วันรุ่งขึ้น 06.00 “อืม..ปวดหัวจังเลย” อาเจาครางเสียงหลง สับสนมึนงงกับการเรียบเรียงคำพูดในสมองของตัวเอง ยิ่งอาการครั่นเนื้อครั่นตัวจากการเป็นไข้ คนป่วยอย่างเขาก็ยิ่งไม่อยากจะลืมตาและพูด ทิวไผ่ที่นอนมองเมีย ยกมือไปจับหน้าผากอีกฝ่าย รู้สึกได้ถึงความร้อน “เราไม่ค่อยสบายน่ะ...ยังเจ็บตรงนั้นอยู่มั้ย” คำถามนั้นทำให้อาเจาต้องเผลอลืมตา “ตรงไหนอ่ะครับ” กอดผ้าห่มแน่น “ตรงนี้ไง” ลูบก้นแน่นเบาๆ “เมื่อคืนพี่ทำความสะอาดให้เราแล้วเช้านี้คงมีปวดอยู่บ้างเดินไหวรึเปล่า” พลิกตัวคนขี้อายให้หันมาหาเขา “ไม่ไหว..แต่ตอนนี้ขอยาแก้ปวดได้มั้ยครับ” อาเจาบอกเสียงอ่อย ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ทิวไผ่เห็นอย่างนั้นจึงลุกออกจากที่นอนก่อนจะบอกคนไม่สบายที่ยังลืมตาไม่ขึ้นว่า “ได้ครับ เดี๋ยวพี่ออกไปหายาและขอข้าวต้มร้อนๆ มาด้วย” เห็นอีกฝ่ายพยักหน้า จึงจัดการทุกอย่างในห้องแล้วเดินออกไป คิดย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ความผิดขอ

