28/11/20xx
16.25 น.
"ไง.."
ฉันที่กำลังเช็ดแก้วอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ค่อยๆเงยหน้ามองลูกค้าที่ควรจะเป็นลูกค้าด้วยสายตานิ่งเรียบ ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับมองคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มให้ฉันอยู่
"ขอคุยด้วยสักแป๊บได้ไหม?"
"ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันทำงานอยู่"
"ไปคุยเถอะน้องหนาม ลูกค้ายังไม่ค่อยมี"
"แต่.."
"ไปเถอะจ๊ะ ^^"
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆก่อนจะเดินออกมาจากหน้าเคาน์เตอร์ด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์และพยายามเก็บอารมณ์สุดๆ ฉันเดินมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับมิล่าที่เดินมานั่งตามพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่ฉันไม่รู้จัก แต่ฉันก็พอจะเดาได้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกันเพราะมือทั้งสองที่กุมประสานกันไว้อยู่
"..."
ฉันสบสายตากับมิล่าที่กำลังมองมาด้วยสายตานิ่งเรียบและเต็มไปด้วยความสงสัย ฉันสงสัยน่ะสงสัยว่าเธอยังมีอะไรที่อยากจะคุยกับฉันอีกงั้นหรอในเมื่อเราคุยกันไปแล้ว
"คือ มิล่าคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง"
"เรื่องอะไรกัน?"
"เรื่องหนามกับทร็อต...หนามกำลังเข้าใจเราสองคนผิด"
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับสบสายตาที่เต็มไปด้วยความหนักใจด้วยสายตานิ่งเรียบไม่ต่างจากหัวใจฉันในตอนนี้ที่มันไม่มีอะไรข้างใน คือฉันคิดว่ามันจบตั้งแต่วันแล้วและฉันก็ไม่อะไรแล้ว
"หนามจะเข้าใจยังไงก็ปล่อยหนามเถอะ หนามจบเรื่องนี้ไปแล้ว"
"ไม่ได้ เพราะมิล่าเป็นสาเหตุที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน"
"อ่อ แล้วพอมิล่าคืนดีกับแฟนมิล่าเลยเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองคือสาเหตุแล้วอยากจะมาขอโทษและพูดให้หนามเข้าใจ?"
มิล่ากัดริมฝีปากตัวเองพร้อมกับมองมาที่ฉันอย่างหนักใจเมื่อฉันถามออกไปตามตรง คือฉันรู้รู้ตั้งแต่เห็นหน้ามิล่าแล้วว่าวันนี้เธอมาหาฉันทำไมหากไม่ใช่จะมาพูดเรื่องของทร็อตเพื่อให้ฉันที่เข้าใจผิดเข้าใจทร็อตใหม่...แต่ฉันไม่ได้เข้าใจทร็อตผิดที่เราเลิกกันมันไม่ใช่เพราะเธอแต่เป็นคนของฉันเองที่ทำตัวเอง
"มิล่าไม่ต้องพูดอะไรหรอก และไม่ต้องห่วงหนามเข้าใจทุกอย่างแล้ว"
"แต่หนาม ยังไงมิล่าก็รู้สึกผิด...อย่างน้อยที่มิล่ามาในวันนี้ก็เพราะมิล่าอยากมาบอกกับหนามว่าเราสองคนไม่มีอะไรกันจริงๆ"
"..."
"ฉันขอโทษแทนมิล่าด้วยที่อาจทำให้เธอมีปัญหากับทร็อต แต่อย่างน้อยฉันก็อยากให้เธอให้โอกาสมัน"
เสียงทุ้มต่ำของอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆมิล่าเอ่ยขึ้นเสริมมิล่าอีกแรง เขาจ้องมองมาที่ฉันนิ่งไม่ต่างจากฉันที่มองพวกเขาสลับกันไปมาเช่นกันฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
"พวกฉันสองคนทำเรื่องไม่ดีกับมันไว้เยอะ แล้วพอตอนนี้มันยังต้องมาเกิดเรื่องแย่ๆเพราะพวกฉันอีก...ฉันยอมรับจริงๆว่าฉันก็เป็นต้นเหตุให้เรื่องนี้มันเกิดถ้าฉันไม่สร้างเรื่องมิล่าคงไม่หนีมาหาไอ้ทร็อตมัน"
"พอเถอะ...ฉันเข้าใจที่พวกเธอกำลังจะบอกแล้ว"
ฉันเอ่ยขึ้นเสียงเบาด้วยท่าทีเพลียๆมิล่าที่ได้ยินแบบนั้นยิ้มออกมาช้าๆอย่างดีใจ แต่เมื่อเธอได้เห็นสายตาของฉันเธอก็ค่อยๆหุบยิ้มลงช้าๆ
"ฉันเข้าใจ แต่ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว...มันมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้ฉันตัดสินใจแบบนี้"
"..."
"เรื่องทุกเรื่องมันต้องใช่เวลา และฉันก็ดีใจด้วยที่พวกเธอสองคนคืนดีกัน ^^"
"หนาม..."
มิล่าเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับน้ำตาตัวเองที่มันไหลลงมาช้าๆ เธอมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่กำลังรู้สึกผิดมันเต็มไปด้วยคำขอโทษถึงมันจะไม่มีคำพูดก็เถอะแต่ฉันสัมผัสถึงมันได้...ฉันไม่ได้โกรธเธอแต่จะให้ฉันกลับไปหาทร็อตในตอนนี้ฉันก็ไม่พร้อมจริงๆ ฉันว่าเราสองคนควรจบลงแบบนี้มันน่าจะดีที่สุดแล้ว
"อย่าโทษตัวเองเลยนะ และฉันก็ขอให้มีความสองมากๆนะทั้งสองคน ^^"
ฉันเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจะขอตัวมาทำงาน ฉันเดินเลี่ยงออกไปด้านหลังของร้านพร้อมกับยืนนิ่งอยู่หน้าอ่างล้างจานด้วยแววตาที่พยายามไม่แสดงอารมณ์แต่สุดท้ายมันก็ควบคุมไม่ไหวเมื่อน้ำตาตัวเองไหลลงมาเหมือนเขื่อนแตกฉันกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นพร้อมกับกำอ่างตรงหน้าไว้แน่นเพื่อพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ร้องไห้แบบเกิดเสียง ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันกำลังเสียใจมากแค่ไหนฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันกำลังอ่อนแอ
ติ๊ง!
ฉันสะดุ้งนิดๆก่อนจะเอื้อมมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเองออกมาเมื่อมันร้องเตือนฉันว่าข้อความเข้า ฉันชงักไปนิดเมื่อเห็นข้อความที่มันกำลังโชว์อยู่ มันเป็นข้อความเดิมๆที่เขาส่งมาให้ฉันในทุกๆวัน เป็นข้อความธรรมดาๆแต่มันกลับทำให้น้ำตาฉันที่แห้งไปกลับมานองหน้าอีกครั้ง
Trot >> คิดถึง
"อึ่ก...!"
ฉันพยายามกลั่นเสียงสะอื้นของตัวเองไว้ให้ลึกที่สุดเมื่ออ่านข้อความที่ทร็อตส่งมา นี่ก็เข้าอาทิตย์ที่สองแล้วมั่งที่ฉันไม่ได้เจอทร็อตหรืออะไรกับเขาเลย ทร็อตไม่มาให้ฉันกวนใจมีเพียงแต่ข้อความที่เขาส่งมาเพียงเท่านั้นแต่เพียงแค่นี้น้ำตาฉันมันก็พาลไหลลงมาเหมือนคนอ่อนแอตลอดเวลา ฉันเคยคิดเคยคิดว่าฉันจะต้องทนกับอะไรแบบนี้ได้แต่ฉันกลับไม่ไหว ฉันไม่เคยทนได้เลยเพราะทุกๆอย่างที่มีเขามันทำให้ฉันเป็นคนอ่อนแออยู่เสมอ
19.05 น.
"หนาม"
"คะพี่เก่ง?"
ฉันที่กำลังจะกลับหันไปหาพี่เก่งที่เรียกฉันอย่างงงๆ เขามองมาที่ฉันก่อนจะเดินออกมาหาฉันและคว้าแขนดึงให้ฉันออกไปนั่งข้างนอกร้านกับตัวเอง ฉันหรี่ตาลงอย่างไม่เข้าใจพร้อมกับมองพี่เก่งอย่างสงสัย พี่เก่งหันหน้ามาหาฉันทันทีที่เรานั่งกันที่เก้าอี้
"พี่ทนเห็นเราเป็นแบบนี้ไม่ไหวแล้วนะ!"
"พี่เก่ง...พูดถึงอะไรหรอคะ?"
"อย่าหลอกพี่หนาม พี่รู้ว่าเรามีเรื่องอะไรในใจ"
"..."
"พี่ไม่รู้ว่าปัญหาของหนามคืออะไร แต่ที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้มันดีแล้วหรอ?" ฉันเบี่ยงสายตาหลบสายตาพี่เก่งที่กำลังมองมาช้าๆ เขาเอื้อมมือมากุมมือฉันไว้พร้อมกับออกแรงบีบมันเบาๆ "ถ้าหนามแย่แล้วหนามจะแบกมันไว้ทำไม?"
"หนาม...หนามไม่รู้"
"เรื่องทุกเรื่องมันมีทางออกหนาม เพียงแต่หนามต้องเปิดใจให้มันบ้าง"
"..."
ริมฝีปากฉันเม้มเข้าหากันแน่น พร้อมกับหัวใจของฉันที่มันกำลังเต้นแรงฉันควรจะทำยังไงงั้นหรอ...ฉันก็ไม่รู้แต่ฉันก็ยอมรับว่าที่ฉันเป็นอยู่ในตอนนี้มันก็แย่ มันแย่ที่ฉันเลือกที่จะแบกมันไว้ไม่ยอมวาง
"แต่ถ้าหนามคิดว่าทางที่ตัวเองเลือกมันโอเคกับตัวเองก็แล้วแต่...พี่ก็คงได้แค่บอก แต่เพราะพี่ห่วงเราพี่ถึงมาพูดเพราะความหวังดีเราคงเข้าใจพี่นะ"
ฉันพยักหน้าช้าๆพร้อมกับเอ่ยขอบคุณพี่เก่งเบาๆ พี่เก่งยิ้มออกมาช้าๆพร้อมกับดึงฉันเข้าไปกอดเบาๆเขาลูบหัวฉันเบาๆจนฉันรู้สึกดีขึ้นมากพี่เก่งจึงค่อยๆคล้ายอ้อมกอดตัวเองออก
"งั้นก็กลับบ้านนะ กลับไปพักผ่อน"
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ"
ฉันเอ่ยขอบคุณพี่เก่งเบาๆก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นและโบกมือให้พี่เก่งอีกครั้งและหันหลังเดินกลับบ้าน ฉันมองทางที่เต็มไปด้วยแสงไฟตรงหน้าด้วยสายตาเหม่อลอยมันเหม่อเพราะในสมองของฉันในตอนนี้มันคิดเรื่องของทร็อตไม่หยุดฉันยังจำสีหน้าและแววตาเขาในวันนั้นได้...ฉันจำได้ว่ามันทั้งเสียใจและเจ็บปวดขนาดไหนมันไม่ต่างจากฉันเช่นกันที่เจ็บปวดในเรื่องนี้ ฉันกำมือตัวเองเข้าหากันแน่นพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาตัวเองไว้อีกครั้ง
ฉันส่ายหน้าไปมาช้าๆก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในเซเว่นก่อนเข้าซอยบ้านฉันเพื่อหาอะไรกิน อย่างน้อยฉันก็ยังมีความรู้สึกอยู่น่ะนะคนเราถึงจะเสียใจขนาดไหนก็ยังคงต้องกิน...กินเพื่ออยู่
"ทั้งหมด 65 บาทครับ"
ฉันยื่นแบงค์ร้อยของตัวเองให้เขาพร้อมกับยืนรอเงินทอนและเดินออกมาพร้อมกับแซนวิชน้ำและขนมอีกห่อก่อนที่ทุกอย่างจะถูกวางไว้ที่โต๊ะหน้าเซเว่น
"วันนี้หนาวดีแหะ"
เสียงของฉันบ่นออกมาเบาๆพร้อมกับสายตาของฉันที่มองออกไปทางถนนที่ผู้คนมากมายกำลังเดินสวนกันไปมาไม่ต่างจากรถที่กำลังขับสวนไปมาด้วยความเร่งรีบ...ที่ตรงนี้ฉันไม่ได้มานั่งนานแล้วฉันยังจำความรู้สึกของวันนั้นได้ดีซึ่งความรู้สึกของตอนนั้นมันต่างจากตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด
'ก็จะได้เริ่มถูกไง กลัวว่าทำอะไรข้ามขั้นเเล้วหนามเตยจะกลัว...พอดีฉันไม่เคยจีบใคร'
"..."
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเผลอไปนึกถึงแววตานิ่งๆของเขาแถมยังคำพูดตรงๆที่มันออกมาจากริทฝีปากนั้นอีก เขาจะรู้ตัวไหมว่าตอนนั้นฉันรู้สึกตลกขนาดไหน...มันมีหรอที่คนคนนึงแถมยังเป็นผู้ชายที่ดูดีมากๆไม่เคยจีบใคร แต่เขากลับพุ่งเข้าหาผู้หญิงธรรมดาๆคนนึงอย่างฉันเขาเข้ามาทำให้ฉันรู้สึกดีและมีแต่เขาเต็มหัวใจ...
ครื้น...
ฉันลุกขึ้นช้าๆเมื่อกินทุกอย่างเสร็จ ฉันว่าตอนนี้ฉันคงหมดเวลาที่จะมานั่งนึกถึงอดีตแล้วถึงมันจะเคยมีความสุขและก็เป็นความทรงจำดีๆสำหรับฉันแต่มันก็แค่เคย ฉันคงเอาอะไรกลับมาไม่ได้ ฉันเดินกลับบ้านทันทีที่คิดได้แบบนั้น
แกร็ง..
ฉันหยุดยืนตรงหน้าประตูด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเมื่อเห็นว่าวันนี้ทุกคนอยู่บ้านครบอยู่ทั้งแม่และไตตั้ล ฉันมองทั้งสองคนที่กำลังนั่งคุยกันด้วยใบหน้าเคร่งเครียดด้วยความสงสัยแต่ฉันก็เก็บมันไว้และเดินเลี่ยงไปทางห้องตัวเองทันที
"มาแล้วก็พูดก็จาบ้างยัยหนามถ้ายังเห็นหัวฉันน่ะ"
"...หนามกลับมาแล้วค่ะ"
"มานั่งนี้สิฉันมีเรื่องจะคุยด้วย"
ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันนิดๆก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับสองแม่ลูกช้าๆ เธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาไร้อารมณ์ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง
"ใครให้แกเลิกกับคุณทร็อตเขา!?"
"..."
ฉันมองไตตั้ลที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเธอทันทีมันยักไหล่ใส่นิดๆก่อนจะหันหน้าหนีไป มันแปลกที่มันไม่ทำหน้ากวนอย่างเคยแต่มันออกจะเคลียดมากกว่า ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเลื่อนสายตากลับมามองเธออีกครั้ง
"มีปัญหาค่ะก็เลยเลิก"
"อย่าหยิ่งมากนังหนาม แกไม่ได้มีเงินมากถึงขนาดเลือกคบใครก็ได้นะเขารวยขนาดนั้นทำไมไม่จับเขาไว้ห๊ะ!!?"
"ถ้าจะเรียกมาคุยเรื่องแบบนี้หนามขอตัวนะคะ"
พรึ่บ!
"นี่แกไม่เห็นหัวคนที่เลี้ยงแกมาเลยใช่ไหม!?"
"มีอะไรก็พูดมาตรงๆเถอะค่ะ เงินหนามก็จ่ายตรงทุกเดือนแล้วคุณจะเอาอะไรอีก...แล้วก็เลิกพูดสักทีว่าเลี้ยงหนามเพราะคุณไม่เคย!"
เพี๊ยะ!
"แม่!"
"อย่ามาปากดีกับฉันนักหนาม!"
ฉันค่อยๆหันหน้ากลับมาสบสายตากับแววตาที่กำลังเต็มไปด้วยความโมโหตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง...มันเจ็บแก้มชีกขวาฉันมันเจ็บจนชา แต่ฉันไม่เข้าใจไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงกับต้องลงมือกับฉันแบบนี้ ฉันมองแม่เลี้ยงที่ถูกไตตั้ลคว้าไว้ด้วยความสงสัย
"คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับหนาม!!"
"ฉันมีสิทธิ์ สิทธิ์ในทุกอย่างที่เป็นแกเพราะฉันคือแม่แกและแกคิดผิดผิดแล้วที่เลิกกับทร็อต!"
"แล้วเขาเกี่ยวอะไร หนามจะคบกับใครมันก็เรื่องของหนาม!"
ฟึ้บ!
"อึ่ก!"
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อเธอกระชากผมฉันไว้แน่นพร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโมโหและมันก็น่ากลัวไปพร้อมๆกัน เธอค่อยๆยิ้มออกมาช้าๆ
"ฉันพยายามมากแค่ไหนแกไม่รู้หรอก แกไม่เคยรู้อะไรเลย!"
"แล้วถ้าไม่บอกหนามจะรู้ไหม ปล่อยหนาม!"
"เพราะแกนังหนามฉันถึงหาทางออกเรื่องนี้ไม่ได้!!"
"คุณพูดเรื่องบ้าอะไร!"
"ไอ้ตั้ลมาจับนังหนามไว้!"
"อะไรว่ะแม่ ผมว่า..."
"แกเป็นลูกฉันไหม ถ้าแกเป็นก็จับมันไว้!"
ฉันสบัดตัวออกจากเธอทันทีพร้อมกับจะวิ่งหนีแต่ไตตั้ลวิ่งมาจับฉันไว้ก่อน ฉันสบัดตัวหนีเต็มแรงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าดิ้นไปมาเพราะสู้แรงมันไม่ได้
"อยู่เฉยๆสิว่ะหนาม!"
"ก็แกมาจับฉันแบบนี้ฉันจะอยู่เฉยได้ไง ปล่อยฉันเดียวนี้!!"
เพี๊ยะ!!
"แกดิ้นอีกแกตายแน่นังหนาม! เอามันไปขังในห้อง!"
"..."
"ปะปล่อยฉันนะ!"
"เงียบ! อย่าโดนแม่ฉันตบอีกรึไงอยู่เฉยๆก่อน!"
ฉันเม้มปากเข้าหากันอย่างทำอะไรไม่ถูกแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดขัดขืนจนไอ้ไตตั้ลเอาฉันเข้ามาในห้องได้สำเร็จ ฉันมองไตตั้ลอย่างไม่เข้าใจแต่ตอนนี้มันกลับไม่ยอมสบตาฉันและเอาแต่เบี่ยงหน้าหนี มันหยิบโทรศัพท์ของฉันไปไว้กลับตัวเองก่อนจะเดินหนีออกไป
"แกกับแม่จะทำอะไรฉันตั้ล!?"
"กูก็ไม่รู้ อยู่ในนี้ไปก่อน!"
"แต่.."
"หนาม ถ้ามึงยังขัดขืนเราได้ตายกันหมดแน่!"
ฉันมองคนตรงหน้าที่มีหน้าตาจริงจังอย่างไม่เข้าใจ ไตตั้ลสบถอะไรอีกเบาๆก่อนที่เขาจะเดินออกไปและกระชากประตูปิด ฉันตามไปจับลูกบิดทันทีแต่มันกลับโดนล็อคจากข้างนอก ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นฉันไม่รู้อะไรเลยแต่กลับถูกขัง ฉันมองไปรอบๆห้องของตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูกก่อนจะเดินวนไปรอบๆอย่างคิดอะไรไม่ออกจะให้หนีออกไปทางหน้าต่างก็ไม่ได้เพราะมันเป็นกรงและจะให้โทรหาใครก็ไม่ได้อีกเพราะโทรศัพท์ไอ้ไตตั้ลหยิบไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว...มันเกิดอะไรขึ้นกันฉันงงไปหมด!?
21.46 น.
แกร๊ง...
ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่ประตูห้องของฉันถูกเปิดออก ไตตั้ลเข้ามาผ่านในห้องฉันพร้อมกับยกมือขึ้นจุปากตัวเองไว้และหันไปปิดประตูไว้เบาๆ มันเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับมองแผลที่มุมปากฉันด้วยท่าทางเป็นห่วงซึ่งปกติมันไม่เคยเป็น
"เจ็บไหมว่ะ?"
"แกเคยโดนแม่แกตบไหม?"
"จิ๊"
"แกจะบอกฉันได้รึยังว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไร!?"
ฉันถามไตตั้ลทันทีหลังจากที่เราเงียบกันไปนาน มันทิ้งตัวลงนั่งกับเตียงพร้อมกับยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดมันมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหนักใจ
"แม่ฉันเสียพนัน แล้วแม่งเป็นหนี้เพิ่มอีก"
"เท่าไหร่?"
"สองล้าน"
"ห๊ะ!!?"
"เบาหนาม มึงจะเสียงดังให้แม่กูได้ยินมึงรึไง?"
"ทำไมมันเยอะขนาดนั้น?"
"กูก็คิดงั้น แม่เพิ่งบอกกูวันนี้เหมือนกัน"
"แล้วเธอจะขังฉันทำไม?"
ฉันถามออกไปเมื่อความสงสัยของตัวเองเพิ่มมากขึ้น ไอ้ไตตั้ลถอนหายใจออกมาช้าๆพร้อมกับหลบสายตาฉันที่พยายามจะสบสายตากับมัน
"บอกฉันสิ!"
"แม่จะเอามึงไปให้เสี่ย"
"...นะ นี่แกว่าไงนะ!?"
"มึงได้ยินไม่ผิดหนาม และถึงกูจะเลวไม่ต่างจากแม่ยังไงแต่ครั้งนี้กูไม่เห็นด้วย...อย่างน้อยเพราะมึงกูก็ยังไม่ตาย"
"แล้วแกจะปล่อยฉัน?"
"เออ"
"แล้วแกกับแม่จะเป็นยังไง?"
"ฉันไม่รู้...ฉันอาจจะพาแม่หนี"
"แต่นั้นมันเงินล้านนะไอ้ตั้ล แกคิดว่าเขาจะยอมงั้นหรอ?"
"ฉันไม่รู้ แต่จะให้ฉันทำยังไงว่ะแม่ฉันทั้งคน...แต่ฉันก็ปล่อยให้แกโดนอะไรแบบนั้นไม่ได้"
"..."
ฉันกับไตตั้ลเงียบไปอีกครั้ง มันสบสายตากับฉันนิ่งก่อนจะยื่นโทรศัพท์ของฉันกลับมาให้ฉันรับมันกลับมาอย่างไม่เข้าใจแต่เพียงไม่นานมันก็ดึงให้ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่
"ฉันไม่รู้ว่าแกกับไอ้ทร็อตมันจบจริงๆไหม แต่ฉันคิดว่ามีมันคนเดียวที่จะดูแลแกได้"
"ไตตั้ล..."
ฉันเบิกตากว้างพร้อมกับเดินตามแรงดึงของไตตั้ลไปเรื่อยๆจนถึงหน้าบ้าน ฉันมองมันอย่างไม่เข้าใจจนมองไปเห็นรถคันนึงที่จอดอยู่เยื่องๆจากบ้านฉันไป...แค่มองแวบเดียวฉันก็รู้แล้วว่านั้นรถใคร
"แกต้องอยู่กับมัน แล้วพวกเสื้อผ้าแกค่อยกลับมาเอาแต่ช่วงนี้ฉันกับแม่จะหนีไปก่อน"
"บ้ารึไง แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าแกจะเป็นยังไงต่อไอ้ตั้ล!"
ฉันกำเสื้อมันไว้แน่นพร้อมกับมองไตตั้ลนิ่ง...ฉันยอมรับว่าฉันกับมันไม่ถึงขนาดจะเป็นพี่น้องที่่ดีและด่ากันโคตรจะบ่อยแต่พอมาถึงสถานการณ์แบบนี้ฉันก็พูดไม่ถูกเหมือนกันว่าฉันกำลังรู้สึกยังไง ฉันรู้แค่ว่าฉันกำลังกลัวเพราะมันก็เป็นแค่ครอบครัวเดียวที่ฉันมี
"เป็นห่วงฉันหรอว่ะ?"
"..."
ฉันมองไตตั้ลนิ่งไม่หลบสายตาซึ่งมันก็มองมาที่ฉันเช่นกัน มันค่อยๆยิ้มออกมาก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอดไว้แน่นฉันเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะทนไม่ไหวเมื่อน้ำตาตัวเองมันค่อยๆไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
"ฉันไม่ใช่พี่ชายที่ดี แต่ฉันก็มีน้องสาวคนเดียว"
"อึ่ก..."
"ไม่ต้องห่วงกูกับแม่ ดูแลตัวเองดีๆ"
ฟึ้บ...
ฉันพยักหน้าช้าๆเมื่อไตตั้ลดันฉันออกมาจากอ้อมกอดมันยิ้มให้ฉันอีกครั้งก่อนจะโบกมือไล่ฉันด้วยท่าทางกวนๆเหมือนที่มันชอบทำก่อนที่มันจะหันหลังเดินหนีออกไปทันที ฉันมองตามหลังไตตั้ลไปจนสุดสายตาพร้อมกับน้ำตาฉันที่มันกำลังนองรอบดวงตา
"มันกับแม่หนามจะปลอยภัย ทร็อตจะช่วยหาทางออกให้"
เสียงนิ่งๆที่ฉันไม่ได้ยินมาเกือบสองอาทิตย์ดังขึ้นข้างหลังฉันเบาๆ ริมฝีปากฉันเม้มเข้าหากันแน่นอย่างทำอะไรไม่ถูก...ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในฐานะที่เขาจะมาช่วยอะไรแล้ว ฉันไม่มีหน้าไปขออะไรจากเขาหรอกฉันค่อยๆหันไปหาร่างสูงของทร็อตที่ยืนอยู่พร้อมกับมองเขานิ่ง มันแปลกที่ตอนนี้มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ฉันจะมาอะไรกับมันแต่ฉันก็ปฎิเสธไม่ได้จริงๆว่าฉันคิดถึงคนตรงหน้ามากขนาดไหน
"...อึ่ก"
พรึ่บ!
"อย่าร้อง...ทร็อตไม่อยากเห็นน้ำตาของหนาม"
เสียงสะอื้นของฉันดังขึ้นดังมากขึ้นและมันยิ่งดังมากขึ้นไปอีกเมื่อคนตรงหน้าดึงฉันเข้าไปกอดไว้แน่น ทร็อตกอดฉันไว้แน่นอย่างที่เขาชอบที่จะทำมันแต่ครั้งนี้ฉันกลับรู้สึกว่ามันอบอุ่นกว่าทุกทีมันอบอุ่นจนหัวใจของฉันเต้นแรงจนควบคุมมันไม่อยู่
"ทร็อตขอโทษ...แต่ทร็อตในตอนนี้ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ทร็อตอยากปกป้องหนามเหมือนที่ทร็อตเคยบอกขอทร็อตได้ทำมันเถอะนะอย่าผลักไสทร็อตเหมือนที่ผ่านๆมา"
"..."
ฉันหลับตาลงช้าๆพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาตัวเองไหลลงมาอย่างไม่คิดจะควบคุม ความรู้สึกในตอนนี้มันปนไปหมดฉันไม่รู้จะทำอะไรก่อนดีแต่ทุกอย่างกลับสงบลงเมื่อฉันได้อยู่ในอ้อมกอดเขาทร็อตค่อยๆดันฉันออกช้าๆพร้อมกับใบหน้าเขาที่ค่อยๆโน้มลงมาหาฉัน ฉันสบสายตานิ่งแต่กลับดุดันตรงหน้านิ่งเหมือนกับสายตานั้นที่กำลังจ้องมองลงมาที่ฉันตาที่กำลังสั่นไหวของฉันอยู่ ทร็อตเอื้อมมือตัวเองขึ้นมาเกลี่ยน้ำตาฉันออกให้ช้าๆ
"ทร็อตรู้ว่ามันอาจจะเห็นแก่ตัว...แต่ทร็อตอยากให้หนามรู้ว่าทุกๆวันทร็อตทำอะไรไม่ได้เลยเพราะทร็อตคิดถึง คิดถึงหนาม"
"..."
"ทร็อตไม่มีหนามไม่ได้ไม่ได้จริงๆ"
ฉันมองคนตรงหน้าที่ค่อยๆปล่อยให้น้ำตาตัวเองไหลลงมาไม่ต่างจากฉันที่น้ำตาตัวเองมันไหลลงมาอีกครั้งจนไม่รู้แล้วว่าฉันร้องไห้ออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ทร็อตขยับหน้าตัวเองเข้ามาจนหน้าผากของเราชนกันพร้อมกับสายตานั้นที่มันมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงอย่างเห็นได้ชัด ฉันค่อยๆเอื้อมมือตัวเองขึ้นจับใบหน้าทร็อตไว้อย่างแผ่วเบาพร้อมกับเกลี่ยน้ำตาของคนตรงหน้าออกให้ช้าๆแต่มันกลับยิ่งไหลลงมาไม่หยุด...ทร็อตไม่มีฉันไม่ได้และฉันก็คงเป็นเช่นกันกับเขาเพราะที่ผ่านมาในแต่วันที่ฉันไม่มีเขาในชีวิตฉันก็แทบจะอยู่ไม่ได้เช่นกัน...ฉันก็ไม่มีเขาไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