#ทร็อต
2/11/20xx
10.36 น.
"เรียนเสร็จแล้วบอกด้วย"
"อืม"
"กระโปรงน่ะดึงให้มันลงมาดีๆ"
"อื้มม"
"พูดแล้วฟังหน่อย แล้วกินยังไงให้มันเลอะแบบนี้?"
ฟึ้บ...
ผมเอื้อมมือไปเช็ดที่ริมฝีปากเล็กๆของหนามเตยเบาๆเมื่อครีมของแซนวิชที่เธอกินอยู่มันเลอะติดปากเจ้าตัวที่ดูจะไม่รู้ตัว หนามเตยเบิกตานิดๆก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
"ขอบคุณค่ะพ่อ แล้วนี่หนูไปได้ยังคะพอดีหนูมีควิซต้นชั่วโมงน่ะ ^^"
"กวน..."
เสียงนิ่งๆของผมเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนที่มือของผมจะบีบแก้มนิ่มๆของหนามเตยเบาๆและยิ้มออกมานิดๆ หนามเตยหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับปากเล็กๆนั้นที่เคี้ยวแซนวิชไปด้วย คือผมบอกให้ออกมากินข้าวด้วยกันอยู่นะแต่ผมเองล่ะที่สายสุดท้ายเลยได้กินแค่แซนวิชกัน ครั้งนี้ผมผิดจริงๆที่ติดงานซ้อมรถให้ลูกค้าที่เข้ามาแต่เช้าเพราะมันเสีย...ดีนะที่ผมนอนที่อู่เลยมีคนซ้อมให้พวกเขาได้
"ไปเรียนเถอะ"
"อืม ขับรถดีๆล่ะแล้วแซนวิชก็กินด้วย"
"ครับ..."
"ไปล่ะ บ๊ะบายย ^^"
ผมยิ้มให้หนามเตยที่โบกมือไปมาตรงหน้าผมก่อนที่เธอจะหันหลังเดินออกไปก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง ผมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงงๆก่อนจะต้องหัวเราะออกมาอย่างขำๆกับท่าทางของหนามเตย เธอที่โบกมือให้ผมอีกครั้งพร้อมกับโยกตัวไปด้วยมันทำให้ตอนนี้หนามเตยดูน่ารักสุดๆ...เล่นทำงี้ผมจะละสายตาหนีจากเธอได้ยังไงล่ะ หนามเตยคว่ำปากใส่ผมนิดๆเมื่อผมโบกมือกลับแต่มันไม่ใช่โบกมือลาแต่เป็นโบกมือไล่ เจ้าตัวสบัดหน้าหนีและเดินออกไปเลยแต่ยิ่งท่าทางแบบนี้ล่ะมันยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่หน้าตาเธอตอนงอนเหมือนแมวเหมียวเลย ผมส่ายหน้าไปมายิ้มๆก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคตัวเองขึ้นมาใส่และขับรถออกมาจากหน้าคณะของหนามเตย หลังจากที่ผมขอเธอมานานในที่สุดหนามเตยก็ยอมให้ผมมารับไปส่งที่ม.สักที มันก็พร้อมกับที่เธอยอมคบกับผมนั้นล่ะเอาเป็นว่าตอนนี้เราเป็นแฟนกันหลังจากที่ผมทำตัวเป็นสโตกเกอร์มานานเกือบเดือนผมก็กล้าที่จะเข้าหาเธอสักที และที่ทำให้ผมตัดสินใจเข้าหาเธอมันเพราะวันที่ผมเห็นไอ้ไตตั้ลมันมาขอเงินหนามเตยถึงร้าน และทำไมผมถึงรู้จักกับมันน่ะหรอ...ก็ไอ้นี่มันเป็นคนที่สนามแข่งของไอ้วูฟ มันขึ้นบัญชีดำเลยล่ะไอ้นี่มันชอบเล่นรุนแรงเวลาแข่งรถและเล่นนอกกฎอีกทั้งยังติดหนีไอ้วูฟเพราะแพ้พนันอีกเกือบแสน ยอมรับว่าวันนั้นตกใจมากที่เห็นมันอยู่กับหนามแต่เมื่อได้รู้ว่ามันเป็นพี่ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะเข้าหาหนามเตย ผมทนเห็นมันทำแบบนั้นกับเธอไม่ได้และยังเรื่องที่ผมเพิ่งรู้เกี่ยวกับครอบครัวเธออีกมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากจะปกป้องเธอมากขึ้นไปอีก
16.36 น.
