[ไวน์]
ผมไม่รู้หรอกว่าอาถรรพ์ลานเกียร์ที่เล่าต่อ ๆ กันมาจะเป็นเรื่องจริงไหม และผมก็ไม่รู้หรอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเดือนหนาว มันจะเป็นเรื่องบังเอิญ อุบัติเหตุ หรือเกี่ยวกับอาถรรพ์ เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญก็คือเกียร์ที่ผมถืออยู่เนี่ย มันเป็นของผม รหัสนักศึกษาของผมที่สลักไว้รอบตัวเฟืองผมจำได้แม่นเลย
“งั้นก็เหมือนเรื่องสังข์ทองเลยดิ” ไอ้ทิวพูดขึ้นพลางทำหน้าเหมือนคิดอะไรออกหลังจากได้ยินโฟร์พูดถึงอาถรรพ์ลานเกียร์
“เหมือนยังไงของมึงไอ้ทิว รจนาไม่ได้สะดุดลานเกียร์แล้วได้พระสังข์เป็นผัวนะ” ไอ้แทนตบหัวไอ้ทิวไปทีหนึ่งพร้อมส่ายหัวไปมา มันแย่งเกียร์ไปหมุน ๆ ดูพักหนึ่งแล้วหรี่ตามองผม มุมปากมันกระตุกยิ้มหน่อย ๆ ราวกับรู้อะไร
“ไม่เหมือนได้ไงมึง ถ้าเปรียบเกียร์เป็นพวงมาลัยที่รจนาโยนให้พระสังข์ตอนเลือกคู่ มันก็เหมือนกับตอนที่เกียร์ตกลงมาใส่หัวเดือนหนาวป่าววะ” ไอ้ทิวแย้ง
“ต้องใช่แน่ ๆ เลยทิว” โฟร์เข้ามาเสริมทัพอีกคน เท่าที่สังเกต โฟร์น่าจะชอบอะไรเกี่ยวกับวิศวะมากเลยล่ะ
‘กูรู้นะว่าของมึง’ ไอ้ทิวที่นั่งอยู่ข้างผมกัดฟันกระซิบกับผมเบา ๆ พอผมหันไปมองไอ้แทนก็เห็นว่ามันเลิกคิ้วส่งยิ้มกวนตีนให้ผมอยู่
‘ไอ้พวกเวรจำได้แม้กระทั่งรหัสนักศึกษากู’ ผมกระซิบกลับ
“เราว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่านะ อย่าเถียงกันเลย” เดือนหนาวที่นั่งฟังอย่างเงียบ ๆ พูดขึ้น ก่อนจะหันหน้ามาหาผมแล้วพูดต่อ “เราว่าเอาเกียร์นี่ไปแจ้งฝ่ายประชาสัมพันธ์ดีไหมไวน์ เราว่าเจ้าของเขาต้องอยากได้คืน ตอนนี้อาจกำลังตามหามันอยู่ก็ได้” เธอหันไปมองหน้าคนอื่นราวกับขอความเห็น
ก็จริงอยู่ว่าของหายใครก็ต้องอยากได้คืน แต่ในเมื่อมีคนที่เก็บมันได้แล้วเห็นค่าของมัน ผมก็ชักอยากฝากให้คนคนนั้นดูแลมันแทนแล้วสิ
“แต่ฉันไม่เห็นด้วยนะแก” โฟร์แย่งเกียร์จากแทนมาไว้ในมือก่อนจะยัดมันใส่มือของเดือนหนาว
“ทำไมอะ” เธอถามในสิ่งที่ผมก็อยากรู้เหมือนกัน
“ฉันว่าเจ้าของเกียร์อาจเป็นคนที่ฟ้าส่งมาให้เจอกับแกก็ได้ เพราะงั้นแกลองตามหาเองดีกว่านะ บางทีแกอาจได้เจอเนื้อคู่ก็ได้นะ อร๊าย” ท่าทางของโฟร์ทำให้ผมกับเพื่อนยิ้มตาม ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลุ่มเพื่อนผู้หญิงด้วยกันทำท่าทางแบบนี้ พวกนั้นอยู่กับผู้ชายมากก็ห้าวพอกันเลย อีกอย่างไม่คบคณะเดียวกันด้วย มันรู้ไส้กันหมดแล้ว
“ช่วงนี้คณะเราคนไม่ค่อยครบด้วยสิ ปีสองพาน้องปีหนึ่งออกค่าย ส่วนปีสามก็ไปดูงาน บางส่วนก็แยกไปฝึกงาน ปีสี่อย่างพวกเราก็เตรียมโปร์เจ็ค เตรียมส่งงานกลุ่ม เราว่ารอให้ทุกอย่างปกติก่อนดีไหมแล้วค่อยไปแจ้งประชาสัมพันธ์ทีหลังก็ไม่สาย เพราะถ้าไปตอนนี้เผื่อประชาสัมพันธ์ทำหายก็แย่อีก” ไอ้ทิวพูดขึ้น ซึ่งผมกับไอ้แทนก็พยักหน้าเห็นด้วย
ตอนนี้ผมชักอยากรู้แล้วสิว่าเรื่องเล่าที่ถูกส่งต่อมายังรุ่นต่อรุ่นมันจะเป็นจริงไหม
“อืม…งั้นเราฝากไว้กับนายก่อนได้ไหมไวน์ เรากลัวทำหายอะ” เดือนหนาวพยักหน้าหน่อย ๆ เมื่อได้ยินไอ้แทนพูด ก่อนจะหันมาพูดกับผมแล้วยื่นเกียร์ให้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะรับเกียร์มา ไอ้แทนก็ขัดขึ้น
“วิศวะเขาไม่ให้มีเกียร์สองอันนะเดือนหนาว มันเป็นธรรมเนียม”
“…” เดือนหนาวชะงักไปก่อนจะรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ธรรมเนียมนี้เพิ่งตั้งขึ้นมาเมื่อกี้นี้แหละ โทษทีนะเดือนหนาว
“ใช่ เขาถือ มันเหมือนไม่ให้เกียรติเกียร์ของตัวเองอะ” ไอ้ทิวใส่ไข่เข้าไปอีกจนเดือนหนาวเลิ่กลั่ก
สงสารนะ แต่ก็น่ารักดี
“อ้าวเหรอ ขอโทษนะ พอดีเราไม่รู้อะ” คนโดนแกล้งส่งยิ้มแหย ๆ ให้พวกเราสามคนพลางเกาหัวแก้เก้อไปด้วย ส่วนโฟร์ก็ทำหน้าตื่นเต้นเหมือนได้ฟังเรื่องน่าสนใจ
[เดือนหนาว]
นี่ถ้าไม่มีใครบอกฉันก็ไม่รู้เลยนะว่าคณะนี้มีธรรมเนียมอะไรแบบนี้ด้วย งั้นฉันจะทำยังไงกับเจ้าเกียร์นี่ดีล่ะ ถ้าทำหายขึ้นมาคงรู้สึกผิดแย่ อีกอย่างฉันเป็นคนเก็บข้าวของไม่เป็นที่เป็นทางซะด้วยสิ
“งั้นในระหว่างนี้พวกเราจะช่วยเธอตามหาเจ้าของเกียร์เอง” แทนเสนอ
“จริงเหรอ ขอบคุณพวกนายมากเลยนะ” ฉันตอบพร้อมฉีกยิ้มกว้างให้พวกเขา
“แต่ระหว่างที่ยังหาเจ้าของเกียร์ไม่เจอ เราฝากเกียร์นี่ไว้กับเธอก่อนแล้วกัน ดูแลมันให้ดีนะ”
“…” ทันทีที่ไวน์พูดจบ มือใหญ่ก็แย่งเกียร์จากฉันไป คนตรงหน้าโน้มลงมาสวมเกียร์ให้ฉัน เพียงแค่นั้นก็รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองกำลังเห่อร้อนขึ้นมา ทั้งก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เต้นรัวอย่างประหลาด
ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย…
“อร๊าย แก ฉันเขินอ่า เหมือนคนเป็นแฟนกันสวมเกียร์ให้กันเลย” เป็นยัยโฟร์ที่พูดขึ้น ทำให้ฉันกับไวน์ที่มองตากันอยู่รีบเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่น ส่วนไวน์ก็รีบนั่งลงตามเดิม
“และแล้วรจนาก็ได้เลือกคู่เป็นเจ้าเงาะ” ทิวแซวขึ้นบ้าง
“พอเลย ๆ นี่จะบ่ายแล้วพวกเรารีบแยกย้ายกันเถอะ” ไวน์ที่นั่งอมยิ้มมองหน้าฉันอยู่พูดแทรกขึ้น ก่อนที่เราห้าคนจะแยกย้ายกัน
ฉันหันกลับไปมองที่ลานเกียร์อีกครั้งก็พบว่าไวน์เองก็หันมาเหมือนกัน
“…” ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้นะ หรืออาถรรพ์ลานเกียร์จะเป็นเรื่องจริง