รถขนาดครอบครัวที่ขับขึ้นเขามาเรื่อยๆ ได้จอดลงตรงป้ายหน้าหมู่บ้านxxx โดยที่ 'ไม้' ลูกชายของพลที่ตอนนี้ทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อตัวเองร่วมเดินทางมาด้วย ซ้ำยังทำหน้าที่ลงไปสอบถามหาบ้านพ่อหลวงคำปัน สาเหตุที่ทำแบบนั้นก็เพราะเจ้านายไม่อยากปลุกแฟนเด็ก และชาวบ้านแถวนั้นพากันชี้เส้นทางไปยังบ้านพ่อหลวงให้ด้วยรอยยิ้ม จวบจนทั้งหมดเดินทางไปถึง เมื่อรถจอดลงหน้าบ้านทิวไผ่ก็กำลังจะปลุกอาเจาและส้มเช้ง แต่เสียงพลกลับดังขัดขึ้นซะก่อน
“นายครับ…แฟนเก่าอาเจายืนอยู่หน้าบ้านครับ”
ทิวไผ่หยุดมือที่จะปลุกสองคนอันเป็นที่รัก ก่อนจะเปิดประตูรถออกไปประจันหน้ากับใบหม่อนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเก่า แน่นอนว่าอีกฝ่ายที่เห็นเขาก็รีบเดินไวๆ เข้าประชิด
“หึ…พากันมาถึงที่นี่เลยนะคิดว่าเอาฉันไปทิ้งแล้วเรื่องมันจะจบใช่มั้ย..อย่าฝันไปเลยไอ้แก่”
ทิวไผ่หน้าม้านเมื่อถูกเด็กเมื่อวานซืนด่า คำว่าเอาไปทิ้งมันไม่ได้เกินจริงแต่อะไรคือการที่อีกฝ่ายไม่ยอมจบทั้งๆ ที่ใบหม่อนและอาเจาก็ดูเหมือนไม่ได้รักกันสักนิด ด้วยความที่ไม่อยากเถียงกับสาวรุ่นหลาน เขาจึงตัดบท “ไม้..ยัยเด็กปากเปราะนี่ฉันยกให้ จะพาไปฆ่าหมกป่าที่ไหนก็ทำเลย” คำหลังนั้นเขาแค่ขู่...ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะหน้าใบหม่อนเริ่มซีด
“ครับนาย”
ใบหม่อนเห็นคนชื่อ 'ไม้' ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ผิวสีเข้มเดินย่างสามขุมเข้ามาหาเธอก็เริ่มกรีดร้อง “ว๊ายๆๆ แม่แก้วช่วยด้วย” วิ่งหนีเข้าไปในบ้าน จังหวะนั้นเจ้าของชื่อ 'แม่แก้ว' ก็เดินออกมาพร้อมกับตวาดลั่น
“ฮ้องหาต๋ายอะหยัง..รำคาญมะไดจะปิ้กบ้านไปเ**ยมายิหยังกะมะฮุ มะไดกะผิดกัน มะเด่วไอ่เจามันเอาผัวไปละมะต้องมาขอหื้อฮับผิดชอบ ไป๊!” (เรียกทำไม รำคาญเมื่อไหร่จะกลับบ้านไปเสียจะมาทำไมก็ไม่รู้ เมื่อไหร่ก็ทะเลาะกัน ตอนนี้ไอ้เจามันมีผัวไปแล้วไม่ต้องมาขอให้รับผิดชอบ ไป๊!!) ด่าเสียงดังโวยวายก่อนจะเดินหนีจนมาเจอกับคนแปลกหน้า “อ้าว!” เห็นท่าทางผู้ดีและสะอาดสะอ้านก็เลยยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ..มาหาใครคะ”
ทิวไผ่และลูกน้องอีกสองคนรีบยกมือไหว้กันแทบไม่ทัน “สวัสดีครับผมชะ” ยังไม่ทันจบคำสาวใบหม่อนก็แทรกขึ้นอย่างไร้มารยาท
“นั่นชู้ของเจาค่ะแม่!! ใบหม่อนไม่ยอมนะคะเจาต้องรับผิดชอบใบหม่อน แม่ก็อย่ายอมนะคะ” พยายามกอดแขนกอดมือแม่แก้ว
แม่แก้วตกใจ “ชู้เรอะ..” เธอมองผู้ชายตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเงยหน้าหัวเราะ “ฮ่าๆๆ…ดีๆ ดีมากเลือกได้ดี”
ใบหม่อนยืนแอบข้างหลังแม่แก้วและยังพูดใส่ไฟ “ไล่มันไปเลยค่ะ..มันแก่แล้วแถมยังมีลูกติดด้วยนะคะมันต้องมาหลอกเจาแน่ๆ” แม้สิ่งที่พูดจะตรงกันข้ามแต่ก็ต้องพูดให้อีกฝายดูแย่
แม่แก้วสะบัดใบหม่อนที่เธอจำได้ว่าตั้งแต่อีกฝ่ายคบกับอาเจามา ก็มีแต่ลูกของเธอที่เป็นฝ่ายเสียใจ ข้ออ้างบอกเลิกกันมีให้ได้ยินจนเธอได้แต่ภาวนาให้ลูกของเธอคิดได้ พอมาถึงวันนี้ได้ยินว่าอาเจามีชู้...จริงเท็จยังไงก็ต้องรอให้ลูกมาบอกอีกครั้งและชู้นั้นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเธอก็ไม่ว่า ขอแค่ลูกได้หลุดพ้นจากใบหม่อนก็พอแล้ว “ไล่แกน่ะสิ..ไปเลยรำคาญมาอยู่ฟรีกินฟรีจะครบอาทิตย์ละ..แต่ก่อนยังไม่เห็นจะเกาะติดขนาดนี้ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกหวังอะไร..ฝันไปเถอะ! ตอนนี้อาเจามันมีชู้ก็ดีสิให้มันเอากับชู้มันเนี่ยล่ะ” พูดไทยคำภาษท้องถิ่นคำ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านขนกระเป๋าข้าวของของใบหม่อนออกมาโยนทิ้งนอกประตู “อยากหื้ออาเจารับผิดชอบกะไปฟ้องศาลปุ้น..ไป๊!!!” (อยากให้อาเจารับผิดชอบก็ไปฟ้องศาลนุ่น..ไป๊) แม่แก้วยืนท้าวสะเอว
ทิวไผ่เห็นอย่างนั้นก็สั่งไม้ “ไม้..จัดการซะ” ภาพไม้หิ้วปีกใบหม่อนที่ร้องไห้ดีดดิ้น ถูกจับมือไพล่หลังไปมัดไว้กับต้นไม้หน้าบ้านแถมด้วยการเอาผ้ายัดปาก ความวุ่นวายผ่านไปเพียงสิบนาทีจนเขาเห็นอาเจาเดินลงมาจากรถพร้อมกับส้มเช้ง
“แม่แก้ววว!!” อาเจาเรียกแม่ตัวเองที่กำลังยืนคุยกับทิวไผ่ เขามองแม่แก้วสลับกับใบหม่อนที่ถูกมัดอยู่ใต้ต้นไม้โดยมีลูกชายของลูกพลยืนคุมอยู่ “ใบหม่อนมาที่บ้านเรา ทำไมแม่ไม่โทรบอกเจาล่ะครับ” หอบหายใจไปด้วยอุ้มเด็กอ้วนไปด้วย แทนที่แม่แก้วจะตอบคำถามเขา ท่านกลับมองเด็กน้อยในอ้อมกอดไม่วางตา
“นี่ลูกสาวคิงกะเจา” (นี่ลูกสาวแกเหรอเจา) แม่แก้วกลับมาพูดภาษาเหนือพลางมองเด็กอ้วน
“ครับ...ชื่อส้มเช้ง” ตอบไปโดยไม่ทันคิด ‘เอ๊ะ...ลูกเราเมื่อไหร่น่ะ’ มองแม่แก้วที่ยิ้มเหมือนแซวก็หน้าแดง “ไม่ๆๆ…นี่ลูกคุณไผ่ครับ” เขาเหลือบไปเห็นทิวไผ่ที่หันหน้าหนีกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น
ส้มเช้งผู้รู้งาน ว่าผู้สูงอายุตรงหน้าคือคุณแม่ของหม่าม๊าจึงยิ้มแล้วยื่นมือเข้าไปหาเพื่อทำคะแนนแทนป่ะป๊าตัวเอง “ส้มเช้งเป็นลูกสาวหม่าม๊ากับป่ะป๊าไผ่ค่ะคุณยาย..อุ้มส้มเช้งหน่อย”
แม่แก้วยกมือป้องปากที่ยิ้มกว้าง “หยังมาจ่างอู้แต้ว่า..มาๆ ยายจะอุ้ม ในบ้านมีผลไม้นักขนาด” (ช่างพูดจริงๆ มาๆยายจะอุ้ม ผลไม้ในบ้านมีเยอะแยะ) ฮึ่บ!! อุ้มคีบเอวเข้าบ้านไป “อ่อ..เข้ามากันหื้อหมดเลย มาอู้ในนิ” (อ่อ..เข้ามากันหมดเลยมาคุยในนี้)
คล้อยหลังกลุ่มเจ้านายที่เดินหายเข้าไปในบ้าน ไม้ก็หันมาพูดกับพ่อ “นายดูมีความสุขนะพ่อ”
“ใช่..อาเจาเองก็นิสัยดี พ่อได้แต่หวังว่าทางบ้านใหญ่คงจะไม่ว่าอะไรเหมือนกับบ้านนี้” หันมองใบหม่อนที่ถูกมัดใต้ต้นไม้ท่ามกลางอากาศเย็น ‘แล้วตัวปัญหานี่ จะเอายังไงดีครับคุณไผ่’
&&&
ในบ้านหนึ่งชั้นครึ่ง
แม่แก้วต้อนรับแขกเป็นอย่างดี พร้อมทั้งบอกถึงเจ้าของบ้าน “คุยกันไปก่อนเดี๋ยวพ่อคำปันก็มา” พลางทำน้ำปลาคลุกน้ำตาลให้น้องส้มเช้งทานเคียงข้างกับสตอเบอรี่สดลูกโต
อาเจามองแล้วก็เดินไปนั่งทานด้วย “มาทางนี้สิครับคุณ” เรียกทิวไผ่ไปนั่งโซฟาใกล้ๆ กัน
ภาพความสนิทสนมนั้นอยู่ในสายตาแม่แก้วทั้งหมด ความพึงพอใจติดอยู่ในอกคนเป็นแม่ แม้จะยังไม่เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของลูกชาย แต่ถ้ามันคือสิ่งที่ลูกเลือกแล้วเธอก็ไม่ขัด ขอแค่อย่าเอาคนที่มีนิสัยชอบเอาเปรียบและเห็นแก่ตัวแบบเดิมมาก็พอ “อยากพูด อยากถามอะไรไหมล่ะพ่อหนุ่ม”
ทิวไผ่ที่เพิ่มมีโอกาสก็พยักหน้า “ครับ" ยกมือขึ้นสวัสดีอีกครั้ง "ผมชื่อทิวไผ่ พรเดชพิทักษ์ เป็นเจ้าของไร่ทิวไผ่งามที่อาเจาไปสมัครงานอยู่ ตอนนี้ผมอายุสามสิบแปดปีแล้ว มีลูกสาวชื่อส้มเช้งอายุห้าขวบ" เขาลอบมองว่าที่แม่ยายก่อนจะพูดต่อ "คือตั้งแต่เจอกันมาจนวันนี้ อาเจาเป็นคนดีที่รักลูกของผมด้วยความบริสุทธิ์ใจและผมก็รักอาเจาครับ..จึงอยากจะมาพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่เพื่อขออนุญาตคบกัน”
“รู้ใช่มั้ยว่าใบหม่อนเป็นแฟนเจา”
“รู้ครับ...ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนยังเป็นแฟนกันหรือเปล่า แต่ตอนนี้อาเจาบอกว่าไม่ได้รักใบหม่อนแล้วน่ะครับ”
“ไม่รักแล้วงั้นเรอะ?” แม่แก้วทำหน้างง “อืมม..จะว่าแปลกก็แปลกนะคุณ ก่อนหน้านี้ที่เจาจะลงไปทำงานกับคุณ คืนก่อนนั้นมันทะเลาะกันทางโทรศัพท์ซะเสียงดัง แล้วเจาก็หนีออกไปนอนกางเต้นท์อยู่นอกบ้าน...อากาศก็หนาวแม่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้..พอตื่นเช้ามามัน..” หันมองลูกชายที่นั่งขมวดคิ้ว “มันจำอะไรไม่ได้สักอย่าง” ความเงียบเกิดไปทั่วห้องรับแขก “ตอนแรกก็นึกว่ามันผีเข้า..แต่ถ้าผีเข้าแล้วมันทิ้งใบหม่อนนั่นได้ก็ช่างมันเถอะ ฮ่าๆๆ”
ทิวไผ่ยิ้มตาม “เป็นคุณแม่ที่อารมณ์ดีจังเลยนะครับผมไม่แปลกใจเลยที่อาเจาน่ารักได้ขนาดนี้”
แม่แก้วก็พยักหน้ารับ แล้วพูดเข้าประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม “สรุปว่าอยากได้อาเจาไปเป็นเมียเรอะ”
“เอ่อ..ก็” เกาท้ายทอยแก้เขิน “ครับ”
“แม่น่ะไม่ว่าอะไร เราก็ไปคุยกับพ่อมันสิขับรถมานุ่นละ” หลายสายตามองผ่านออกไปหน้าบ้านก็เห็นรถกระบะคันใหญ่ขับเข้ามา แน่นอนว่านั่นคือพ่อคำปัน...