ภายในบ้านขนาดกลางตรงโซฟาด้านหน้าเสียงพูดเจื้อยแจ้วของส้มเช้งดังขึ้นมาไม่ขาดสาย “คุณตาจะแบ่งให้ส้มเช้งใช่มั้ยคะ” โอบกอดคุณตาคนใหม่แล้วออดอ้อน
“ไปอ้อนอะไรคุณตาน่ะเด็กอ้วน” ทิวไผ่เดินเข้าไปนั่งร่วมวงพูดคุย เห็นลูกสาวเข้ากันได้กับพ่อตาและแม่ยายก็เริ่มใจชื้น ‘ทำดีมากลูกรัก’ ^^
“คุณตาจะแบ่งสตอเบอรี่ลูกโตให้ส้มเช้งสองไร่ กลับบ้านเมื่อไหร่ก็เอาไปด้วยเลย..หวานมากเลยค่ะป๊า ส้มเช้งชอบ” กอดคอคุณตาคนใหม่แน่น
พ่อคำปันหัวเราะชอบใจ “ฮ่าๆๆ เดี๋ยวตาจะพาไปเก็บเองด้วยเลยดีมั้ย”
^^ “ดีค่ะคุณตา” ยิ้มหวานดวงตาเป็นประกาย
“ไปๆๆ ไปหาตะกร้าให้คนงานตัวเล็กกันเถอะ” คำปันอุ้มหลานรักเดินไปทางหลังบ้าน เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี
ทางด้านแม่แก้วที่เห็นแบบนั้น ก็จัดการทางลูกชายกับแฟน “ไปเอากระเป๋าของแฟนกับลูกแกไปเก็บสิอาเจา”
“แม่ก็..แฟนอะไรเล่า” อาเจาลุกขึ้นยืนแล้วบ่นอุบอิบ
“อ้าว..ไม่ใช่แฟนแล้วให้เรียกอะไร ผัวเรอะ!!”
“โว้ยย!!...แฟนสิครับ!!” เดินหนีออกไปนอกบ้านตัวเอง ไม่ใช่จะหนีไปไหนไกลหรอก...ก็แค่แก้อาย
“ฮ่าๆๆ” แม่แก้วมองลูกตัวเองพลางบอกลูกเขย “ฝากดูแลลูกชายแม่ด้วยนะมีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน แต่ถ้าวันไหนทำให้มันเสียใจแม่จะขอลูกแม่คืน” คำหลังนี้ไร้ท่าทีล้อเล่น
ทิวไผ่รับคำหนักแน่น “ผมจะไม่มีวันทำให้อาเจาเสียใจเด็ดขาดครับแม่”
หลังจากปรับความเข้าใจกันในครอบครัวแล้ว ช่วงบ่ายของวันนั้นคุณตาก็พาหลานตัวอ้วนที่สะพายตะกร้าสานใบเล็กเดินเข้าไปไร่สตอเบอรี่ทันที ทิวไผ่เห็นการแต่งตัวของลูกสาวในชุดชาวเขา (ชุดแม้ว) สะพายตะกร้าขึ้นหลังก็อดยกโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปส่งไปให้บ้านใหญ่ไม่ได้ ความน่ารักนั้นกระจายออกไปในกลุ่มครอบครัวไม่พ้นให้คนเป็นย่า (แม่ทิวไผ่) ต้องโทรมาถามทันที
“แกอยู่ไหนน่ะตาไผ่"
เสียงแม่มะยมซึ่งเป็นแม่ของทิวไผ่ถามออกมาในสาย "บนดอยครับแม่"
"แล้วไปทำอะไรกันบนดอย…ชุดนั่นส้มเช้งใส่แล้วน่ารักมากเลยนะ หลานแม่อยู่ไหนล่ะแม่ขอคุยด้วยหน่อย”
“เข้าไปเก็บสตอเบอรี่ในไร่กับคุณตาน่ะครับ”
“หืม…คุณตาคนใหม่ ไหนเปิดกล้องสิ” คุณมะยมเอะใจ ช่วงนี้ลูกชายคนเล็กมีท่าทางแปลกๆ เวลาพูดคุยโทรศัพท์กันทีไรเธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะมีความสุข เมื่อเดือนก่อนเห็นว่าได้คนดูแลส้มเช้งแล้ว...แต่ก็ไม่เกี่ยวกับการเรียกใครว่าคุณตารึเปล่า หรือคนดูแลหลานสาวจะเป็นลุงแก่ๆ
“ครับ” ทิวไผ่เปิดวิดีโอคอลแล้วเบนหน้าจอไปโดยรอบ ตอนนี้หมอกบนดอยจางลงมากแล้วเนื่องจากเป็นช่วงบ่าย
ภาพภูเขามากมายโอบล้อมพื้นที่กับบรรยากาศเย็นสบายที่มะยมเห็น จะบอกว่าลูกชายพาหลานไปเที่ยวในวันหยุด มันก็อาจจะเป็นไปได้แต่ด้วยความที่รู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เธอจึงถามลูกว่า “แกมีอะไรจะบอกแม่ไหมตาไผ่”
^^ ทิวไผ่อมยิ้ม แม่เขานี่เก่งจริงๆ ว่าจะไปหาที่กรุงเทพแล้วค่อยบอกกับทุกคนทีเดียว เห็นทีคงต้องบอกตอนนี้ให้ท่านหายสงสัยไปเลยคงจะดีกว่า “มีครับเยอะแยะไปหมดล่ะครับ” เขาพูดแล้วเดินไปหาอาเจาที่นั่งอยู่ เขาเห็นอีกฝ่ายกำลังก่อไฟตรงพื้นดินที่มีร่องรอยของการก่อกองไฟอยู่แล้ว “แม่เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นมั้ยครับ” กล้องจับไปยังแฟนตัวเองที่กำลังนั่งก้มๆ เงยๆ อยู่
“เห็นสิ..ใครน่ะ”
“คนดูแลส้มเช้งครับ” เงียบไปเพื่อรอฟังคนเป็นแม่ที่ยังไม่พูดอะไร สองขาแกร่งเดินไปนั่งลงข้างๆ กัน
“แม่นึกว่าคนดูแลส้มเช้งจะเป็นผู้หญิงเสียอีก..แล้วจะคอยดูคอยสอนส้มเช้งได้เรอะ”
^^ “ได้สิครับ..ทุกวันนี้ส้มเช้งติดน้องเค้ามากกว่าผมเสียอีก” ทางด้านอาเจาที่หันหน้ามาทางโทรศัพท์ของทิวไผ่ก็เผยรอยยิ้มหวานแล้วหันกลับไปตรงจุดเดิม
ความน่ารักแบบไร้การเสแสร้ง ทำเอามะยมยิ้มตามแม้อีกฝ่ายจะไม่เห็น “เด็กคนนี้น่ารักจัง”
“ครับ..น่ารัก น้องเค้าเป็นแฟนผมด้วย คือตอนนี้ผมขึ้นดอยมาคุยกับพ่อแม่เค้าอยู่ แม่ไม่ว่าอะไรนะ” ฝ่ายคุณแม่ที่เงียบไปครู่หนึ่งทิวไผ่ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่น ลอดออกมานอกโทรศัพท์
“ฉันจะไปหาแกพรุ่งนี้!!” สิ้นเสียงนั้นโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไป
ทิวไผ่ก้มมองโทรศัพท์ในมือและทำหน้างง เรื่องที่เขามีแฟนเป็นผู้ชายถามว่าหนักใจไหมถ้าแม่เขามาถึง 'ก็ไม่ได้หนักใจเพราะเขาเองก็โตแล้ว แม่คงไม่ได้มาวุ่นวายกับชีวิตคู่ของเขาแน่' คิดได้แบบนั้นก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง
อาเจาที่ก่อไฟเพื่อเตรียมย่างอาหารหันมาถามแฟนตัวเองเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่ “มีอะไรรึเปล่าครับ”
“แม่ฉันจะมาน่ะ” ลูบผมอาเจา “แต่ไม่มีอะไรให้เราต้องกังวลหรอก บ้านฉันไม่มีปัญหาอะไร สังคมสมัยนี้พวกรักชอบเพศเดียวกันมีออกจะเยอะแยะ”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยเลยเถอะ” ย่นจมูกน่ารัก ตอนที่เขาเป็นขันที องค์รัชทายาทแคว้นเจ้าก็ยังมีชายาเอกเป็นบุรุษ สตรีในแคว้นเจ้ายังน่ากลัวกว่าแม่ของคุณทิวไผ่อีกเยอะ มีทั้งวางยาพิษ มีทั้งส่งนักฆ่ามาลอบฆ่า แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันไม่เว้นแต่ละวันระหว่างชายาหลายนาง พอมาอยู่ในร่างอาเจา ผู้คนที่นี่ไม่นิยมมีสามภรรยาสี่อนุหากผู้ใดนอกใจนอกกาย มันกลับกลายเป็นเรื่องที่ผิดซะงั้น แน่นอนถ้าหากวันใดตัวเขาต้องมีคู่ก็ยังอยากให้คู่ของเขามีแค่กันและกันก็เพียงพอแล้วตอนนี้หากเขาต้องคู่กับคุณไผ่ก็ยิ่งดีเพราะอีกฝ่ายมีลูกสาวให้แล้วแม้เขาจะไร้ทายาทก็ช่าง ส้มเช้งน่ารักจะตายเขารู้สึกผูกพันธ์ตั้งแต่แรกเห็นราวกับว่านี่คือลูกของเขาเอง
“เมื่อกี้ได้จัดห้องให้ฉันนอนกับเรารึเปล่า”
เสียงกระซิบแผ่วเบาทำเอาอาเจาต้องหน้าแดงก่ำ “ครับ…ก็นอนกันสามคนรวมส้มเช้งด้วย” เขยิบตัวถอยห่างนั่งผิงไฟ
^^ “ฉันว่าคืนนี้ส้มเช้งน่าจะขอไปนอนกับคุณตาคุณยายนะ” ก้มหน้ามองหนุ่มน้อยหน้าสวย “เราก็เตรียมตัวไว้ล่ะ..เผื่อฉันอยากจะลักหลับ” มองดูอาการหลุกหลิกของคนตัวบางแล้วชอบใจ
“จะมาลักหลับอะไรกันเล่า!” ลุกขึ้นเดินหนีคนหน้าหนาที่นั่งหัวเราะคนเดียวเข้าไปด้านในไปยังห้องนอนของตัวเอง คำว่าลักหลับทำให้เจ้าของห้องต้องมองเตียงนอนขนาดไม่ใหญ่มาก...ถ้านอนสามคนคงจะไม่ไหว แต่ถ้าส้มเช้งไปนอนกับแม่เขา "โอ๊ย" ‘ก็แล้วจะมาคิดเรื่องเตียงทำไมเนี่ย’
ก่อกๆๆ ก่อกๆๆๆ “เจาๆ” เสียงแม่แก้วเรียกหน้าประตู
“ครับแม่แก้ว” เดินออกไปเปิดประตู
“คืนนี้นอนกับแฟนสองคนนะ แม่จะเอาส้มเช้งไปนอนด้วย คนขับรถนอนที่ห้องรับแขกแม่เตรียมหมอนกับผ้าห่มให้พวกเขาแล้ว" พูดเสร็จก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อเตรียมอาหาร
16.00 น.
สองตาหลานเดินสะพายตะกร้าสตอเบอรี่กลับเข้าไปในบ้าน พร้อมเสียงหัวเราะกังวาลใสและเสียงวิ่งของเด็กน้อย “ป๊าาา…”
ทิวไผ่ที่นั่งดูทีวีตรงโซฟาในห้องรับแขกหันมอง “อะไรคะลูกสาว”
“ส้มเช้งเก็บสตอเบอรี่กับคุณตาสนุกจังเลยค่ะ เราอยู่ที่นี่นานๆ ไม่ได้เหรอคะ”
^^ “ส้มเช้งต้องเรียนหนังสือค่ะลูก..เอาไว้ปิดเทอมเราค่อยมาใหม่ดีรึเปล่า”
“จริงนะค้ะ!!”
“จริงสิ..ตอนนี้ลูกไปอาบน้ำก่อนดีมั้ย ดูซิมอมแมมไปหมด”
“ก็ได้ค่ะ..หม่าม๊าอยู่ไหนคะ”
“ช่วยคุณยายทำกับข้าวน่ะลูก” ชี้เส้นทางด้านนอกที่เป็นห้องครัว ซึ่งลูกสาวเขาก็วิ่งไปตามทิศทางนั้น คล้อยหลังลูกสาวก็เห็นพ่อตาเดินมานั่งเก้าอี้รับแขกด้านข้าง
“เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ” พ่อคำปันพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครับ แต่ส้มเช้งขาดแม่และผมมั่นใจว่าอาเจาสามารถทำหน้าที่นี้ให้ลูกได้”
“ทางฉันกับแม่แก้วก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าจะให้ดีก็อยากจะให้คุณทำอะไรให้มันถูกต้อง”
“ครับ..ผมบอกคุณแม่ของผมแล้ว พรุ่งนี้คงเดินทางมาถึงที่นี่”
“รวดเร็วขนาดนั้นเลย” คำปันเลิกคิ้ว
“ครับ..ในเมื่อผมเจอคนที่ใช่ก็ไม่อยากจะรออะไรอีก ไหนๆ ก็ไหนๆ ให้สองครอบครัวมาคุยกันเลยคงจะดีกว่า”
“ก็ดี..อาเจาไปอยู่กับคุณเป็นเดือนหากเป็นผู้หญิงก็คงท้องป่องไปแล้วมั้ง”
“เอ่อ..ฮ่าๆๆ ก็ ครับ” ทิวไผ่ไม่ปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าระหว่างเขาและอาเจายังไม่ถึงขั้นนั้น...เอาเถอะ พ่อตาว่ายังไง ลูกเขยก็ว่าตามกันนั่นล่ะ