สายรุกตัวจริง (1)

996 Words
ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว เป็กกี้ยังคงนอนจ้องชายหนุ่มที่เหยียดตัวตรงไม่ไหวติง เปลือกตาของเขาปิดสนิทและแอบเห็นการกระเพื่อมของแผ่นอก ที่พอเดาได้ว่าตอนนี้ลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ ลูวิสคงหลับไปแล้ว แต่เธอนี่สิยังตาใสแป๋วไม่ง่วงเลยสักนิด คงเป็นเพราะยังไม่ได้เวลานอนนี่ยังไม่สี่ทุ่มเลยด้วยซ้ำ “เอาไงต่อดีล่ะ” เป็กกี้ถามตัวเองเบาๆ เพราะกลัวจะเป็นการรบกวนเขา ลูวิสมานอนอยู่ตรงหน้าแบบนี้เธอจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือมันก็กระไรอยู่ ต้องทำอะไรเพื่อเป็นการรุกบ้าง ให้เขารู้ว่าเธอเอาจริงแล้วนะ หญิงสาวดวงหน้าหวานปานตุ๊กตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ขยับตัวที่ละนิด เข้าไปใกล้จนร่างกายชิดติดกัน เธอรวบรวมความกล้าแล้วตวัดวงแขนโอบรัดเขาเบาๆ นอนตัวเกร็งกั้นหายใจแบบไม่รู้ตัว ผ่านไปหลายวินาทีเมื่อเห็นว่าลูวิสยังคงนอนนิ่งอยู่ เลยเงยหน้าขึ้นมาหรี่ตามองเล็กน้อยเห็นเขายังคงหลับสนิท แต่ก็ยังไม่กล้าขยับอยู่ดีจนผ่านไปเกือบนาที แน่ชัดแล้วว่าลูวิสไม่รู้สึกตัว จึงเริ่มขยับและกอดเขาไว้แน่นขึ้น ร่างกายเขาอบอุ่นชะมัดเลย พอเริ่มผ่อนคลายก็ทำตัวสบายมากขึ้น นอกจากนอนกอดเขาแล้ว เธอยังเอาขาน้อยๆ ขึ้นเกยไว้บนต้นขาของเขา แล้วก็หลับลงอย่างสบาย ตอนนี้ลูวิสกลายเป็นหมอนข้างให้เธอกอดไปเสียแล้ว เป็กกี้รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว รู้สึกนอนสบายตลอดทั้งคืน เมื่อตื่นเต็มตามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นลูวิสอยู่บนเตียงแล้ว เธอเลยไปทำธุระส่วนตัวเพื่อลงไปจัดการเรื่องอาหารเช้า แอบเสียดายหน่อยๆ ที่เขาไม่คิดจะทำอะไรเธอเลย หรือว่าเธอไม่มีเสน่ห์...อยู่ๆ ก็เริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง ทั้งที่รูปร่างหน้าตาของเธอไม่เป็นสองรองใคร หรือว่าพี่ลูสของเธอจะเสื่อมสมรรถภาพไปแล้ว! ไม่นะ! คนในความคิดของเป็กกี้กำลังนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้ที่ปรับเอนลงในห้องทำงาน เขานอนไม่หลับตลอดทั้งคืนเพราะมีร่างกายนุ่มนิ่มบดเบียดเข้ามาไม่หยุด อันที่จริงเขายังไม่หลับและบอกตรงๆ ว่าหลับไม่ลงจริงๆ เป็กกี้คือสิ่งที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ก่อนหน้านี้เขารักษาท่าทีได้อยู่ นั่นเพราะเป็กกี้มีระยะห่างทำให้เขาหายใจหายคอได้สะดวก แต่ครั้งนี้ดูเหมือนสาวเจ้าจะเอาจริง และเขายอมรับว่าการรับมือแม่สาวตุ๊กตาเป็นเรื่องที่ยากมาก เขาลุกขึ้นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เลือกเข้ามานอนที่ห้องทำงาน เพื่อหลีกเลี่ยงความคิดฟุ้งซ่านที่วนเวียนอยู่เต็มหัว ลูวิสมีภารกิจที่ยังสะสางไม่สำเร็จ เขาไม่อยากดึงเป็กกี้เข้ามาพัวพันด้วย แค่นี้เธอก็เป็นห่วงเขาจะแย่แล้ว หากเผลอใจเกินเลยขึ้นมา ไม่รู้เป็กกี้จะเป็นห่วงเขามากขึ้นขนาดไหน และเขาเองก็คงเป็นห่วงเธอจนไม่เป็นอันทำอะไร การโตมาด้วยกันมันทำให้ลูสเอ็นดูและรักเป็กกี้แบบน้องสาว จนกระทั่งความรู้สึกของหญิงสาวเปลี่ยนไป เป็กกี้มองเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง และนั่นทำให้ลูสพยายามเอาตัวออกห่าง แต่ก็ไม่กล้าหักหาญน้ำใจเธอด้วยการทำเมินไม่สนใจ มันก็เลยคาราคาซังแบบนี้... “ไงพี่ชาย ถึงกับต้องหนีมานอนในนี้เลยเหรอ?” เซอร์เกรย์เปิดประตูเข้ามาในห้อง เดินผิวปากมาอย่างอารมณ์ดี เขาเห็นเป็กกี้เดินหาลูสจนทั่ว เลยตัดสินใจเข้ามาในห้องทำงานเพราะคิดว่าคงอยู่ในนี้ “มีอะไร” ลูสเอ่ยถามในขณะที่ยังหลับตาอยู่ “จะมาคุยเรื่องงาน แต่เอาไว้ก่อนก็ได้มั้ง ดูเหมือนพี่ชายจะนอนไม่พอ...” “ว่ามา” ลูสลืมตามองขึ้นอย่างไม่สบอารณ์ แววตาของเขาแข็งกร้าวหากเป็นคนอื่นคงกลัวจนหัวหด แต่นี่เป็นเซอร์เกรย์จึงจ้องกลับอย่างยียวน “มีรายงานผลประกอบการตอนนายไม่อยู่ ฉันดูแลให้อย่างดีอย่าลืมที่สัญญาไว้ล่ะ” “อืม” “เรื่องแขกที่จะมา ฉันให้เป็กกี้จัดการเรื่องห้องพักทางปีกตะวันตก แต่นายคิดดีแล้วเหรอ? เรื่องนี้อาจนำปัญหามาให้...” เซอร์เกรย์เป็นห่วงเรื่องที่พี่ชายตัดสินใจไปแล้ว มันไม่ใช่แค่เรื่องการค้าขายหรือเรื่องอันตรายแบบที่เคยเป็นมา แต่นี้มันเป็นเรื่องระหว่างประเทศ “อืม” “เฮ้ออ ให้ตายสิ มีพี่ชายพูดน้อยนี่มันน่าหงุดหงิดจริง จะอธิบายมากกว่านี้หน่อยไม่ได้ไง?” “ขี้เกียจพูด” เขาอธิบายไม่เก่ง เรื่องการพูดยืดยาวเขาไม่ถนัด “เมื่อไหร่นายจะเลิกเอาตัวเองไปเสี่ยงสักที” เซอร์เกรย์ก็เป็นห่วงพี่ชายไม่น้อยไปกว่าใคร ตัวเองเองดูแลธุรกิจสีขาวจึงมีศัตรูมากนัก ต่างกับพี่ชายของเขามีมีคนจ้องจะเอาชีวิตเต็มไปหมด “เมื่อถึงเวลา” เขาคงตอบได้แค่นี้ แต่เวลานั้นที่ว่าไม่รู้เมื่อไหร่จะมาถึงเหมือนกัน ในวัยเด็กลูวิสเห็นพ่อแม่ถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา พวกท่านพาเขาและน้องชายไปซ่อนไว้ในที่ปลอดภัยจึงรอดมาได้ เขาเกลียดพวกผู้ร้ายไม่ว่ามันหน้าไหนจะเป็นใครก็ตาม เข้าพร้อมจะช่วยเหลือผู้คนที่ถูกกระทำเหมือนเขา การทำงานขาวสะอาดมันยากจะต่อกร ฉะนั้นเขาเลือกเข้ามาค้าขายอาวุธสงคราม เพื่อส่งให้กับประเทศรวมถึงกองกำลังที่ถูกรุกราน เลือกที่จะก้าวขาเข้ามาแล้วมันก็ยากจะกลับสู่วิถีเดิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD