บทที่-1-เดนคน

1975 Words
บทที่-1-เดนคน จ.แห่งหนึ่งทางภาคอีสาน มหาวิทยาลัย QQ คณะบริหารธุรกิจ จอมขวัญ สุพรรณษา เม็ดทราย สามเพื่อนรักนั่งทำงานอยู่ม้าหินอ่อนใต้อาคารเรียนอย่างขะมักเขม้น พวกเธอเพิ่งจะเข้าปี 1 แน่นอนงานเยอะมาก บางวันแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เรียนก็หนักพอแรงแล้ว ยังจะมีกิจกรรมของมหาวิทยาลัยอีก ไหนจะเตรียมงานนู่นนี่นั่น กว่าจะผ่านพ้นมาได้แทบสะบักสะบอม ผลงานชิ้นล่าสุดนี้พวกเธอทั้งสามจะต้องทำการ Present พรุ่งนี้ จึงรีบทำจนหัวหมุนไปหมดแล้ว แต่ในขณะที่กำลังเคร่งเครียด เสียงโทรศัพท์ของสุพรรณษาก็กรีดเสียงดังขึ้น พอเหลือบมองมือถือรุ่นเก่าหน้าจอแตกก็ยิ้มกริ่ม เพราะคนที่โทรมานั้น คือมารดาสุดที่รักของเธอนั่นเอง สงสัยแม่จะโทรมาถามว่าจะกินอะไรในตอนเย็นแน่ ๆ สุพรรณษา ใจกลาง อยู่กับแม่เพียงลำพังมาตั้งแต่อายุได้แปดขวบ โดยที่ผู้เป็นพ่อได้ทอดทิ้งแม่ไป เนื่องจากติดเด็กเสิร์ฟร้านเหล้า ทำให้แม่ต้องเลี้ยงดูเธอมาอย่างยากลำบาก ทุกช่วงชีวิตของสุพรรณษาจึงมีแต่แม่เท่านั้น ใครจะว่าเธอไม่รักพ่อก็ไม่สนใจ เพราะว่า พ่อนั้นไม่เคยเหลียวแล ผู้ชายคนนั้นไม่ส่งเงินมาให้ ไม่อะไรทั้งนั้น หญิงสาวอดมื้อกินมื้อ พ่อก็ไม่คิดจะสนใจ แม้จะเดินผ่านหน้าแท้ ๆ ก็ยังไม่คิดเหลียวมอง จนกระทั่ง ในวันที่พ่อเสียชีวิต จากการถูกผู้ชายของผู้หญิงที่ไปติดพันยิงเอา จึงไม่จำเป็นที่สุพรรณษาจะยินดียินร้ายในเรื่องของคนใจร้ายนั่น ใครจะว่าเธออกตัญญูก็ช่าง “จ้าแม่” หญิงสาวกดรับสายผู้เป็นมารดา “รีบกลับบ้านนะ แม่ทำแกงส้มชะอมทอดไว้ให้แล้ว” แม่บอกกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน “อะเชค่ะแม่ เดี๋ยวหนูจะรีบกลับนะคะ” ยิ้มระรื่น เพราะแกงส้มชะอมทอดเป็นของโปรดอันดับหนึ่งของเธอ “ฮั่นแน่…ยิ้มแบบนี้แม่นีย์คงทำแกงส้มไว้แล้วสิท่า” เม็ดทรายรู้ใจ สมกับเป็นเพื่อนกันมานาน “อื้อ มึงจะไปกินกับกูปะ” ถามเพื่อนด้วยดวงตาที่เป็นประกาย แม่เธอทำอาหารอร่อยที่สุดในโลก “กินดิ แม่นีย์ทำอาหารอร่อยจะตาย” จอมขวัญเองก็ดี๊ด๊าไม่ต่างจากเพื่อน “งั้น เก็บของก่อน เอางานกลับไปทำที่บ้านแล้วกัน” “อื้อ” รีบเก็บของอย่างไว จากนั้นสามสาวจึงออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อกลับบ้าน ต้นไม้น้อยใหญ่รอบบริเวณ ทำให้บ้านหลังเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังดูสงบและร่มรื่นมาก แต่มันกลับเป็นจุดที่อันตรายและจุดอับ ที่คนร้ายชื่นชอบ เพราะปิดบังสายตาจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ซึ่งสุนีย์ ใจกลางเองก็ไม่รู้ตัว เนื่องจากกำลังสาละวนกับการทำอาหารของโปรดลูกสาว จึงไม่รู้ตัว ว่าจะมีเหตุร้ายกับตัวเอง “…..” “มึงแน่ใจนะ ว่าไม่มีคนอยู่” เสียงแหบ ๆ ของผู้ชายผมยาวมีลักษณะหยิกรุงรังพูดขึ้น “กูแน่ใจ” อีกคนผมยาวดูสกปรกพูดบ้าง “แต่กูคิดว่า น่ามีคนอยู่นะ” มันกระซิบ “เชี่ย มึงอย่าคิดมากดิวะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว กูว่านะ พวกเราขึ้นไปบนบ้านนั่นดีกว่า เผื่อได้เงินหรือไม่ก็ต้องมีกับข้าวกิน กูหิวมาก สองวันนะเว้ย ที่หนีมา ยังไงก็ต้องแดกก่อนจะได้มีแรงหลบหนีอีก” คนผมยาวให้เหตุผล “เออว่ะ…ก็ใช่อย่างที่มึงพูดนะ” เห็นดีเห็นงามไปด้วย “งั้นกูว่าเราเข้าไปในบ้านนั้นก่อนเลย เดี๋ยวชาวบ้านมาเห็น แล้วเรื่องถึงพ่อมึงเข้า คราวนี้ถูกขังลืมไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันกันล่ะ” “เออ ๆ” ชายแปลกหน้าทั้งสองจึงเลียบ ๆ เคียง ๆ แถวรั้วบ้าน มองซ้ายมองขวา แล้วปีนขึ้นต้นไม้ทันที ตุ่บ !! “…..” เสียงกระโดดลงมา ทว่า ไม่มีใครได้ยิน โดยเฉพาะ สุนีย์ซึ่งง่วนอยู่กับการหุงข้าว อันตรายจากชายทุรชนกำลังคืบคลานมาหา และจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะอยู่ในโลกใบนี้ !! “ฟู่ววว์ เสร็จแล้ว ยัยสุคงกินข้าวได้เยอะแน่ ๆ” สุนีย์ พูดถึงลูกสาวคนเดียวแล้วก็อมยิ้ม แววตามีแต่ความรักอยู่เต็มไปหมด นางและลูก มีกันแค่สองคนเท่านั้น ไพรัชซึ่งเป็นสามีได้พวกเธอทิ้งไปตั้งแต่สุพรรณษาอายุได้เพียงแปดขวบ นางจึงดิ้นรนจนเลือดตาแทบกระเด็น สู้ชีวิตเพื่อให้ลูกกินอิ่มแม้ตนเองจะต้องอดก็ตาม ความจริงนั้นไพรัชเกิดมาในตระกูลผู้ดี มีเงินทองร่ำรวย แม้จะเป็นเพียงลูกบุญธรรมแต่ครอบครัวที่อุปการะก็รักราวกับลูกในอก แต่เพราะความไม่รักดีของไพรัช และความมักมากในกาม จึงแอบมามีอะไรกับเธอซึ่งเป็นเพียงแม่บ้านของตระกูล เอกทองขาว เมื่อลักลอบมีความสัมพันธ์จนตั้งท้อง ครอบครัวของไพรัชก็รู้เรื่องจึงยื่นคำขาดให้คนเป็นลูกชายเลิกกับเธอ โดยเสนอเงินให้ไปทำแท้ง แต่นางไม่รับและขอลาออกจากการเป็นแม่บ้าน พร้อมกับขนของกลับบ้านนอก ไพรัชซึ่งกำลังหลงใหลสุนีย์ก็ไม่พอใจที่ครอบครัวทำแบบนี้ จึงเกิดทะเลาะกันแล้วประกาศตัดสายสัมพันธ์พ่อแม่ลูก พาสุนีย์กลับต่างจังหวัด ซึ่งเป็นคนภาคอีสาน มาทำไร่ไถนา ซึ่งก็ทุลักทุเลพอสมควร เนื่องจากคนเป็นสามีทำงานพวกนี้ไม่เป็น มีแต่นางเท่านั้นที่พอจะทำได้ แต่ว่า ตนนั้นกำลังตั้งครรภ์ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงค่อนข้างหนัก เมื่อสุพรรณษาลืมตาดูโลกมาได้ห้าปี ไพรัชก็เปลี่ยนไป ทั้ง ๆ ที่หาเช้ากินค่ำ การเงินก็แทบไม่พอถึงสิ้นเดือน แต่ยังไปติดพันผู้หญิง ค่าแรงจากการเป็นกรรมกรก็หมดไปกับค่าเหล้าและสาว ๆ ทำให้ภาระทุกอย่างมันตกอยู่ที่สุนีย์ทั้งนั้น จนล่าสุด เมื่อสุพรรณษาอายุได้เพียงแปดขวบ ไพรัชก็ไปติดใจสาวเสิร์ฟถึงขั้นหายหน้าหายตาไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง เมื่อสุนีย์ไปพบเจอโดยบังเอิญ ก็เลือดขึ้นหน้า เพราะสามีตัวดีกอดจูบกับสาวคนนั้นกลางวันแสก ๆ มันหยามใจเธอเกินไปสุนีย์จึงไม่ยอม เกิดทะเลาะลงไม้ลงมือ และขุดเรื่องเก่า ๆ ที่เคยทำผิดพลาด เรื่องหอบผ้าผ่อนตัดขาดกับครอบครัว เพื่อมาอยู่กับเธอมาตอกย้ำ ความเจ็บปวดจากน้ำคำของสามี มันทำให้สุนีย์และลูกน้อยเดินจากมา ตั้งแต่นั้นก็ไม่หวนคืนกลับไปอีก แม้จะถูกตามหาจนพบ เธอก็ไม่คืนดีด้วย ถึงจะถูกอีกฝ่ายตบตี เนื่องจากต้องการเงินไปซื้อเหล้า จึงมาข่มขู่ตน สุนีย์ก็หอบลูกหนีไปเรื่อย ตกระกำลำบากอดมื้อกินมื้อ เฝ้าทนุถนอมลูกมาจนถึงตอนนี้ จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อน อดีตสามีก็เสียชีวิต เนื่องจากถูกยิง ส่วนสุพรรณษานั้นก็ไม่เคยทำให้นางผิดหวัง ทั้งการเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน และยังรับจ้างทำงานทุกอย่างเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของคนเป็นแม่ จนอายุได้สิบเก้าปี สุพรรณษาก็ตั้งใจเรียนจนได้เกรด A ตลอด ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของนางที่สุด แกร๊ก !! “หือ เสียงอะไร” ผละออกจากห้องครัว แล้วเดินมาหน้าบ้าน เพื่อดูว่ามีอะไรหล่นหรือเปล่า แต่แล้ว หัวใจกลับหล่นวูบ เมื่อตรงหน้านั้น มีผู้ชายสองคนท่าทางเป็นคนไม่ดี กำลังสำรวจบ้าน แล้วเมื่อหันหน้ามาเห็น ทุกอย่างก็เหมือนชะงักนิ่งไป “ไอ้เวร ไหนมึงบอกว่าไม่มีคนอยู่ไงวะ แล้วนี่คือไร ผีเหรอ” ผู้ชายผมหยิกพูดเสียงกร้าว แววตาดูน่ากลัว สุนีย์เย็นวาบไปทั้งใจ นางถอยหลังโดยไม่รู้ตัว “สัส กูจะรู้ปะ มึงจะถามเหี้ยไรวะ ในเมื่อมันเห็นหน้า ก็จัดการมันดิ” ย่างสามขุมเข้ามาหาอย่าคุกคาม สายตานั้นสำรวจไปทั่วร่างกายของหญิงวัยสี่สิบห้าอย่างไม่มีความเกรงใจ แล้วมันก็หัวเราะร่า เมื่อพบว่า หญิงชาวบ้านคนนี้ สวยงามกว่าที่คิดทีเดียว “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้ฤทธิ์ มึงเห็นเหมือนที่กูเห็นไหมวะ” หันหน้าไปถามเพื่อน “เห็นไรของมึง จะจัดการไรก็รีบ ๆ ทำเข้า เดี๋ยวชาวบ้านเขาเห็นความผิดปกติแล้วแจ้งหาพ่อ กูกับมึงคงได้เข้าคุกอีกรอบหรอก” คนผมหยิกเตือนเสียงเย็น ๆ ซึ่งคนฟังถึงกับสะท้านวาบไปทั้งกายและใจ “เออน่า กูรู้แล้ว แต่มึงดูนี่ก่อนสิวะ ว่าอีนังนี่มันสวยไหม” เพียงแค่นี้ เดนคุกก็รู้แล้ว มันจึงสำรวจรูปร่างของสาวใหญ่วัยดึก จากนั้นแววตาก็วาววับอย่างชอบใจ “เออ ว่ะ รูปร่างอวบ ๆ แบบนี้ เต็มไม้เต็มมือ น่าเอาจริง ๆ ว่ะ” น้ำเสียงดูหื่น ๆ พิกล สุนีย์หวาดกลัวจนรีบหันหลังวิ่งหนี แต่เพราะความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ ทำให้สติมันหล่นหาย จึงถูกเดนคนจับได้ในทันท่วงที หมับ ! “อะ ปละ ปล่อยฉันนะ” เสียงสั่น ๆ “มึงยอมให้กูเอาสิ แล้วกูจะปล่อยมึงไป” แววตาหื่นจัดจับจ้องไปที่หน้าอกอวบใหญ่ พลางกลืนน้ำลายลงคอ “แม่ง นมใหญ่ฉิบหาย กูอยากแล้วว่ะไอ้ดำ” ชายผมหยิกพูด “เออกูก็อยาก แม่ง กูว่า เอามันเถอะ กูทนไม่ไหวแล้ว อดอยากมาตั้งสองปี กูอยากแตกว่ะ มึงว่าไหม” หันไปถามความคิดของเพื่อนร่วมคุก “เออ กูเห็นด้วย” “มะ ไม่นะ ช่วยด้วย ช่วยด้วยยยยย” สุนีย์ร้องลั่น “สัส มึงจะร้องหาพ่อมึงเหรอ อีห่านี่” มันกระชากแขนสุนีย์เข้ามาปะทะกับอกของมัน สาวใหญ่หวาดกลัวจนน้ำตารินอาบแก้ม ร่างกายสั่นระริก ๆ ยกมือไหว้มันอย่างน่าสงสาร “ปละ ปล่อยฉันไปเถอะนะ พวกนายจะเอาอะไรก็เอาไป แต่อย่าทำฉันนะ ฉันขอร้อง ฉันไหว้ล่ะ” เสียงสะอึกสะอื้นของผู้หญิง ไม่ได้ทำให้พวกมันเห็นใจแม้แต่น้อย เพราะซุกใบหน้าอันสากระคายและรุงรังไปด้วยหนวดเคราลงไปหาต้นคอของสาวใหญ่ อย่างย่ามใจ “กูเอาไปอยู่แล้ว มึงไม่ต้องห่วง แต่สิ่งหนึ่งที่กูจะต้องได้ ก็คือ เอามึงนี่แหละ” “มะ ไม่ ช่วยด้วย” สุนีย์สู้สุดชีวิต ทั้งดิ้นทั้งร้อง และกัด จนมันหงุดหงิด ฝ่ามือใหญ่อันหยาบกระด้างตบเข้าที่ใบหน้าของสาวใหญ่เต็มแรง เพียะ ! “อะ…” หน้าหันตามแรงตบ เลือดซึมออกมาตามมุมปากทันที แคว่ก ! “กรี๊ดดดดดดดด” “อีบ้า มึงจะร้องเหี้ยไร อยากตายใช่ไหม” มันอีกคนพูดขู่ขึ้น สุนีย์ส่ายหน้ารัว ๆ น้ำตาทะลักตามแก้ม ความกลัววิ่งไปทั่วหัวใจ ทั้งห่วงลูกและกลัวความตาย กลัวว่าลูกจะมาเจอกับสิ่งชั่วร้ายอย่างที่ตนเจอ จึงกัดฟัน กัดบ่ามันเต็มแรง เป็นเหตุให้มันโมโหหนักขึ้นกว่าเดิม “อ้ากกกกก” ชายผมยาวร้องลั่น เมื่อฟันคม ๆ กัดเข้าที่แขนผอมกะหร่อง เดนคนดวงตาลุกวาบ มันตบหน้าของสุนีย์เต็มแรง เพียะ ! “อีห่า ถ้ามึงอยู่นิ่ง ๆ ก็คงไม่เป็นไร กูแค่เอามึงเท่านั้น แต่มึงมันคงอยากตาย งั้นกูจะสนองให้” มันผละไป เดินเข้าครัว แล้วนำมีดหั่นผักมาด้วย ดวงตาของสาวใหญ่เบิกโพลง หวาดกลัวต่อความตายที่กวักมือมารออยู่เบื้องหน้า จึงวิ่งหนีออกจากบ้าน “ช่วยด้วย ๆ ช่วยฉันด้วย มีคนจะฆ่าฉัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD