[เดือนหนาว]
กริ๊ง กริ๊ง
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงกริ่งจักรยานของใครบางคนที่ปั่นตามหลังฉันมาตั้งแต่ทางเข้ามหาลัยดังขึ้น ฉันรีบหลบไปเดินริมทางแล้วหันไปมองเจ้าของจักรยาน ทว่าทันทีที่สบตากับคนด้านหลังฉันก็ต้องหันกลับมาเดินยิ้มคนเดียว
“ให้พี่ไปส่งไหมครับคนสวย” น้ำเสียงสดใสของคนที่ปั่นจักรยานมาข้าง ๆ ฉันที่กำลังเดินอยู่ถามขึ้น
“ว่างเหรอถึงมีเวลาปั่นจักรยานส่งสาวไปทั่วน่ะ” ฉันหันไปถาม
“ว่างเสมอแหละสำหรับสาวคนนี้อะ” คนขี้เล่นตอบกลับพร้อมฉีกยิ้มกว้างให้แล้วหยุดจักรยานรอให้ฉันขึ้นไปซ้อนท้าย “มาสิ เดี๋ยวเราไปส่ง หัวเข่ายังไม่หายดีเลยนะ”
“ก็ได้ นี่เข่าเจ็บหรอกนะถึงได้ยอมไปด้วยน่ะ”
“ขึ้นมาแล้วก็เกาะเอวพี่แน่น ๆ นะครับน้อง แถวนี้หลุมรักมันเยอะเดี๋ยวจะตกเอา” คนที่หันมาขยิบตาให้ฉันพูดจบแล้วก็ปั่นจักรยานออกไป ฉันได้แต่ฟาดหลังเขาไปแรง ๆ หนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ คนอะไรเล่นได้ตลอด
“หยุดพูดได้แล้วน่า ปั่นไปเงียบ ๆ เลย” ฉันว่าเสียงดุก่อนจะเอื้อมมือไปจับชายเสื้อเขาเอาไว้เพราะกลัวจะตก
“วันนี้เอารถมาป่าว ตอนเย็นให้เราไปส่งไหม” พอเลิกเล่นได้ก็หันมาถามเรื่องอื่นจากฉัน
“วันนี้นั่งแท็กซี่มาน่ะ ปกติไม่เอารถมาอยู่แล้วเพราะขี้เกียจหาที่จอด”
“งั้นเย็นนี้เราไปส่งหนาวนะ”
“ก็ได้ แต่เราไม่เติมน้ำมันให้นะ” ฉันแกล้งว่า
“เติมรักให้เราก็พอ” ยังจะหันมายิ้มให้อีก ฉันล่ะเกลียดใบหน้าทะเล้นขี้เล่นของเขาจริง ๆ เลย
“เดี๋ยวสิไวน์ จะปั่นไปไหนเนี่ย ตึกเราไม่ได้อยู่ทางนี้นะ” พอนั่งไปเรื่อย ๆ ฉันก็เพิ่งสังเกตว่าทางที่ไวน์ปั่นจักรยานมา มันไม่ใช่ทางไปตึกคณะฉัน แต่มันเหมือนกับว่าเขากำลังปั่นจักรยานไปรอบมหาลัย?
“ก็นั่งรถเล่นก่อนไง เช้า ๆ แบบนี้อากาศดีนะ” คนโดนจับได้หันมายิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปสนใจถนนต่อ “หนาวไม่มีเรียนแล้วนี่นา แค่มาทำโปร์เจ็คใช่ไหมล่ะ”
รู้อีก!
“แต่วันนี้อาจารย์นัดฟังเรื่องโปร์เจ็คนะ” ฉันรีบแย้ง
“วันนี้นัดฟังตอนสิบโมงนี่ ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเองนะ หนาวออกมาเช้ายังมีเวลาอีกเยอะ” คนที่ปั่นจักรยานชมนกชมไม้หันมาตอบ ก่อนจะโบกมือให้คนที่เดินสวนกันไปมาอย่างอารมณ์ดีไม่มีทีท่ารีบร้อนอะไร
“รู้ดีแบบนี้ใครบอกล่ะ” ฉันมุ่ยหน้าใส่แผ่นหลังกว้างของคนขี้เล่น
“เพื่อนหนาวไง” เขาหันมาขยิบตาให้ฉันก่อนจะพูดต่อ “ยังอวดว่าที่แฟนไม่ทั่วมหาลัยเลย เหลืออีกฝั่งหนึ่งเลยนะ ถ้าครบรอบแล้วจะพาไปส่ง”
“อะไรนะ!” นี่เขาจงใจอวดฉันเหรอ? ลืมไปเลยว่าไวน์เองก็เป็นคนดัง แถมยังมีสาว ๆ หมายปองไว้เยอะ แล้วแบบนี้คนที่มาเรียนแต่เช้าเหมือนฉันก็เห็นหมดแล้วน่ะสิว่าฉันซ้อนท้ายจักรยานไวน์
“ใครสอนให้ทำแบบนี้น่ะ หยุดเลยนะ”
“ลุงหมอสอนน่ะ”
“ลุงหมอ?”
“ใช่ ลุงหมอเป็นเพื่อนของพ่อเราเอง ลุงหมอบอกว่าถ้ามีแฟนก็ให้ป่าวประกาศไปเลยเพราะผู้หญิงชอบความชัดเจน เราก็เลยทำตาม”
ให้ตายเถอะ! ลุงหมอของไวน์นี่เป็นคนยังไงกันนะ
“หนาวคอยดูนะ ไวน์จะแสดงความชัดเจนกับหนาว” คนที่ปั่นจักรยานอยู่หันมาบอกพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วหันกลับไปทำในสิ่งที่ฉันเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน “อะแฮ่ม! คนนี้แฟนผมนะครับ! เอ้ย ว่าที่แฟนผมนะครับ!”
ประโยคสุดท้ายของไวน์ทำเอาฉันสะดุ้งแทบตกจักรยาน เสียงฮือฮาและผู้คนรอบ ๆ ต่างมองมาที่เราทั้งคู่ บ้างก็ยิ้มให้บ้างก็โบกมือทักทายกลับอย่างที่ไวน์กำลังทำอยู่ บ้างก็โห่แซวเราสองคน
“ผมชื่อไวน์นะครับ เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เอกโยธา ชั้นปีที่สี่! กำลังจีบผู้หญิงที่นั่งซ้อนท้ายผมอยู่!”
“ไวน์! หยุดเลยนะ!” ฉันร้องห้ามพร้อมตีแผ่นหลังเขาไปด้วย
เพี๊ยะ เพี๊ยะ
“โอ๊ย! โอ๊ย! เจ็บนะ หนาวพอแล้ว ๆ” คนที่ปั่นจักรยานอยู่หยุดป่าวประกาศเมื่อฉันทั้งฟาดหลังและหยิกเอวเขาแรง ๆ
“เดี๋ยวเถอะ!” ฉันแยกเขี้ยวใส่เมื่อเขาหันมาหัวเราะให้
“สรุปวันนี้เราทำให้หนาวยิ้มได้แล้วนะ ผ่านนะ” พอเงียบแล้วก็หันมาทวงสัญญา ก่อนจะปั่นจักรยานไปโบกไม้โบกมือให้คนนั้นคนนี้ไป
ตกลงว่าที่เขาทำวันนี้แค่เพราะอยากให้ฉันยิ้มได้งั้นเหรอ นี่เขาเริ่มจีบฉันแล้วสินะ
“คนนี้ว่าที่แฟนผมนะครับ ผมกำลังจีบอยู่ เป็นกำลังใจให้ผมด้วยครับ”
“ไวน์! หยุดเลยนะ พอแล้ว” ฉันดุให้ก่อนจะตีหลังเขาด้วยแรง ๆ เป็นแบบนี้ไปตลอดทางเดิน
ถึงฉันจะอายแต่ก็ยิ้มได้แล้วก็ไม่ซีเรียสในสิ่งที่ไวน์ทำด้วย เพราะฉันก็อยากให้โอกาสเขาเหมือนกัน อีกอย่างแม่ฉันเคยบอกว่าการจะเลือกใครสักคนมาเป็นคนสำคัญ เราต้องดูด้วยว่าคนคนนั้นทำให้เราหัวเราะหรือร้องไห้มากกว่า เขาทำให้เรายิ้มได้ทุกวันหรือเปล่า
แม่ไม่ได้สอนให้ฉันชอบผู้ชายขี้เล่นหรือทำตัวเป็นเด็กทะเล้นไปวัน ๆ แต่สอนให้ฉันเลือกคนที่จะมาเติมความสุขและเสียงหัวเราะให้ชีวิต ฉันก็อยากจะลองให้โอกาสนั้นกับคนคนนั้นบ้าง หวังว่าเขาจะทำให้ฉันยิ้มได้ทุกวันเหมือนที่เคยบอกไว้นะ ไอ้ผู้ชายติ๊งต๊อง!