คนที่ฟ้าส่งมา

1152 Words
[ไวน์] ก่อนหน้านี้… “ไวน์ กูว่าคนที่มึงอุ้มเขาไปส่งห้องพยาบาลเมื่อวาน ต้องเป็นคนที่เขาลือกันว่าสะดุดลานเกียร์แน่ ๆ เลย” ไอ้ทิวที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างผมพูดขึ้น “ถ้าใช่แล้วไงวะ” ผมเงยหน้าไปถามมันก่อนจะก้มลงมองจักรยานที่ตัวเองกำลังนั่งคร่อมอยู่ เท้าก็เตะ ๆ ล้อมันเบา ๆ แก้เซ็ง “มึงไม่รู้เรื่องตำนานของลานเกียร์เราเหรอ ที่ว่าใครเดินสะดุดแล้วจะมีแฟนเรียนวิศวะอะ” มันพูดติดตลก รอยยิ้มของมันมีความกวนตีนปรากฎให้เห็น “พวกผู้หญิงก็ชอบลืออะไรแปลก ๆ ไปงั้นแหละ ที่สำคัญข่าวลือก็มาจากเด็กปีหนึ่งที่เคยได้ยินจากในหนัง ในละคร ในซีรีย์ ไม่ก็ในนิยายไม่ใช่เหรอ” ผมเลิกคิ้วมองหน้ามัน คนจะเป็นแฟนกันไม่จำเป็นต้องสะดุดอะไรหรอก แค่สะดุดรักไม่ก็สะดุดตากันก็พอ “แต่ก็ไม่แน่นะมึง เผลอ ๆ คนนี้อาจเป็นคนที่ฟ้าส่งมาดามใจให้มึงก็ได้” ไอ้ทิวผู้ที่อยากให้ผมมูฟออนได้สักทีพูดต่อ “มึงพอเลยกับเรื่องรัก ตอนนี้กูขอพักก่อน” ผมบอกเซ็ง ๆ ที่จริงก็ไม่ได้เศร้าอะไรมากหรอก แค่ใกล้เรียนจบแล้วเลยไม่อยากสนใจเรื่องอื่น อีกอย่างถ้าจบแล้ว ทำงานแล้ว ผมคงได้เจอผู้คนอีกมาก ตอนนั้นคงได้เจอใครสักคนที่ทำให้ผมอยากเริ่มต้นใหม่ด้วย “เออ แล้วนี่มึงกับมายด์เลิกกันแล้ว มายด์ได้คืนเกียร์ให้มึงป่าววะ” จู่ ๆ ไอ้แทนที่นั่งเล่มเกมอยู่ก็ถามขึ้น พอพูดเรื่องนี้แล้วก็หงุดหงิดนิดหน่อย ไม่สิ หงุดหงิดมากเลยล่ะ แต่จะทำอะไรได้ล่ะ “คืนเหี้ยไรล่ะ วันที่มาบอกเลิกกู กูก็ไม่เห็นว่ามายด์จะใส่มา พอกูถามหาแม่งก็โวยวาย คงทำหายไปแล้วมั้ง” ผมตอบเซ็ง ๆ ในใจก็นึกเสียดายนะกว่าจะได้มันมา แถมมันยังมีแค่อันเดียวอีก เอกผมสั่งทำเกียร์หรือฟันเฟืองที่เป็นสัญลักษณ์คณะเรามาเป็นแบบพิเศษ หลังขึ้นปีสองทุกคนจะได้เกียร์ที่สลักรหัสนักศึกษาของแต่ละคนไว้ มันพิเศษตรงที่สลักรหัสนักศึกษาไว้นี่แหละ แถมอันหนึ่งก็แพงมากด้วยเพราะใช้ปั้มตัวเดียวกันไม่ได้ “สัส เกียร์รุ่นเลยนะมึง แถมมีอันเดียวด้วย” ไอ้ทิวสบถออกมาพลางทำหน้าหงุดหงิด “เออช่างแม่งเหอะ ถึงไม่มีเกียร์ก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะมีเมียไม่ได้สักหน่อย แล้วก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะเรียนไม่จบด้วย” ผมเลิกคิ้วใส่พวกมัน “แล้วนี่มึงทำใจเรื่องมายด์ได้แล้ว? ใครมารักษาแผลใจให้ล่ะ” ไอ้ทิวถาม “กูหายของกูเองนี่แหละ เขาไม่รักก็คือไม่รัก ต่อให้กูเมาเหมือนหมาเขาก็ไม่กลับมาหรอก” “มึงลองจีบคนที่มึงอุ้มเขาเมื่อวานดิ กูว่าเขาน่ารักดีนะ” ไอ้แทนเงยหน้ามาพูด แต่ยังไม่ทันที่พวกผมจะคุยอะไรกันต่อ ไอ้ทิวก็พูดประโยคที่ทำให้ผมต้องหันไปมอง “ไอ้ไวน์ นั่นคนที่มึงอุ้มเขาไปห้องพยาบาลเมื่อวานป่าววะ” ผมหันไปมองตามทิศทางที่ไอ้ทิวบุ้ยปากไป ก็เห็นว่าใครบางคนกำลังก้าวขาลงจากรถด้วยท่าทางทุลักทุเล ว่าแต่เมื่อวานเข่าแตกเลยนะ ทำไมวันนี้ยังมาเรียนอีก “หวัดดี” เธอคนนั้นหันมามองเราพร้อมทักทายพวกผม สงสัยจะได้ยินเสียงไอ้ทิวพูดเมื่อกี้นี้ “หวัดดีครับคนสวย เราชื่อทิวนะ” ไอ้ทิวทักกลับพร้อมส่งยิ้มให้ตามแบบเสือผู้หญิง “เราชื่อแทน” ไอ้แทนละสายจากหน้าจอโทรศัพท์ทักคนที่ปิดประตูรถลงมา “เราชื่อเดือนหนาว เรียกหนาวเฉย ๆ ก็ได้” เธอแนะนำตัวกลับ พอสบตากับผมเข้าก็ส่งยิ้มมาให้ พอเห็นรอยยิ้มหวานแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มตอบกลับไป “ดีขึ้นแล้วเหรอ ทำไมมาเรียนล่ะ” ผมถามบ้าง “ยังเจ็บแผลแล้วก็ปวดเข่าอยู่น่ะ จะหยุดก็ไม่ได้เพราะวันนี้อาจารย์จะคุยเรื่องโปร์เจ็ค เรากลัวไม่ทันเพื่อนน่ะ วันนี้กลุ่มเราไม่มีใครมาเรียนเลย” “ขยันจัง” ผมแซวเธอ ซึ่งคนโดนแซวก็ยิ้มตอบ “งั้นเราไปเรียนแล้วนะ” “อื้ม” คุยกับจบเธอก็เดินขากะเผลกออกไป ดูจากท่าเดินแล้วคงจะปวดเข่าน่าดู “เชี่ยไวน์ มึงไปส่งเขาสิวะ” ไอ้ทิวกระซิบ “ทำไมวะ” ผมเลิกคิ้วถามมัน ก็ดูท่าทางมันสนใจเขาแล้วทำไมไม่ไปส่งเอง มาบอกผมทำไม “ก็เขาเจ็บขาอยู่ อีกอย่างกูอยากให้มึงเริ่มต้นใหม่” มันบอกผมตรง ๆ “กูบอกแล้วไงว่าจะพักเรื่องรักไว้ก่อน ตอนนี้เราต้องคิดเรื่องฝึกงานนะ” เพราะตอนปีสามพวกผมไม่ได้ลงฝึก ปีสี่เลยต้องรีบลง มันดีตรงที่มหาลัยผมเลือกได้ว่าจะฝึกปีสามหรือปีสี่นี่แหละ จะได้ไม่ต้องแย่งกัน “สัสไวน์ ไปเถอะ” ไอ้แทนที่นั่งเงียบอยู่เงยหน้ามาบอกผม “ไปพิสูจน์ให้กูดูหน่อย ว่าอาถรรพ์ลานเกียร์มันจริงไหม สะดุดลานเกียร์แล้วจะได้แฟนเรียนวิศวะหรือเปล่า” “นี่พวกมึงเป็นเชี่ยไรเนี่ย ทำไมอยู่ดี ๆ ก็มาเรื่องอาถรรพ์ลานเกียร์” ผมว่าพวกมันแต่ก็ยอมปั่นจักรยานออกมา หลังจากที่ผมปั่นจักรยานไปส่งเดือนหนาวเสร็จ ผมก็เข้าเรียนด้วยอาการของคนที่ไม่ค่อยมีสมาธิ ผมไม่ได้ไปแถวนั้นตั้งแต่เลิกกับมายด์ พอวันนี้ไปส่งเดือนหนาวผมกลับไม่คิดถึงมายด์เลยสักนิด ได้แต่เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ของเดือนหนาวลอยเต็มหน้าไปหมด ไหนจะภาพตอนซ้อนจักรยานผม จับชายเสื้อผมไปด้วยอีก โคตรจะโรแมนติกอะแม่ง หรือว่าเธอจะเป็นคนที่ฟ้าส่งมาให้ดามใจผมจริง ๆ วะ “เชี่ยเอ๊ย แล้วก็เกือบโป๊ะแตกเรื่องไปห้องสมุดด้วยนะ” ผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะ ที่จริงผมไม่ได้จะไปห้องสมุดหรอก แต่หาข้ออ้างไปส่งเดือนหนาวนั่นแหละ “อายฉิบหายเลย…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD