20/10/20xx
17.45 น.
"เดียวลูกค้าคนนี้พี่เอาไปเสริฟเอง"
"ค่ะ..."
ฉันยื่นถาดที่มีกาแฟร้อนอยู่บนถาดในมือให้พี่โมที่เป็นรุ่นพี่ในที่ทำงานให้เธอเมื่อเธออาสาจะเอาไปเสริฟให้ก่อนที่ฉันจะเดินกลับมารอรับออเดอร์ที่หน้าเคาน์เตอร์อีกครั้ง
"ถ้าลูกค้าไม่หล่อก็ไม่เสริฟถูกมะ?"
"เบาๆหน่อยพี่เก่ง เดียวพี่โมก็ได้ยินหรอก"
"โอ้ย ให้มันได้ยินบ้างอีชะนีขี้อ่อยนั้นน่ะเห็นแล้วขัดหูขัดตา!"
ฉันยิ้มออกมาเจื่อนๆพร้อมกับมือตัวเองที่จัดแก้วตรงหน้าให้เข้าที่เข้าทางไปด้วย พี่เก่งเป็นบาริสต้าชายประจำร้านเบ้ปากด้วยความหมั่นใส้โดยมีฉันยืนเตือนอยู่ข้างๆ ร้านนี้คือร้านกาเฟที่ฉันทำพาร์ทไทม์อยู่น่ะร้านนี้ค่อนข้างใหญ่และดังในหมู่นักศึกษาและคนธรรมดาที่อยู่ในบริเวณนี้มาก ด้วยของที่นี้อร่อยและทำเลที่ตั้งมันดีด้วยล่ะเพราะห่างจากมหาลัยไม่มาคนถึงดูแน่นในทุกๆวัน ส่วนงานที่ฉันทำก็แทบจะทุกอย่างในร้านไม่ว่าจะเก็บโต๊ะ เสริฟ รับออเดอร์ คิดเงิน และทำบ้างหากพี่เก่งทำไม่ทัน
"หนามเตยออกมาเก็บโต๊ะช่วยพี่หน่อย!"
"ค่ะๆ"
"โต๊ะแค่สองโต๊ะทำไมไม่เก็บเองห๊ะยัยโม ให้หนามเตยรอรับออเดอร์ไม่ดีกว่ารึไง?"
"โถ่พี่เก่งก็มันเยอะอ่ะ!"
"เฮ้ย ไม่เป็นไรพี่เก่งหนามไปเก็บได้"
"เฮอะ!"
ฉันเอ่ยขึ้นทันทีพร้อมกับรีบเดินออกมาช่วยพี่โมเก็บโต๊ะอย่างเร็วรวดเพราะหากนานกว่านี้พี่โมกับพี่เก่งได้ด่ากันอีกแน่ มีกันอยู่แค่นี้อะไรพอช่วยกันได้ก็ช่วยล่ะ อันที่จริงงานนี้มันเป็นกะน่ะที่และที่กะนี้มีแค่ฉันกับพี่โมที่เดินเสริฟเพราะเจ้าของร้านเห็นว่าช่วงเวลานี้คนน้อย
"ทำไมยังไม่มานะ?"
ฉันเหลือบสายตาขึ้นมองพี่โมที่มองไปหน้าร้านเหมือนรออะไรสักอย่างด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเธอและก้มหน้าก้มตาเก็บส่วนของตัวเองต่อไป
บรื้น...!!
"มาแล้ว!! หนามพี่ฝากยกไปเก็บหน่อยนะเดียวพี่รอรับออเดอร์ก่อน!"
