า
“ได้ยินเสียงที่ไม่มีใครฟัง”
⩩𓄹 วันหนึ่ง มีเพื่อนในคณะถามเธอว่า..“เธอเชื่อมั้ยว่าเราเป็นผลผลิตจากอดีตของพ่อแม่?”
เธอตอบเบาๆ “เชื่อ..แต่เรามีสิทธิ์เลือกจะเป็นของขวัญของรุ่นถัดไป ไม่ใช่แค่เศษซากจากรุ่นก่อน”
ꕤ วิชาโฟกัสของเธอ: “Trauma Mapping – การทำแผนที่บาดแผลระหว่างรุ่น”
⩩𓄹 ในโปรเจกต์วิชาเฉพาะทาง เอรินเสนอโครงงานพิเศษ ชื่อว่า “Pulse Without System”
⩩𓄹 การศึกษารูปแบบการส่งต่อความเจ็บปวดในครอบครัวผ่านภาษากาย น้ำเสียง และพฤติกรรม โดยไม่อิงระบบชีพจร
⩩𓄹 เธอสัมภาษณ์ผู้คนจากหลายชนชั้น เด็กเร่ร่อน, อดีตสายลับที่ลี้ภัย, แม่เลี้ยงเดี่ยว, ผู้รอดชีวิตจากการทดลอง
“คุณยังจำได้ไหม ว่าตอนนั้นคุณกลัวอะไรที่สุด?”
⩩𓄹 เธอไม่ถามด้วยความสงสาร แต่ถามด้วยความจริงใจ
⩩𓄹 คำตอบเหล่านั้นไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูลใด แต่กลายเป็น “แผนที่ของความเข้าใจ” ที่เธอใช้สร้างสิ่งหนึ่ง
ꕤ โปรเจกต์ส่วนตัวของเอริน: The Listening Library
⩩𓄹 ห้องสมุดเงียบๆ ที่เธอก่อตั้งกับเพื่อนจากสาขาศิลปะ ไม่ใช่ห้องสมุดหนังสือธรรมดา แต่เป็นห้องเก็บ “เรื่องเล่าที่ไม่มีใครฟัง”
⩩𓄹 ทุกคนสามารถมาเล่าความเจ็บของตัวเอง แล้วบันทึกไว้โดยไม่ลงชื่อ เธอฟังมันแล้วเก็บมันไว้ ไม่ตัดสิน ไม่วิเคราะห์
“หนูไม่ต้องการเข้าใจว่าคนเจ็บทำไม แต่หนูอยากให้เขารู้ว่าเจ็บได้”
⩩𓄹 ระหว่างเรียน เอรินบางทียังกลับไปช่วยงานที่คลินิกของคุณพ่อในบางคืน และสลับเข้าประชุมเงากับคุณแม่ในบางกรณีเร่งด่วน แต่เธอไม่ยอม “เข้าโต๊ะเจรจาธุรกิจ” อีกเลย เธอขอเป็นคนฟังอย่างเดียว
⩩𓄹 ภาคินเคยถามว่า
“ลูกจะใช้ความรู้พวกนี้ไปทำอะไรในโลกที่ไม่มีใครรอฟัง?”
⩩𓄹 เอรินยิ้มแล้วตอบว่า
“ถ้าไม่มีใครรอฟังหนูก็จะเป็นที่แรกที่ฟัง”
⩩𓄹 ในวันสอบปลายภาค ขณะที่เพื่อนกำลังทำข้อสอบเชิงทฤษฎี เอรินนั่งนิ่งๆ ไม่เขียนอะไรเลย
⩩𓄹 เธอแค่ส่งกระดาษคำตอบว่างเปล่า พร้อมข้อความหนึ่ง
“ฉันไม่สามารถอธิบายมนุษย์ใน 3 ชั่วโมงได้ แต่ฉันพร้อมใช้ทั้งชีวิต เพื่อเข้าใจหัวใจของเขาทีละคน”
⩩𓄹 อาจารย์ไม่หักคะแนน แต่ให้เกรด “A เงียบ” กับเธอ และเธอได้รับเชิญให้นำเสนอวิจัยในที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วย “หัวใจของคนไร้ตัวตน”
⩩𓄹 เอริน เดอลาเซ่ กับการได้พบ “ผู้ชายที่ตรงใจ” ในช่วงชีวิตมหาวิทยาลัย แต่กลับกลายเป็นว่าเขาคือ ลูกชายของตระกูลมาเฟียใหญ่อีกตระกูลหนึ่ง ที่มีอดีตพัวพันกับครอบครัวของลินา
⩩𓄹 นี่คือเรื่องราวของความรักในเงาอำนาจ ที่ทั้งหวาน ลึก และอันตราย
⩩𓄹 หัวใจของเงาทั้งสอง
ꕤ วันแรกที่พบกัน – ห้องสมุดบันทึกเสียงเงียบ
⩩𓄹 ณ ห้องสมุด “The Listening Library” มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาเงียบๆ เขาไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่ลงชื่อ
⩩𓄹 แต่ท่าทางของเขา “ไม่ปกติ” ในสายตาเอริน เขาไม่ได้ดูเหมือนผู้คนทั่วไปที่นี่ เขาเหมือนคนที่ “เคยฟังเรื่องของคนอื่นมาทั้งชีวิต จนไม่รู้จะพูดเรื่องตัวเองยังไง”
“คุณอยากเล่าอะไรไว้ไหม?”