---สนามแข่งวูฟ---
ปรื้น!!
"เชี้ย! กูตกใจหมดไอ้สัส!"
"มายืนทำเหี้ยอะไรกลางถนนล่ะสัสขวางทางชิบหาย"
ผมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบพร้อมกับมองไอ้วูฟที่กำลังยืนดูรถแข่งตัวเองอยู่ด้วยสายตานิ่งเรียบ มันหันมองผมที่ขับรถวนมันด้วยสายตาไม่พอใจก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง
"สัส จอดรถแล้วมาดูรถให้กูสักทีไอ้ห่ามันร้อนเนี้ย!"
"ลมหายใจเข้าลมหายใจออก..."
"ไอ้เชี้ยทร็อต! แม่งจะอารมณ์ดีอะไรขนาดนั้นลงมาก่อนกูจะเอามึงลงมาเองนะ!"
เอี๊ยดด!!
"ปากน่ะแดกหมาทั้งฟาร์มมาหรอไอ้เด็กเหี้ย มึงเป็นคนเรียกกูมาเช็ครถให้เองไม่ใช่ไง?"
ผมเอ่ยขึ้นขณะที่จอดรถไว้และก้าวลงมาจากรถของตัวเอง ไอ้เด็กขี้วีนมันหันมามองผมด้วยสีหน้าที่กำลังหงุดหงิดสุดๆ ผมมองมันที่อยู่ในชุดนักศึกษาที่หลุดลุยด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่แววตากลับกวนสุดๆขาของผมก้าวเข้าไปที่รถที่จอดอยู่ก่อนจะเปิดกระโปรงรถขึ้นอย่างคล่องมือพร้อมกับเหลือบตามองมันนิดๆ
"วันนี้จะเอาคันนี้แข่ง?"
"เออ กูไม่ได้ลงสนามมานานจนรู้สึกคันไม้คันมือไปหมดล่ะ"
ผมพยักหน้าขณะที่มือตัวเองก็เช็ครถให้มันไปด้วย คือผมที่เพิ่งเรียนเสร็จกะว่าจะกลับอู่ไปเปลี่ยนชุดตัวเองสักหน่อยแต่กลับโดนไอ้วูฟเรียกมาจึงมาหามันก่อนผมในตอนนี้เลยอยู่ในเสื้อช้อปของสถาบันตัวเองคือมันก็ดีนะเพราะไงเสื้อมันก็เลอะอยู่แล้ว
"ให้คนดูดีๆด้วย เดียวแม่งก็เกิดเรื่องเหมือนครั้งก่อน"
"เออ ไม่พลาดหรอกน่า"
ผมเตือนมันเสียงเรียบเพราะเรื่องครั้งก่อนมันมีคนเล่นนอกกฎทำให้เกิดอุบัติเหตุรถคู่แข่งอีกคันเกือบระเบิดถ้าเข้าไปดับไฟไม่ทัน สนามแข่งนี่วุ่นไปหมดแต่ดีหน่อยที่ตำรวจไม่เข้ามา
"มึงมาด้วยนะวันนี้"
"ไม่ว่ะ กูไม่ว่าง"
"เดียวนะ...คนอย่างมึงเนี้ยนะไม่ว่าง!?"
"เอ้าไอ้นี่ กูก็คนนะมันก็ต้องมีวันไม่ว่างบ้าง"
ติ๊ง!
บทสนทนาเราชงักไปนิดเมื่อเสียงไลน์ผมดัง ผมวางมือจากสิ่งที่ตัวเองกำลังทำทันทีพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาดูก่อนจะยิ้มออกมานิดๆเมื่อข้อความที่ส่งมาคือหนามเตย ผมกดดูภาพที่เธอส่งมาให้ก่อนจะต้องกระตุกยิ้มมุมปากอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอส่งรูปตัวเธอเองที่กำลังรอลูกค้ามาที่ร้านดูๆแล้ววันนี้ลูกค้าคงน้อยสินะ...และรูปที่เจ้าตัวส่งมามันก็น่ารักใช่เล่น เห็นแล้วก็อยากเห็นหน้าหนามเตยแล้วว่ะ
พรึ่บ!
"นั้นไงไอ้เหี้ย!! กูว่าแล้ว!!"
"ไอ้เหี้ยวูฟเอาโทรศัพท์กูมา!"
"กูก็ว่าทำไมคนอย่างมึงที่ไม่สนใจโซเชียลถึงเล่นไลน์...แหมๆคงจะไม่ได้รู้จักกันธรรมดาสินะถึงขนาดส่งรูปมาให้ดูขนาดนี้ โอ๊ะ!น่ารักใช่เล่นน ^^"
ผมมองไอ้วูฟที่มันยกโทรศัพท์ที่ตอนนี้มีรูปของหนามเตยโชว์อยู่หน้าจอขึ้นพร้อมกับโบกมันไปมาเบาๆด้วยใบหน้าและสายตาวอนตีน ผมเดินเข้าไปหามันพร้อมกับคว้าเอาโทรศัพท์ตัวเองกลับมาทันที
"บอกกูมา บอกกูมาาาา"
ผมมองไอ้วูฟที่เข้ามาเกาะหลังผมอย่างหงุดหงิด ผมพิมตอบกลับหนามเตยไปนิดหน่อยก่อนจะบันทึกรูปและเก็บโทรศัพท์ตัวเองใส่กางเกงทันทีและหันกลับไปมองมันหลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จ ไอ้วูฟมันมองมาที่ผมด้วยใบหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มที่จนหน้าหมั่นไส้
"แฟนกู"
"ห๊ะ!!!!?" เสียงตะโกนของไอ้วูฟดังขึ้นอย่างไม่เชื่อทันทีที่ผมพูดแบบนั้น มันยกมือขึ้นชี้ผมและมองมาที่ผมเหมือนตัวเองกำลังโดนผีหลอก "มึงอย่ามาหลอกกูไอ้ทร็อต มึงไปอะไรตอนไหนทำไมกูไม่รู้!!?"
"อ้าวไอ้นี่ นี่กูตัวติดกับมึงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงรึไง?"
"เชี้ย มึงอย่าบอกว่าคนนี้เป็นคนเดียวกับคนที่มึงตามไปเฝ้าทุกเช้าเย็น?"
"แค่ตอนเย็นไอ้วูฟ มึงอย่าเวอร์"
"เชี้ย...ไปได้กันตอนไหนว่ะ?"
ผัวะ!
"โอ้ย!"
"ได้เหี้ยอะไร กูก็จีบเขาสิว่ะ!"
ไอ้วูฟที่โดนผมโบกหัวไปร้องขึ้นเสียงดังก่อนที่มันจะเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อผมตอบไปแบบนั้น มันเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นพร้อมกับมองมาที่ผมอย่างไม่เชื่อสายตา
"นี่มึงไปจีบเขาด้วย!?"
"ก็ถ้ากูไม่จีบ เขาจะเป็นแฟนกูไหม? นี่ตกลงมึงมีสมองไว้แค่คั่นหูหรอวะไอ้วูฟ?"
"ให้ตาย...เบาหวานกูจะขึ้น!"
"มึงไม่ได้เป็นเบาหวาน!"