"อ่อ...ได้ค่ะ"
ฉันตอบกลับพร้อมกับมองพี่โมที่รีบร้อนบอกฉันและวิ่งไปยืนที่หน้าเคาน์เตอร์ทันทีที่ได้ยินเสียงดังกระหื่มของรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่ เขาเรียกว่ารถอะไรฉันไม่แน่ใจแต่ฉันรู้แล้วว่าที่พี่โมบ่นๆน่ะเรื่องอะไร เสียงกระหื่มของรถคันนี้จะมาที่ร้านในทุกๆวันในเวลานี้และที่พี่โมเร่งรีบจะไปยืนเพื่อรอรับออเดอร์คงไม่พ้นเพราะเจ้าของรถคันนี้ด้วยฉันมองร่างสูงที่ขับรถเข้ามาจอดที่นอกร้านตรงที่ฉันกำลังเก็บโต๊ะอยู่ด้วยสายตานิ่งเรียบ เขาค่อยๆถอดหมวกกันน็อคอันใหญ่ของตัวเองออกเผยให้เห็นใบหน้าเรียบนิ่งของตัวเอง
ฟึ่บ...
ฉันหลบสายตานิ่งๆนั้นทันทีที่เขาตวาดสายตามองคือมันคงไม่ดีหากพนักงานร้านจะไปยืนมองลูกค้าแบบนั้น และอีกอย่างเขาก็เป็นลูกค้าประจำของร้านด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ฉันเก็บโต๊ะตรงหน้าตัวเองต่อและไม่ได้หันกลับไปมองเขาอีก
กรุ๊งกริ๊ง...
"รับอะไรดีคะ?"
สตอเบอรรี่นมสดปั่น...
"สตอเบอรรี่นมสดปั่น"
ฉันยิ้มออกมากับตัวเองอย่างขำๆหลังจากเสียงนิ่งๆสั่งสร็จ คือมันก็ไม่ใช่ว่าเดามั่วหรอกนะเพราะเขากินเมนูนี้ทุกวันไม่มีเปลี่ยนด้วยซ้ำเปลี่ยนนี่สิแปลก
กึก!
"..."
"โอ๊ะ ขอโทษค่ะเดียวขอเช็ดโต๊ะแป๊บนึงนะคะ"
"เอาไปเก็บก่อนเถอะ เอาไปวางอีกโต๊ะเดียวโต๊ะอื่นก็เปื้อน"
"เอ่อ งั้นรอสักครู่นะคะ"
ฉันก้มหัวให้เขาทันทีพร้อมกับยิ้มออกมาและถือแก้วกับจานที่ฉันเพิ่งเก็บเสร็จเข้าไปเก็บหลังร้านด้วยความรีบเร่งทันที ฉันก็ลืมว่าที่ประจำเขาอยู่ตรงนี้แต่ตัวเองดันไปยืนเก็บซะนานจนเขาเดินมานั่งที่เก้าอี้แล้ว ฉันส่ายหัวไปมาอย่างเอือมๆตัวเองและเดินกลับมาที่โต๊ะที่คุณลูกค้าประจำนั่งอยู่อีกครั้ง
"ขออนุญาตินะคะ"
ฉันเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับวางผ้าเช็ดโต๊ะในมือตัวเองลงบนโต๊ะและเช็ดมันด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเกร็ง ก็จะไม่ให้ฉันเกร็งได้ไงล่ะหากเขาเอาแต่มองมาที่ฉันอยู่แบบนี้ จะเช็ดเร็วๆก็ไม่ได้เดียวมันไปโดนเขาอีก
"คนเยอะไหม?"
ฉันเลิกคิ้วขึ้นนิดๆเมื่อเสียงนิ่งๆของเจ้าตัวเอ่ยถามขึ้นก่อนจะเลื่อนสายตามามองเขาและยิ้มออกมาบางๆ
"ตอนเที่ยงน่าจะเยอะมั่งค่ะ แต่ช่วงนี้ไม่เยอะหรอก ^^"
"ดีแล้ว จะได้ไม่เหนื่อย"
"บ้างครั้งก็ไม่ดีหรอกนะคะเดียวร้านขาดทุน"
ฉันตอบพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างทำตัวไม่ถูกก่อนที่จะชงักไปนิดเมื่อคนที่กำลังนั่งอยู่ยกยิ้มมุมปากเหมือนเขากำลังขำที่ฉันตอบแบบนั้น เขาเหลือบสายตาขึ้นมาสบสายตากับฉันก่อนจะยิ้มออกมาและมันเริ่มจะทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกจริงๆแล้วนะเพราะนี่ก็ครั้งแรกที่เขาคุยกับฉันแบบนี้ซึ่งปกติเจ้าตัวจะอยู่เงียบๆและทำอะไรสักอย่างที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นสมุดบัญชีอย่างเดียว
"หนามเตยไปช่วยพี่เก่งสิลูกค้าเข้าร้านแล้วน่ะ!"
"โอ๊ะ!"
ฉันหันไปมองลูกค้าที่กำลังเข้ามาก่อนจะรีบเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่พี่โมเอ่ยเตือนฉัน ฉันเดินเข้ามาที่หน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะยิ้มให้พี่เก่งอย่างขอโทษ
"ที่จริงเรียกให้หนามไปเสริฟก็ได้ถูกมะ จะเอาไปเสริฟเองเพื่อ!?"
"น่า พี่เก่งนี่แชะจัง ^^"
"คือบางทีฉันก็อยากเอาไปสริฟเขามะ ถ้าไม่ติดว่าต้องประจำอยู่ตรงนี้นะแม่จะจัดพ่อรูปหล่อคนนั้นล่ะ"
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อรู้เหตุผลที่แท้จริงที่พี่เก่งแชะพี่โมแล้วฉันจึงส่ายหน้าไปมาอย่างขำๆก่อนจะหันกลับมารับออเดอร์จากลูกค้าที่เริ่มทย่อยเข้าร้าน เวลานี้ก็เป็นเวลาทำงานที่หนักไม่น้อยนะถึงคนจะไม่เยอะแต่พวกเขาก็มากันเรื่อยๆจนแทบจะไม่ได้นั่งเลยก็ว่าได้
"ลาเต้ปั่น ชาเย็นปั่น และเค้กที่สั่งได้แล้วค่ะขออนุญาติวางนะคะ ^^"
เสียงใสๆของฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้มหัวให้ลูกค้าที่นั่งอยู่พร้อมกับยิ้มให้บางๆ พวกเธอทั้งสองพยักหน้าให้ฉันจึงหยิบแก้วในมือวางไว้ที่โต๊ะและตามด้วยเค้กที่นักศึกษาหญิงสองคนนี้สั่ง
"อารมณ์เหมือนถูกหวยไหมใครจะไปคิดว่าคนแบบทร็อตจะมานั่งที่ร้านนี้จริงๆตามที่เขาพูดกัน"
"ใช่ไหมล่ะ เชี้ยเขามองมา!"
ฉันที่เพิ่งวางจานในมือเสร็จมองหญิงสาวที่เรียนมอเดียวกันอย่างไม่เข้าใจก่อนที่ฉันจะหันไปมองตามพวกเธอด้วยและเห็นว่าเขาคนนั้นกำลังมองมาทางนี้อยู่...เขาต้องการอะไรเพิ่มหรอรึว่าอะไร?
"รึเขาได้ยินที่เราคุยกัน!"
"บ้ารึไงไกลขนาดนี้!"
"รึทร็อตสนใจฉัน!?"
ฉันเดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้นช้าๆเมื่อมั่นใจแล้วว่าเขาคนนั้นไม่ได้มองมาที่ฉันเพื่อจะสั่งอะไร...และฉันก็เพิ่งรู้ว่าเขาชื่อทร็อต นี่แสดงว่าเขาดังนะเนี้ยถึงมีคนรู้จักแบบนี้
"หนาม..."
"คะพี่เก่ง?"
พี่เก่งเรียกฉันเบาๆเมื่อฉันเดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ก่อนที่ฉันจะมองตามสายตาพี่เก่งที่มองออกไปนอกร้านที่มีร่างสูงคุ้นตาของใครบางคนยืนอยู่ ให้ตาย...ฉันเคยบอกเขาแล้วไม่ใช่รึไงว่าตอนนี้มันเวลางานของฉัน?
"เอ่อ..."
"ออกไปหามันเถอะ ดีกว่ามันเข้ามา"
"ค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะพี่เก่ง"
ฉันเอ่ยขึ้นอย่างที่รู้สึกจริงๆก่อนที่ฉันจะถอนหายใจออกมาขณะที่เดินออกไปนอกร้านเพื่อที่จะไปหาเขาที่กำลังยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเจ้าตัวเห็นฉันเขาก็ยกยิ้มออกมาด้วยท่าทียียวนที่ฉันรู้สึกรังเกียจที่สุด
"ทำไมเวลาเจอพี่ชายตัวเองต้องทำหน้าไม่พอใจขนาดนั้นครับน้องหนามเตย? ^^"
"ก็น่าจะรู้นะว่าทำไมฉันไม่พอใจ"
"นี่หนามพูดกับคนที่เป็นพี่ตัวเองแบบนี้ได้?"
"ฉันไม่เคยมีพี่ชาย จะพูดอะไรก็พูดมาฉันจะได้รีบกลับไปทำงาน!"
"หึ" คนตรงหน้าฉันหัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่เขาจะยื่นมือตัวเองออกมาตรงหน้าฉันพร้อมกับยิ้มออกมา "แม่ให้มาเอาเงิน ^^"
"ฉันไม่ให้"
ฉันตอบกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับจ้องตากับคนตรงหน้าไม่หลบ เจ้าตัวหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับยกมือตัวเองที่ยื่นออกมาตรงหน้าเสยผมตัวเองขึ้นพร้อมกับสายตาที่มองมาที่ฉันที่มันเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเรียบทันทีที่ฉันปฎิเสธไปแบบนั้น
"เธอคงไม่อยากให้แม่มาเอาเองใช่ไหม?"
"แม่ก็แม่นายแล้วทำไมไม่รู้จักหาเงินไปให้เธอเองล่ะ?"
"อย่าปากเก่งหนาม ที่เธอมีที่ซุกหัวนอนทุกวันนี้มันเพราะใครถ้าไม่ใช่แม่ฉัน!?"
"..."
"คิดว่าตัวเองหาเงินได้แล้วทำมาปากเก่งแบบนี้ระวังจะจบไม่สวยนะครับ"
"ก็ดีกว่าพวกหน้าตัวเมียที่วันๆไม่ทำอะไรนอกจากแบกหน้ามาขอเงินคน!"
พรึ่บ!
"มึง!!"
"ทำไม หรือกูพูดอะไรผิด!!?"
ฉันถามขึ้นมึงขึ้นกูกับคนตรงหน้าทันทีพร้อมกับสบัดข้อมือตัวเองที่ไอ้ไตตั้ลพี่ชายคนล่ะพ่อคนล่ะแม่ของฉันที่มันกระชากข้อมือฉันไปด้วยความโมโหเมื่อฉันจี้จุด มันมองหน้าฉันนิ่งก่อนจะค่อยๆเหยียดยิ้มออกมาอีกครั้ง
"เฮอะ งั้นกูคงไม่ต่างจากพ่อมึงหรอกที่ทิ้งหนี้ให้แม่กูแล้วก็ตายไป!"
"..."
"ทำไมกูพูดเรื่องจริงแค่นี้มึงรับไม่ได้? ^^"
ฉันกำมือตัวเองเข้าหากันแน่นพร้อมกับพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองที่กำลังเดือดอยู่ให้มันสงบลง ไตตั้ลเหยียดยิ้มออกมาก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกมองฉันด้วยสายตาที่เหนือกว่า
"เอาตังมาหนามเตย กูไม่ได้มีเวลามาคุยกับมึงนานนะ!"
ฉันถอนหายใจออกมาเสียดังก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงินที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเองออกมาและหยิบเงินแบงค์พันที่มีสองใบที่อยู่ในนั้นออกมาก่อนจะยื่นให้มันช้าๆ
พรึ่บ!
"ก็แค่นี้...งั้นพี่ไปละคุณน้องสาวตั้งใจทำงานนะครับ ^^"
ฟึ่บ!
ฉันเบี่ยงหัวตัวเองออกจากมือสกปรกๆของไตตั้ลที่กำลังจะเอื้อมมือตัวเองมาลูบผมฉันทันทีซึ่งเจ้าตัวก็ยักไหล่ใส่ฉันด้วยท่าทีวอนเท้าและหันหลังเดินออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว ฉันมองตามร่างสูงของมันไปก่อนจะเห็นว่ามันมีรถยนต์คันหรูมารอรับที่อีกฟากของร้านซึ่งดูก็รู้ว่าคงจะเป็นผู้หญิงที่มันคั่วอยู่ หึ! คบแต่กับพวกผู้หญิงรวยๆเพื่อที่จะดูดตัง ฉันเดินกลับมาทางร้านทันทีก่อนจะชะงักไปนิดเมื่อสบสายตากับลูกค้าเจ้าประจำที่กำลังมองมาจากในร้านอยู่...ฉันไม่แน่ใจนักว่าเขามองมาดูตั้งแต่ตอนไหนแต่เขาคงจะเห็นที่ฉันให้เงินไอ้ไตตั้ลแล้ว ฉันหลบสายตานิ่งเรียบตรงหน้าตัวเองก่อนจะเดินกลับเข้ามาในร้านด้วยไม่ได้หันไปสนใจเขาอีก
"มันมาขอตังอีกแล้ว?"
"ค่ะ..."
"แล้วหนามก็ให้มันเนี้ยนะ บ้ารึไง?"
"ไม่ให้ก็ไม่ได้อยู่ดีล่ะค่ะพี่เก่ง...ถึงไม่ให้ตอนนี้ยังไงหนามกลับบ้านไปหนามก็ต้องให้อยู่ดี"
"เฮ้อหนามเอ้ย..."
"เดียวหนามไปล้างแก้วดีกว่า มีอะไรเรียกนะคะ ^^"
ฉันบอกพี่เก่งก่อนจะเดินเข้ามาหลังร้านและเริ่มล้างแก้วที่ค้างอยู่ทันที คือฉันเข้าใจในความเป็นห่งของพี่เก่งนะแต่จะให้ฉันหัวแข็งไปมากกว่านี้มันก็ไม่ได้ส่วนเรื่องขอเงินไอ้ไตตั้ลมันมาขอฉันที่นี้จนพี่เก่งเริ่มชินและเกลียดไตตั้ลไปด้วยแล้วในความหน้าด้านของมัน ไตตั้ลเป็นพี่ชายในนามของฉันเขาไม่ใช่พ่อและแม่เดียวกับฉันแต่เพราะพ่อฉันที่แต่งงานกับแม่ของไตตั้ลใหม่มันจึงทำให้เราต้องเป็นพี่น้องกัน เบื้องแรกครอบครัวเราดูมีความสุขสงบดีแต่เมื่อพ่อของฉันตายภาพจริงของทั้งสองคนแม่ลูกจึงปรากฎ ไตตั้ลมีดีแค่หน้าตาส่วนแม่ของไตตั้ลก็ไม่ได้ดีไปกว่าลูกและยิ่งตอนนี้เธอยิ่งหนักกว่าเดิมตรงที่เมื่อพ่อฉันตายมันมีหนี้สินตามมาและเธอต้องขายทุกอย่างเพื่อใช้หนี้เพราะฉันในตอนนั้นยังเด็ก แต่เมื่อฉันโตมาเธอก็ทวงทุกอย่างคืนจนมันเกินกว่าที่พ่อฉันเป็นหนี้แล้วฉันอยากจะหนีนะ...