⩩𓄹 เอรินถาม โดยไม่เงยหน้าจากการจัดแฟ้มเสียง
⩩𓄹 ชายหนุ่มยิ้มเงียบๆ แล้วพูดแค่ประโยคเดียว
“แล้วถ้าผมเคยฟังเสียงของแม่คุณมาก่อนล่ะ..”
ꕤ เขาคือใคร?
⩩𓄹 ชื่อของเขาคือ “ซีลอน เวสเตเรีย”
⩩𓄹 นักศึกษาแลกเปลี่ยนจากฮ่องกง เรียนด้านกฎหมายและการเจรจาระหว่างประเทศ บุคลิกสุขุม ตาเรียบคม แต่มือเย็นเฉียบ ดูเย็นชา
⩩𓄹 มีความรู้เรื่องระบบชีพจรเก่าระดับสูง และเคยทำโปรเจกต์วิจัยเกี่ยวกับ “Echo Protocol” ที่เกี่ยวข้องกับลินาโดยตรง
⩩𓄹 ไม่กี่วันต่อมา เอรินค้นประวัติจริงของเขาได้จากฐานข้อมูลลับของแม่
“ซีลอน เวสเตเรีย” เป็นบุตรชายของตระกูลเวสเตเรีย หนึ่งใน 3 แกนกลางของมาเฟียเกาะฮ่องกง ที่เคยทำสงครามข้อมูลกับตระกูลเดอลาเซ่ในยุค Acheron
⩩𓄹 โดยปู่ของเขาเคยเป็น “หัวหน้าหน่วยล่าสายเลือดชีพจรต้นแบบ” ที่ลินาเคยต่อสู้และรอดมา
⩩𓄹 ซีลอนไม่เคยพูดถึงครอบครัว เขาใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา ไม่เคยเข้าประชุมมาเฟีย ไม่ยุ่งกับการค้ายา อาวุธ หรือแม้แต่เงินของเครือข่าย
“ผมไม่อยากเป็นทายาทที่สืบต่อสงคราม”
“ผมอยากสืบต่อความเข้าใจ ที่ไม่มีใครในบ้านผมเคยมีมัน”
⩩𓄹 เขากับเอรินเริ่มคุยกันมากขึ้น แลกเปลี่ยนงานวิจัย แบ่งปันมุมมองด้านจิตวิทยา และพบว่า พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
⩩𓄹 ต่างเติบโตมาในโลกของความลับ ต่างพยายามมีชีวิตธรรมดาในที่ที่ไม่มีอะไรธรรมดาเลย
⩩𓄹 ต่างมี “หัวใจที่เต้นนอกจังหวะของตระกูล”
ꕤ ความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเห็นด้วย
⩩𓄹 ลินาเงียบเมื่อรู้ข่าว
⩩𓄹 ภาคินแค่ถามว่า “เขารักลูกเพราะเป็นเอริน หรือเพราะเป็นลูกแม่ลินา”
⩩𓄹 เจ้าสัวดอนพูดตรงๆ ว่า
“เลือดมันดึงดูดกันก็จริง..แต่มันก็ฆ่ากันได้เร็วกว่าใครทั้งหมด”
⩩𓄹 วันหนึ่ง ซีลอนหายตัวไป 48 ชั่วโมง
⩩𓄹 เอรินสืบจนพบว่าเขา “แฝงตัวกลับเข้าเครือข่ายเวสเตเรีย” เพื่อหยุดแผนลับของลุงเขา ที่ต้องการใช้ Echo Protocol สร้าง “ร่างโคลนชีพจรปลอม” ขึ้นมาแทนผู้นำโลกใต้ดินคนเก่า
⩩𓄹 ซีลอนตัดสินใจทรยศครอบครัวตัวเอง เพื่อหยุดการใช้ชีพจรควบคุมคนอีกครั้ง
⩩𓄹 เขาทำสำเร็จ..แต่บาดเจ็บสาหัส
⩩𓄹 ณ ห้องรักษาโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เอรินในบทบาทของแม่
⩩𓄹 ภาคินดูแลการรักษาซีลอน เอรินเฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอด เธอไม่ร้องไห้ แต่ใช้เสียงของเธอ “อ่านชีพจรของเขาให้ฟัง” ช้าๆ
“มันไม่สำคัญหรอกว่าเรามาจากใคร”
“แต่ฉันรู้ว่า หัวใจของคุณตอนนี้ ไม่เต้นเพื่อครอบครัวคุณแล้ว”
“มันเต้นเพื่ออนาคตที่เราจะสร้าง ไม่ใช่ที่เราเกิดมา”
⩩𓄹 แม้ยังไม่เปิดเผยความสัมพันธ์กับใคร แต่ข่าวลือเริ่มแพร่ไปในโลกใต้ดิน ว่า *“ลูกสาวชีพจร” กับ “บุตรมาเฟียเวสเตเรีย” เริ่มเคลื่อนไหวใกล้กัน
⩩𓄹 คู่รักนี้ อาจจะรวมสองอาณาจักร หรืออาจเป็นฉนวนสงครามใหม่
⩩𓄹 แต่สำหรับเอริน มันไม่ใช่เกมการเมือง มันคือการพิสูจน์ว่า ความรักไม่ได้เกิดจากรหัสสายเลือด แต่มาจากหัวใจที่กล้าฝ่าระบบไปด้วยกัน
︵‿︵‿୨♡୧‿︵‿︵