ผมว่าขึ้นเบาๆพร้อมกับหันกลับมาเช็คเครื่องยนต์ให้มันต่อ ไอ้วูฟยังคงเดินวนไปเวียนมาอยู่ข้างหลังก่อนที่มันจะเดินกลับมาที่ผมอีกครั้ง ผมเหลือบตามองมันนิดๆและพบว่ามันเอาแต่จ้องผมอยู่...มันจ้องนานจนทำให้ผมรู้สึกขนลุก ผมถอนหายใจออกมาเสียงดังพร้อมกับกระแทกไขควงลงที่ตัวเครื่องมันเสียงดัง
"มีอะไรก็พูดมาอย่ามาจ้องแบบนี้กูขนลุก!"
"กูมีอะไรกูบอกมึงทุกเรื่อง...แต่ดูมึงสิมันใช่หรอที่กูต้องรู้เอง"
"อย่ามาทำตัวเด็กไอ้วูฟ กูไม่บอกยังไงคนขี้เสือกแบบมึงก็รู้"
"เสียใจว่ะ..."
ผมมองไอ้วูฟที่เดินงอนเป็นเด็กไปนั่งที่เก้าอี้อย่างเอือมๆ มันเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดๆแต่สายตาของมันก็เหลือบมามองผมเป็นระยะๆ มันไม่ได้โกรธจริงหรอกครับ เดียวดูนะผมจะทำอะไรให้ดู
"หรือมึงอยากเห็นแฟนกู?"
"เออ ชวนเธอมาที่สนามคืนนี้ดิ!"
"..."
ผมเงียบไปทันทีพร้อมกับมองไอ้วูฟที่ลุกขึ้นและเอ่ยขึ้นแบบนั้นด้วยสายตารู้ทัน มันหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะเดินมาตบบ่าผมด้วยแรงไม่เบานัก
"คนนี้มึงจริงจังขนาดนี้กูก็อยากจะเห็นตัวจริงเป็นธรรมดา อย่างน้อยก็แนะนำให้น้องคนนี้ได้ทำความรู้จักกับผู้หญิงของเฮียหน่อยนะ ^^"
"...กูจะลองชวนๆดูล่ะกันแต่ไม่รับปากนะว่าหนามจะมา"
"สัส ไม่แน่ใจหรือไม่อยากให้มา...กูรู้หรอกว่ากลัวผู้ชายในสนามมอง"
"กูจะกลัวทำไม พวกนั้นก็ได้แค่มอง"
"ง่าาา มีความเกรี้ยวกราด!"
"เลิกพูดอะไรแบบนี้สักทีไอ้วูฟ โตเป็นควายแล้วยังทำตัวเป็นเด็กอยู่นั้น!"
"หูยยย เฮียอ่ะอย่าดุหนูนักสิ!"
ผมมองไอ้วูฟอีกเสี้ยววิก่อนจะหันหน้าหนีมันทันทีมันนี่ไม่เคยโตจริงๆโตแต่ตัว หลังจากที่ผมเช็ครถให้ไอ้วูฟเสร็จผมกับมันเลยขึ้นไปนั่งบนห้องของมันต่ออีกนิดเอาเป็นว่าค่อยรอไปรับหนามเตยทีเดียวเลยดีกว่า ดีที่ผมเอาชุดตัวเองมาทิ้งไว้นี้เยอะเลยอาบน้ำที่นี้ได้เลย สนามแข่งไอ้วูฟก็ไม่ต่างอะไรจากอู่ผมหรอกออกจะเหมือนๆกับอู่ผมที่บางครั้งเราก็มานอนนี่บ้างกลับไปนอนบ้านบ้างตามอารมณ์ ดีที่พ่อกับแม่เข้าใจครับพวกท่านสนับสนุนเราทั้งสองคนดี
19.05 น.
กรุ๊งกริ่ง...
"รอนานไหม ทำไมไม่ไปรอข้างในเนี้ย?"
"ไม่หรอก เข้าไปก็ขวางทางเฉยๆ" ผมตอบกลับเสียงนิ่งพลางมองร่างบางของหนามเตยที่เดินเข้ามาหาผมที่นั่งรออยู่บนรถด้วยท่าทีล้าๆเจ้าตัวส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนเด็กๆ "เหนื่อยไหม?"
"ก็เหนื่อยเหมือนทุกวันล่ะ แล้วนี่แต่งตัวซะหล่อเลยจะไปไหนอ่ะ?"
"ไปสนามแข่งน่ะ"
หนามเตยขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยผมจึงส่งยิ้มตอบกลับเธอนิดๆพร้อมกับสวมหมวกกันน็อคสำหรับหนามเตยที่พกมาให้เธออย่างชินมือ
"สนามไอ้วูฟน้องชายฉันน่ะ...มันให้ฉันชวนเธอไปด้วย"
"ห๊ะ...ทำไมเขารู้จักฉันอ่ะ?"
"ก็เธอเป็นแฟนฉันนิ แล้วมันก็เป็นน้องที่ค่อนข้างขี้เผือก...ไปได้ไหมรึยังไง?"
"มันก็ไม่ติดอะไรหรอก แต่ก็อย่างที่รู้ๆ"
"เดียวฉันขอเธอให้เอง"
"ห๊ะ!" หนามเตยว่าพร้อมกับเปิดกระจกหมวกขึ้นและมองผมอย่างไม่เชื่อสายตาเจ้าตัวส่ายหน้าไปมาทันที "ไม่เอาหรอก ฉันไม่อยากให้เธอเจอนาย"
"ไม่เป็นไรหรอกหนาม ไม่ช้าก็เร็วยังไงฉันก็ต้องได้เจอกับเธออยู่ดี"
"แต่..."
กึก...
หนามเตยไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะผมเอื้อมมือขึ้นเลือนกระจกเจ้าตัวลงมาปิดไว้ก่อนจะยิ้มให้เธอผ่านกระจกอย่างกวนๆ ผมไม่อยากให้เตยคิดมากและมันก็ใช่เรื่องที่ผมจะต้องอะไรกับแม่เลี้ยงเธอ...และผมก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเธอจะเป็นถึงขนาดไหน ทำไมหนามเตยถึงได้กลัวการที่ผมจะไปเจอกับเธอขนาดนี้มันอดจะอยากรู้ไม่ได้น่ะ
19.30 น.
"เข้ามานั่งเถอะจ๊ะ หนามก็ไม่บอกแม่ว่าจะพาใครมาแม่ก็ไม่ได้เตรียมตัว...แล้วทร็อตพอจะนั่งได้ไหม"
"ผมนั่งได้ครับ ขอบคุณนะครับ ^^"
"งั้นหนามเตยไปเปลี่ยนชุดเถอะลูกอย่าให้ทร็อตเขารอนานเลย ^^"
ผมหันมองหนามเตยที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆก่อนที่เธอจะหันมาหาผมแล้วบอกกับผมเบาๆว่ารอแป๊บนึง ผมยิ้มออกมาบางๆและพยักหน้าให้เธอเข้าไปเปลี่ยนชุด หลังจากที่ผมยืนยันกับหนามเตยว่าจะมาสุดท้ายผมก็ได้มาจริงๆและได้เจอกับแม่เลี้ยงของหนามเตยในตอนแรกเธอดูตกใจมากที่เจอผมแต่เมื่อหนามเตยแนะนำผมให้เธอรู้จักเธอก็มีหน้าตายิ้มแย้มอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับชวนผมมานั่งในบ้านอย่างที่เห็น
"ตามสบายเลยนะทร็อต เดียวแม่เอาน้ำให้ดื่ม ^^"
"อ่อ ขอบคุณนะครับ"
เสียงนิ่งเรียบของผมตอบกลับเธอเบาๆก่อนที่ผมจะเดินไปนั่งที่โซฟากลางบ้านพร้อมกับสายตาผมที่มองไปทั่วทั้งบ้านเดี่ยวชั้นเดียวของหนามเตยอย่างสังเกต บ้านที่หนามเตยอยู่ภายในบ้านมีห้องน้ำห้องเดียวและห้องครัวแยกไปอีกฝังส่วนห้องส่วนตัวมีอยู่สามห้องแต่ดูเหมือนห้องของหนามเตยจะเป็นห้องที่เล็กที่สุด ผมยิ้มให้แม่เลี้ยงของหนามเตยอีกครั้งเมื่อเธอเดินกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำในมือผมรับแก้วมาเมื่อเธอยื่นให้ก่อนจะยกขึ้นดื่มช้าๆเพื่อไม่ให้มันดูเสียมารยาท
"แม่ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นคนรักของเจ้าหนาม หนามมันเอาแต่ทำงานหาเงินจนแม่นึกว่าไม่สนใจเรื่องแบบนี้ซะแล้ว"
"ครับ ผมก็ไม่คิดว่าเธอจะยอมคบกับผมเหมือนกัน ^^"
"พูดแบบนี้แม่ก็ยิ่งภูมิใจสิที่มีลูกสาวที่ดีขนาดนี้ แถมแฟนหนามยังหล่อขนาดนี้อีกด้วย ^^"
"ไม่หรอกครับ...ผมได้ยินมาว่าพ่อเธอไม่อยู่แล้ว"
"โอ๊ะ...ใช่สินะแม่ก็ลืมไปซะสนิทเลยอยากเจอเขาไหม?"
ผมพยักหน้าทันทีที่เธอถามแบบนั้นเธอยิ้มออกมาบางๆก่อนจะลุกขึ้นและเดินนำผมไปที่ห้องอีกห้องที่ผมไม่ทันสังเกตผมมองไปเห็นรูปของพ่อหนามเตยที่ตั้งอยู่ผมจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาและนั่งลงข้างหน้ารูปของท่านผมจึงได้รู้ว่าหนามเตยหน้าเหมือนพ่อเอามากๆ ผมยิ้มออกมานิดๆ
"สวัสดีครับพ่อ ผมทร็อตแฟนของหนามเตยยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"
"..."
ผมนั่งมองรูปตรงหน้าอีกเกือบนาทีก่อนจะขยับเข้าไปใกล้อีกนิดเพราะผมมีเรื่องที่อยากจะคุยกับท่าน...อย่างน้อยผมก็อยากให้พ่อของหนามเตยได้รู้ รู้ว่าลูกของเขามีผมที่พร้อมจะดูแลแทนแล้ว
"ผมไม่รู้ว่าคุณจะได้ยินไหมนะ แต่ผมก็อยากให้คุณรู้ว่าต่อไปนี้ผมจะดูแลเธอเองผมจะดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้"
"..ฮึก!"
ผมเหลือบสายตามองร่างบางของแม่หนามเตยที่ยืนอยู่ตรงประตูก่อนจะพบว่าเธอกำลังร้องไห้ ผมลุกขึ้นจากพื้นและเดินเข้าไปหาเธอทันทีเจ้าตัวที่เห็นผมเดินเข้าไปหายกมือปาดน้ำตาตัวเองช้าๆพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างปลื้มใจ
"งั้นแม่ก็คงจะแน่ใจแล้วล่ะว่าหนามเตยจะมีชีวิตที่ดี...หนามเตยทำงานหนักจนแม่เป็นห่วงแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ยอมหยุดเลยแม่บอกก็แล้วดุก็แล้ว แต่แม่เชื่อว่าทร็อตจะคอยบอกหนามเตยได้นะลูก ^^"
"ครับ ยังไงเดียวผมคุยกับเธอเองคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"
"ทร็อต..."
"เสร็จแล้วหรอ พอดีฉันมาทักทายคุณพ่อเธอน่ะ"
"อ่อ งั้นหรอไปกันเลยดีไหมเดียวนายสาย"
"อืม เอางั้นก็ได้งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"
"จ๊ะ ขับรถระวังๆด้วยล่ะหนามเตยกลับบ้านแล้วบอกแม่ด้วยนะ"
"ค่ะ หนามไปนะคะ"
หนามเตยว่าขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาด้านนอกของบ้านทันทีพร้อมกับผมที่เดินตามเธอมาติดๆผมมองหนามเตยที่อยู่ในเสื้อโค้ทตัวใหญ่และเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาแต่มันกับดูดีมากๆเมื่ออยู่บนตัวของเธอ หนามเตยหันกลับมาหาผมและมองผมนิ่งเมื่อเราเดินมาถึงรถ
"เธอคงไม่ได้พูดอะไรแปลกๆกับนายใช่ไหม?"
"ก็ไม่นิ เธอก็ดูปกติดีพาฉันไปหาพ่อเธอด้วย"
"อืม ดีแล้ว..."
ฟึ่บ...
หนามเตยเงยหน้าขึ้นมองผมอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจเมื่อผมเอื้อมมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นจับใบหน้าของเธอไว้ ผมค่อยๆยิ้มออกมาช้าๆพร้อมกับออกแรงบีบแก้มนั้นเบาๆ
"เลิกคิดมากได้แล้ว ตอนนี้เธอควรจะยิ้มให้ฉันได้แล้วนะหน้าบึ้งเป็นบ้า ^^"
"จิ๊ ก็คนมันเครียดนิ!"
"เครียดหรือหิวข้าว?"
"อ่า...จะว่าไปฉันก็ยังไม่ได้กินข้าวเลยอ่ะ"
ผมหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะละมือออกจากใบหน้าของหนามเตยและก้าวขึ้นรถพร้อมกับสตาร์ทมันทันทีหนามเตยที่เริ่มจะรู้งานกระโดดขึ้นรถผมอย่างคล่องตัว ผมหันกลับไปมองหนามเตยอีกครั้ง
"กินข้าวก่อนเข้าไปดีกว่าเนาะอยู่สนามมันไม่มีอาหารสำหรับแมวเหมียวซะด้วยสิ"
"เลิกกวนแล้วพาไปกินข้าวได้แล้ว เดียวปั้ดเลยนิ!"
"เดียวนี้มีขู่!?"
"ทร็อต! หนามหิวข้าวจริงๆนะ!"
ผมหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อคนข้างหลังเริ่มจะหงุดหงิดจริงๆแล้ว แขนทั้งสองข้างของผมเอื้อมไปจับมือทั้งสองข้างของเธอไว้ก่อนจะดึงมันให้เข้ามาที่กระเป๋าเสื้อทั้งสองข้างของผมมันจึงทำให้ตัวของหนามเตยโน้มเข้ามาหาผมมากขึ้น
"อย่าเอาออกนะ อากาศมันหนาวเดียวมือจะเย็นเอา"
"ตัวเองล่ะไม่หนาวบ้างรึไง?"
"ไม่อ่ะ ปกติเป็นผู้ชายร้อนแรง..."
"ทร็อต...ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ถนัดมุขแบบนี้ก็อย่าเล่นเถอะ หนามว่าเราไปกินข้าวกันดีกว่านะ"
ผมมองหนามเตยที่พูดติดจะล้อๆผมอย่างไม่พอใจเจ้าตัวที่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมส่ายหน้าไปมาอย่างอายๆก่อนจะหันกลับมาตรงหน้าอีกครั้ง...ผมคงไม่เหมาะที่จะเล่นมุขอะไรแบบนี้จริงๆสินะ ผมหัวเราะคนเดียวเบาๆขณะที่ค่อยๆขับรถออกมาจากบ้านของหนามเตย ผมเหลือบสายตามองไปที่ข้างหลังนิดๆเมื่อรู้สึกถึงหัวของหนามเตยที่ค่อยๆซบลงมาที่แผ่นหลังของผมเธอกระซับอ้อมกอดของเธอแน่นขึ้นอีกนิดพร้อมกับพูดอะไรเบาๆแต่ถึงมันจะเบาแต่ผมก็ได้ยินชัดเจน...จนผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
"ขอบคุณนะ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตฉัน"
ผมควรจะบอกเธอด้วยไหมนะว่าผมก็ขอบคุณเธอเหมือนกัน ขอบคุณที่เปิดใจให้ผมได้เข้าไป.....
20.46 น.
---สนามแข่ง---
วู้ๆๆๆ!!
ปรื้น...!!!
เสียงของคนทั้งสนามที่กำลังร้องเชียร์รถที่กำลังจะเริ่มแข่งอยู่เงียบไปทันทีที่ผมขับรถเข้ามา ถึงไม่บอกแต่คนที่นี้ก็คงรู้อยู่แล้วว่ารถคันที่ผมขับนั้นใครเป็นคนขับมันอยู่ ผมขับเข้ามาในสนามอย่างเคยชินแต่ลืมไปอย่างว่าเบาะหลังผมในตอนนี้มันไม่ได้ว่างเหมือนเคยที่ที่ไม่เคยมีใครจะได้นั่งแม้จะอยากนั่งแค่ไหนก็ตามแต่ตอนนี้ที่ตรงนี้กลับมีเจ้าของแล้ว ผมเหลือบมองหนามเตยที่นั่งอยู่ข้างหลังผมก่อนที่ผมจะยิ้มให้เธอที่กำลังตื่นสนามอยู่นิดๆ
"..."
หากเป็นตอนปกติคนในสนามคงหันกลับไปสนใจผู้เข้าแข่งขันกันต่อแล้วแต่ทั่วบริเวณกลับยังคงเงียบอยู่แต่มีเพียงเสียงกระซิบกันเบาๆเพียงเท่านั้น ผมขับรถเข้ามาที่จอดประจำของตัวเองก่อนจะลงจากรถและหันกลับมาอุ้มหนามเตยลงด้วยเมื่อเธอที่ดูจะลงยาก หนามเตยมองไปรอบๆอย่างงงๆก่อนจะหันกลับมามองผมอีกรอบ
"นึกว่าที่นี้เสียงจะดังกว่านี้ซะอีก"
"ตอนนี้รอเคลียร์สนามน่ะ คนดูเลยเงียบกัน...เป็นไงสนามนี้ใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ ^^"
"อืม ก็แปลกๆไปอีกแบบนะ"
ผมหัวเราะออกมาเบาๆกับความไม่รู้ของเจ้าตัวก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือหนามเตยไว้พร้อมกับดึงให้เธอเดินเคียงข้างกับผมเข้าไปภายในตัวอาคารโดยไม่ลืมที่จะตวัดสายตาออกมามองคนทั้งสนามที่กำลังมองมาที่ผมและหนามเตยอีกครั้ง ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผยนะและผมคิดว่าทุกคนคงจะเข้าใจที่ผมทำในตอนนี้...อย่างน้อยพวกเขาคงจะรู้ว่าผมพาหนามเตยมาถึงนี้เพราะอยากจะให้รู้ว่าในตอนนี้ผมมีคนพิเศษสำหรับตัวเองแล้ว และผมก็หวังว่าคงไม่มีใครหน้าไหนในนี้มาทำให้ผมกับหนามเตยมีปัญหากันทีหลัง...คนแบบผมก็มีแค่นี้ล่ะ ถ้าผมเลือกแล้วว่าจะหยุดที่ใครก็จะไม่มีใครที่จะเข้ามาทำให้หัวใจผมเต้นแรงได้อีกและตอนนี้ผมเลือกที่จะหยุดอยู่กับหนามเตยแล้วใครหน้าไหนก็ไม่สามารถมาขวางทางผมได้แน่นอน เพราะในตอนนี้ทั้งหัวใจของผมมันยกให้เธอครอบครองไปหมดแล้วผมให้หนามเตยหมดทั้งใจแล้วจริงๆ