แต่ฉันในตอนนี้ยังทำอะไรไปกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้จึงต้องจำใจอยู่และหาเงินเพื่อพยุงตัวเอง และเงินที่เพิ่งให้ไตตั้ลไปเมื่อกี้ก็เป็นเงินสำหรับเดือนนี้มันเป็นค่าตอบแทนของแม่เขาที่ฉันต้องหาให้ทุกเดือนเพื่อให้ตัวเองมีที่ซุกหัวนอนเอาง่ายๆก็ค่าเช่า
"วันนี้กินอะไรดีล่ะ เหลือเงินแค่ห้าร้อย"
ฉันเอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆเพื่อที่จะเบี่ยงความคิดตัวเองออกจากเรื่องครอบครัว เฮ้อ เรื่องที่ดูหนักใจกว่าเรื่องครอบครัวคงไม่พ้นหาวิธีอยู่ให้ได้ด้วยเงินห้าร้อยสินะ ห้าร้อยกับอีกสิบเอ็ดวัน...คงไม่พ้นมาม่า
19.03 น.
"กลับบ้านดีดีล่ะ"
"ไม่ต้องห่วงเดินไปแป๊บๆก็ถึง ^^"
"จ้าา"
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเดินออกมาจากร้านพร้อมกับบิดตัวเพื่อคลายความล้าไปด้วย ตอนนี้ฉันเปลี่ยนกะแล้วและกำลังจะกลับบ้านฉันกะว่าวันนี้จะเดินกลับคือบ้านฉันไม่ก็ไม่ไกลจากนี้มากและยังได้ออกกำลังกายด้วยน่ะนะ...เปล่าหรอกประหยัดตังน่ะอะไรที่พอจะไม่ใช้ได้ก็ต้องทำ ฉันเดินมาเรื่อยๆจนถึงเซเว่นตรงหัวมุมที่จะถึงบ้านฉันจึงแวะเข้าไปเพื่อหาอะไรกินจะได้ไม่ต้องยุ่งยากอะไรอีก กลับถึงบ้านก็นอนเลยแล้วกัน
"..."
ฉันหยิบมาม่าไปใส่น้ำร้อนก่อนจะเดินมาที่เคาน์เตอร์และจ่ายเงินก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะหน้าร้านเซเว่นที่ทางร้านจัดไว้พร้อมกับมองไปเบื้องหน้าที่ตอนนี้กำลังมีรถมากมายวิ่งสวนไปมาอย่างเร่งรีบ ตอนนี้มันเป็นเวลากลับบ้านน่ะนะทุกๆคนจึงดูรีบกันต่างจากฉันที่หากยื้อเวลาได้ก็ไม่อยากจะกลับไปเลยบ้านที่มันไม่ใช่บ้าน...แต่แสงไฟตอนนี้มันก็สวยจริงๆละนะ ฉันหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตัวเองออกมาพร้อมกับเปิดกล้องและยกมันขึ้นถ่ายรูปแสงสีในตอนนี้ไปเล่นๆเพื่อรอมาม่าสุก
"ขอนั่งด้วยได้รึป่าว?"
"..."
ฉันสะดุ้งนิดๆเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงคุ้นตาที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนที่ฉันจะต้องเบิกตากว้างอย่างทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นว่าเขาคือใคร
"เอ่อ...ได้ค่ะ"
ฉันตอบกลับเบาๆเมื่อยังเห็นว่าเขายังคงยืนมองมาอยู่ เขาเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามฉันพร้อมกับวางมาม่าในมือลงที่โต๊ะตรงหน้าด้วยท่าทีนิ่งๆตามแบบของเขา ฉันลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างทำตัวไม่ถูกพร้อมเบี่ยงสายตามองไปทางอื่นช้าๆ ก็จะให้ทำตัวยังไงล่ะในเมื่อตอนนี้ลูกค้าประจำคนนั้นกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้แถมยังมีมาม่าติดมือมาด้วยอีก
"ไม่กินหรอ เดียวก็อืดหรอก"
"อ่อ...กินๆ"
ไง๊เป็นงี้เนี้ย...ฉันคิดในใจกับตัวเองเบาๆพร้อมกับมือตัวเองที่ยกขึ้นมาจับซ้อมพลาสติกที่วางอยู่และเปิดฝามาม่าก่อนจะคนมันไปมาเพื่อให้เข้ากับเครื่องปรุงด้วยความเกร็ง คือฉันไม่รู้จะทำยังไงดีในสถานะการณ์แบบนี้จริงๆนะที่ต้องมานั่งกินกับคนไม่รู้จักคือจะลุกก็ลุกไม่ได้อ่ะเพราะเขาอาจคิดว่าฉันอะไรกับเขารึป่าว ฉันจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตากินมาม่าโดยที่ลืมไปซะสนิทว่ามันร้อน!
"แค่ก!"
"เฮ้ย กินแบบนี้ก็ติดคอตายพอดี!"
พรึ่บ!
ฉันที่กำลังไอมองเขาที่ลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปในซเว่นด้วยความสงสัยทันทีที่เห็นเขาทำแบบนั้นก่อนจะต้องเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อเขากลับออกมาพร้อมกับขวดน้ำเปล่าในมือ
"มะไม่เป็นไรค่ะฉันไม่...แค่กๆ"
"กินก่อนค่อยพูด"
ฉันมองขวดน้ำที่ถูกยัดมาใส่มองอย่างหนักใจก่อนจะสบสายตากับแววตานิ่งเรียบที่กำลังมองมาที่ฉันอยู่ ฉันยกขวดน้ำในมือที่เขาเปิดไว้ให้แล้วกินทันทีที่เห็นสายตาเขาคือมันคล้ายกับว่าหากฉันไม่ยอมดื่มสักทีเขาจะเป็นคนกรอกน้ำใส่ปากฉันเองเลยอ่ะ...สายตาโคตรจะน่ากลัว!
"ขอบคุณนะ เดียวฉันจ่ายเงินคืน"
"ไม่ต้อง"
มือของฉันที่กำลังจะเลื่อนมาหยิบกระเป๋าชงักไปอีกครั้งเมื่อคนตรงหน้าปฎิเสธกลับมาทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันเม้มปากข้าหากันช้าๆ
"เอ่อ...งั้นฉันไปก่อนนะคะ"
"กินไปไม่ถึงคำนี่อิ่มแล้ว?"
"..."
"ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้มั่ง ผมไม่กัดหรอก"
"ฉันไม่ได้..."
"ผมทร็อตและยินดีที่ได้รู้จักนะหนามเตย"
"คะ?"
ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจที่เขาพูดขึ้น ทร็อตขมวดคิ้วมองมาที่ฉันก่อนที่เขาจะค่อยๆยิ้มออกมาบางๆยอมรับนะว่าเวลาเขาหน้านิ่งมันดูน่ากลัวแต่ตอนที่เขายิ้มแบบนี้มันก็ดูดีเอามากๆเช่นกัน
"ก็ทำความรู้จักกันไง ผมไปร้านที่คุณทำงานเกือบจะทุกวันไม่สังเกตเห็นกันบ้างหรอ?"
"เห็นสิคะ ก็คุณเป็นลูกค้าประจำทำไมจะจำไม่ได้"
"ก็ใช่น่ะสิ แล้วทำไมหนามเตยต้องงงด้วยล่ะถ้าผมจะขอทำความรู้จัก?"
