16.40น.
“อาเจา!..แหมๆๆ มาแล้วเหรอคะลูกแม่” แตงกวักมือเรียกหยอยๆ อีกฝ่ายหัวเราะแล้วเดินเข้ามาหาเธอ “อุ๊ย!! ไปเปลี่ยนยางรัดฟันเหรอวันนี้”
“บังเอิญมันหลุดน่ะครับเลยต้องไปเปลี่ยน..พี่แตงมีอะไรรึเปล่าครับ” ยิ้มหวานส่งให้หนึ่งสาวรู่นพี่ที่เจอกันเมื่อเช้า ไล่ไปถึงอีกหนึ่งสาวรุ่นพี่ที่เขายังไม่รู้จัก ซึ่งอีกฝ่ายก็เข้ามาทัก
“เนี่ยเหรอเด็กบัญชีที่แกพูดยายแตง” จุ๊บ พนักงานต้อนรับอีกคนเดินมายืนข้างๆ
“อืม” แตงตอบรับ
“เบ้าหน้าโครตดี สวยกว่ากูอีก” จุ๊บว่า ซึ่งแตงก็พยักหน้าเสริม
“เป็นยังไงวันนี้กลับซะเย็นเลย คุณไผ่ว่าไง” แตงถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไม่ว่าอะไรครับ..แค่บ่นว่ามีแต่เรื่อง ผมไปหาพี่กุ๊กก่อนนะครับ” ยิ้มหวานโชว์ลักยิ้มแล้วเดินเข้าไปในแผนกตัวเอง
“กูว่าคุณไผ่ไม่รอดแล้ว” จุ๊บพูดขึ้นมาลอยๆ “เด็กสมัยนี้ทำไมมันมีออร่าจังวะ”
“บ้า..อาเจาเป็นผู้ชาย คุณไผ่ไม่ชอบหรอกพวกเค้าไม่ใช่เกย์นะ” แตงขัด แม้อาเจาจะดูสวยสว่างไสวมากก็เถอะ
“พนันกันมั้ยล่ะ ห้าพัน..ฉันว่าอาเจาไม่พลาดตำแหน่งคุณนายไร่ส้มแน่”
“ได้! ฉันว่าอาเจาไม่ได้เป็นคุณนายไร่ส้ม ห้าพัน” แตงตอบรับ
“พี่ลงห้าพันว่าอาเจาได้เป็นคุณนายแน่” ต้นที่บังเอิญเดินผ่านทางด้านหลังพร้อมกับฝ่ายช่างอีกหกคนพากันร่วมลงพนันจนจุ๊บกับแตงต้องทำสมุดจดรายชื่อขึ้นมาโดยกำหนดระยะเวลาภายในสามเดือน และข่าวนี้ก็แพร่ออกไปจนทั่วบริษัทโดยที่เจ้าตัวอย่างอาเจาไม่ได้รับรู้สักนิด ว่าตอนนี้ทุกคนพากันจับตามองและคอยลุ้นกันอยู่ทุกวัน
&&&&
หลังจากวันนั้นก็ผ่านไปได้ห้าวันแล้ว ในทุกๆ วันส้มเช้งก็งอแงไม่ได้หยุด ทิวไผ่ก็ได้แต่เครียดจนมาถึงวันนี้ วันที่ส้มเช้งไม่สบาย...
“กินข้าวต้มก่อนซักสามสี่คำแล้วป๊าจะป้อนยา” ส่งข้าวต้มที่เป่าแล้วจ่อไปที่ปากเล็ก บนหน้าผากมีเจลลดไข้แปะอยู่กับลูกสาวสีหน้างอแงคล้ายประท้วง
“นมอุ่นจะมาเมื่อไหร่คะ..ส้มเช้งเบื่อกับข้าวของป๊าแล้วมันไม่อร่อย” ส้มเช้งถามหาแม่นมวัยชราที่หายไปเป็นเดือน
ทิวไผ่คิดถึงนมอุ่น นมอุ่นคือแม่บ้านอยู่ที่กรุงเทพในสมัยที่คุณแม่ยังสาว สามีของนมอุ่นก็เป็นคนขับรถของที่บ้าน เมื่อคุณแม่มีลูกก็มีนมอุ่นที่เลี้ยงเขาและพี่ชายมาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่เขาขอยืมตัวนมอุ่นมาจากคุณแม่เมื่อหกปีก่อนเพื่อมาช่วยกันเลี้ยงดูส้มเช้งที่ขาดแม่ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้นมอุ่นก็อายุมากแล้ว แม้ว่าภายในบ้านจะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์แต่ก็ยังขาดพี่เลี้ยงเด็กให้ลูกสาวอยู่ดี ในสมัยนี้จะหาคนที่เข้ากับเด็กได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเขาเป็นคนโสดก็มีแต่คนคอยแต่จะเข้าหา คนที่สมัครเข้ามาถ้าไม่พยายามทอดสะพานให้เขาก็นิสัยแย่เกินจะทน เขาจึงอยากจะพักเรื่องนี้ไปก่อน “ป๊าให้นมอุ่นกลับไปอยู่กับคุณย่าแล้ว ไว้รอป๊าหาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ก่อนถึงตอนนั้นส้มเช้งก็จะไม่เหงา” ลูบแก้มลูกสาว “ดีมั้ย”
“ส้มเช้งคิดถึงม๊า” ล้มตัวลงนอนห่มผ้าแล้วหลับตาลงทันทีไม่พูดไม่กินอะไร
“เฮ้ออ…” เจ้าของไร่ส้มถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เขานั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออกหาใครบางคน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าส้มเช้งบ่นหาอาเจาอยู่ทุกวันและในใจเขาก็รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่วันนั้น วันที่เจอกันครั้งแรก ไม่ได้มีแค่ส้มเช้งที่คิดถึง..เขาเองที่เป็นพ่อก็รู้สึก ‘คิดถึงหนุ่มน้อยหน้าสวยนั่นเหมือนกัน’ ตรู๊ดดดๆๆ
“ครับคุณไผ่”
“ต้น…” เงียบไปอึดใจ “ฉันขอเบอร์โทรศัพท์อาเจาหน่อย”
“สักครู่ครับ” ต้นอมยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องที่พนันกันไว้ในบริษัท มือก็เปิดไล่ดูรายชื่อ “เบอ345—อาเจาเขาไม่ค่อยชาร์ตแบตโทรศัพท์นะครับคุณไผ่ ถ้าโทรไม่ติดก็ลองไปหาที่ห้องเขาได้ครับ วันนี้วันเสาร์ถ้าไม่กลับบ้านก็คงจะนอนเล่นอยู่ที่นั่นล่ะครับ”
“อืม..ขอบใจ” กดวางสายจากต้นแล้วลองกดโทรออกหาอาเจา ติ้ด..หมายเลขที่ท่านเรียก---กรุณาฝากหมายเลขโทรกลับ “เฮ้ออ” ทิวไผ่มองส้มเช้งที่นอนหลับแถมตัวก็เริ่มร้อนกว่าเดิม แน่นอนว่าเรื่องลูกไม่สบายไม่ใช่เรื่องที่รอได้ เขาตัดสินใจอุ้มส้มเช้งขึ้นแนบอก “ป่ะ..ไปหาหม่าม๊าของส้มเช้งกัน” ‘ถ้าอาเจาอยู่หอพักของบริษัทก็แวะรับอาเจาแล้วไปโรงพยาบาลเลย...รึถ้าไม่อยู่?’
"งืมมมม" ส้มเช้งรับคำในลำคอแล้วหลับซบต้นคอป่ะป๊าต่อ
สามสิบนาทีผ่านไป
รถสีขาวสุดหรูขับเข้าไปในบริษัทและอ้อมไปจอดทางด้านหลังในส่วนที่เป็นที่พักของพนักงาน ลุงพลเดินลงจากรถท่ามกลางสายตาของพนักงานมากกว่าสิบคนที่มาออกกำลังกายและนั่งพูดคุยกันอยู่หน้าหอพัก หลายคนสงสัยว่าคนขับรถของเจ้านายมาทำอะไรที่นี่และเมื่อเห็นลุงพลเดินไปหยุดตรงหน้าห้องเบอร์เจ็ด ต่างพากันซุบซิบ
ก่อกๆๆ อาเจาผู้นอนหลับฝันหวานสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อกๆๆ “หืม..มม" เสียงเคาะเรื่อยโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำให้เขาต้องลุกไปเปิดประตูก่อนจะพบเข้ากับ คนขับรถของเจ้านาย? "สวัสดีครับลุงพล” น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยทักไป
“ตื่นรึยังครับ”
“ก็ครับ..ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว นี่แค่งีบไปอีกรอบ มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ” สูสีเปลือกตา
พลไม่พูดอ้อมค้อมเพราะเขามีเรื่องด่วน “คุณหนูส้มเช้งไม่สบายน่ะครับ เรียกหาแต่หม่าม๊า รบกวนเวลาว่างสักครู่ไปส่งคุณหนูที่โรงพยาบาลด้วยกันกับคุณไผ่ได้ไหมครับ” ชี้ไปทางรถเก๋งสีขาวด้านหลังให้อีกฝ่ายรู้ว่าทั้งสองคนอยู่ในนั้น
อาเจาขมวดคิ้ว ‘เด็กอ้วนไม่สบายเหรอ’ ความเป็นฉายวาบในความรู้สึก และหากมันเป็นเรื่องที่ช่วยได้ เขาก็จะช่วย “ได้ครับ..รอผมสักครู่นะครับ” รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน หยิบกระเป๋าใบเล็กสะพายข้างแล้ววิ่งออกมาล๊อคประตูห้อง เดินตามลุงพลไป ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของนักพนันในบริษัท ไลน์กลุ่มเด้งหากันระนาว
โรงพยาบาล
“น้องเป็นไข้หวัดใหญ่น่ะครับ หมอว่าให้น้องนอนอยู่โรงพยาบาลสักสองวันจะดีกว่า เผื่อไข้ขึ้นสูงตอนกลางคืนจะได้มีพยาบาลคอยดูแล” คุณหมอบอกกับทิวไผ่แต่สายตาก็ลอบมองหนุ่มหน้าใสที่อุ้มส้มเช้งตาไม่กระพริบ ใจคิดว่าคุณทิวไผ่คนดังประจำอำเภอน่ะเขารู้จัก แต่อีกคนที่อุ้มเด็กป่วยคนนั้นเป็นใครนะ ‘ดูน่ารักจัง’
ทิวไผ่มองหมอหนุ่มที่พูดกับเขาแต่ตาไม่มองเขา ก็เริ่มไม่พอใจ “ครับ..จองห้องพิเศษให้ด้วยครับ”
“หม่าม๊าา…ส้มเช้งหิวน้ำ” เสียงคนไข้ตัวน้อยทำเอาหลายคนต้องหันมอง ยิ่งเสียงของคนที่ถูกเรียกว่า 'หม่าม๊า' พยาบาลก็ยิ่งต้องพากันเงียบฟัง
“เอ่อ…มีน้ำเปล่ามั้ยครับ” เสียงเล็กๆ ของหนุ่มหน้าใสที่อุ้มเด็กป่วยเอ่ยเรียกหมอ เอียงคอน่ารัก
“อ่อ..ครับ” หมอหนุ่มหน้าแดงเดินไปหยิบน้ำมารินส่งให้ มือขาวบางรับไปป้อนให้เด็กป่วย
ทิวไผ่ถามแทรกขึ้นอีกครั้ง ในหัวใจคันยุบยิบไปหมด “ให้รอเข้าห้องพักตรงไหนครับหมอ”
หมอสะดุ้งรีบตอบ “ด้านนอกเลยครับมีที่นั่งสำหรับคนไข้อยู่ รอไม่เกินห้านาทีเท่านั้นครับ”
“ครับ” เขาหันไปหาอาเจากับส้มเช้ง “จะให้ม๊าอุ้มหรือให้ป๊าอุ้ม” ถามเสียงดังให้หมอได้ยิน
“ม๊า”
ทิวไผ่จับแขนคนตัวเล็กกว่าให้ลุกขึ้นเพื่อพากันเดินออกไปด้านนอก ปัง!
‘นั่นเมียคุณทิวไผ่หรอกเหรอ’ หมอหนุ่มครุ่นคิดอย่างเสียดาย