"ฉันเปล่า...ฉันแค่ปรับตัวยังไม่ถูกน่ะค่ะ"
"ตอนนี้เลิกงานแล้วนิ" ฉันเอียงคอมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ "เลิกงานแล้วก็พูดแบบธรรมดาเถอะ ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นลูกค้าแล้วด้วย"
"ฉันไม่รู้ว่าคุณ...ทร็อตรู้จักเราด้วย"
"พี่ที่ร้านเรียกบ่อยจนติดหู อีกอย่างชื่อก็แปลกดีฟังแล้วชอบไงไม่รู้"
มันก็เป็นแค่คำชมชื่อฉันธรรมดาๆนะแต่สายตาของคนตรงหน้าที่เอ่ยประโยคนี้ออกมามันกลับไม่ได้ธรรมดาและนิ่งเหมือนกับเสียงของเขาเลยมันจึงทำเอาฉันรู้สึกวูบแปลกๆ ฉันตั้งสติอีกครั้งก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
"ชื่อพี่ทร็อตก็เพราะค่ะ ^^"
"เรียกทร็อตเฉยๆก็ได้ เราอายุเท่ากัน"
"..." ฉันชงักไปอีกครั้งเมื่อเขาพูดขึ้นแบบนั้น คือถ้าชื่อฉันที่เขารู้ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่นะแต่อายุนี่สิพี่ที่ร้านไม่น่าจะเรียกอายุฉันแทนชื่อได้นะ
"คงจะงงว่าทำไมฉันรู้เรื่องของเธอขนาดนี้"
ทร็อตถามขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเช่นเคยพร้อมกับริมฝีปากเขาที่ค่อยๆเหยียดยิ้มออกมาด้วยท่าทางที่ดูเท่สุดๆ เจ้าตัวกัดปากตัวเองนิดๆเหมือนชั่งใจกับอะไรสักอย่างก่อนจะเหลือบสายตาขึ้นมาสบสายตากับฉันอีกครั้ง
"ไม่รู้สึกหน่อยหรอว่าฉันรู้เรื่องเธอมากเกินไป"
"ก็...รู้สึกนะ"
"โทษทีนะ แต่ปรกติเวลาโดนผู้ชายจีบเนี้ยเขาเริ่มกันยังไงหรอ?"
"ห๊ะ!?"
ตาของฉันเบิกกว้างทันทีที่ทร็อตพูดแบบนั้น เจ้าตัวเลิกคิ้วมองฉันด้วยความสงสัยก่อนจะยกมือตัวเองเสยผมขึ้นช้าๆด้วยท่าทีที่ดูทำตัวไม่ถูกเช่นเดียวกับฉันที่ยังตกใจอยู่ ที่เขาพูดมันหมายความว่ายังไง...คือเขากำลังจีบฉันหรอ?
"ก็จะได้เริ่มถูกไง กลัวว่าทำอะไรข้ามขั้นเเล้วหนามเตยจะกลัว...พอดีไม่เคยจีบใคร"
ตรง...คนตรงหน้าฉันเป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมามากจนทำให้ฉันแทบจะไปต่อไปถูกในสถานะการณ์แบบนี้ คนๆนี้กำลังจะจีบฉันเขาที่ไปนั่งที่ร้านที่ฉันทำงานทุกวันแต่ฉันแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มันไม่ได้รู้สึกเลยว่าเขาสนใจฉัน เขาไม่เคยมองฉันด้วยซ้ำแต่มีวันนี้เท่านั้นที่เขาคุยกับฉันคุยในแบบที่ไม่ใช่แค่การสั่งเครื่องดื่มและในตอนนี้ที่เขากำลังบอกว่าจะจีบฉันด้วยน้ำเสียงและหน้าตานิ่งเรียบเนี้ยนะ...ทำไมฉันกลับรู้สึกหน้าร้อนแทนเขาล่ะว่ะ ฉันเป็นคนที่โดนจีบนะบ้ารึป่าว!?