ตอนที่ 2 เมา

2176 Words
ตอนที่ 2 เมา คริสเตียน นักธุรกิจแห่งอิตาลี เพิ่งมาเปิดธุรกิจในไทยได้ไม่นาน เขาเป็นเจ้าของบริษัทผลิตเครื่องดื่ม ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น น้ำดื่ม ชา กาแฟ น้ำผลไม้ หรือแม้นแต่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ที่ทำเงินมหาศาลให้เขาในเวลานี้ แต่ที่อิตาลี เขาไม่ได้เปิดธุรกิจขายน้ำหรอกนะ แต่เขาผลิตอาวุธสงคราม และส่งออกนำเข้ารถหรู ทั้งถูกและผิดกฎหมายด้วย คริสเตียน มีลูกน้องคนสนิทหนึ่งคนชื่อเดล อายุ 30 ปี ทำงานกับคริสเตียนมาตั้งแต่ที่คริสเตียนรับภาระดูแลธุรกิจ ตั้งแต่บิดาเสียไป เขามีคฤหาสน์หรูหลังงามเพื่อใช้พักผ่อนในไทยหนึ่งหลัง เป็นที่พักอาศัย "ไอ้เดลเข้ามาหากูหน่อย" คริสเตียนเรียกลูกน้องคนสนิทเสียงเข้ม ที่จริงแล้วเดลไม่ใช่แค่ลูกน้อง แต่เดลเป็นมากกว่าลูกน้อง มาทำงานช่วยคริสเตียนตามที่บิดาสั่ง แต่เดลก็วางตัวดีให้เกียติคริสเตียนเสมอ ทั้งสองดูแลกันเหมือนพี่น้อง แต่คนภายนอกมองว่าเดลก็เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่งเท่านั้น เพราะเดลไม่ต้องการเปิดเผยสถานะนี้กับใคร "ครับนาย" เดลเข้ามาภายในห้องทำงานตามเสียงเรียกของเจ้านาย "เตรียมรถ วันนี้กูจะไปหาที่ดื่มสักหน่อย เบื่อๆ ว่ะ" ขณะนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว คริสเตียนจะใช้เวลาส่วนมากนั่งทำงาน ไม่ได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นสักเท่าไหร่ "ครับนาย" เดลทำงานเก่งและยังเก่งทั้งทางต่อสู้ เมื่อมีภัยเขายิงปืนแม่นพอๆ กับคริสเตียนเลยก็ว่าได้ อาชีพอย่างพวกเขา ก็ต้องมีฝีไม้ลายมือเรื่องการต่อสู้อยู่แล้ว เพราะคู่แข่งทางธุรกิจนั้นมีหลายรูปแบบ บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะเดินไปเหยียบเท้าใครเข้า ซึ่งอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้ คริสเตียนเลือกที่จะไปผับย่านกลางใจเมือง อยู่เมืองไทยเขาไม่ค่อยได้มาในที่แบบนี้บ่อยนัก เพราะธุรกิจที่มาเปิดใหม่ขณะนี้ยังไม่ค่อยลงตัวมากนัก ยังมีติดๆ ขัดๆ อยู่บ้าง คริสเตียนเป็นผู้ชายที่มีหน้าตาดี ใครเห็นใครก็มอง รูปร่างสูงโปร่งขาวหุ่นดีตามแบบคนยุโรป เสื้อผ้าหน้าผมเรียกได้ว่าเป็นคนที่เนี๊ยบมากคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เขาเดินเข้ามาภายในผับ ผู้คนหนาแน่น มีลูกน้องคนสนิทเดินตามมาพร้อมกับบอดี้การ์ดชุดดำอีกสองคน คริสเตียนเลือกที่จะขึ้นไปดื่มที่โซนวีไอพีชั้นบน เพราะพื้นที่ตรงนั้นค่อนข้างเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวายเหมือนด้านล่างที่เดินผ่านเข้ามา วันนี้เขาแค่อยากดื่ม พอหายเบื่อก็ว่าจะกลับ เขานั่งลงที่โซฟาขนาดใหญ่ รินเหล้าลงแก้วแล้วค่อยๆ จิบมันเบาๆ สายตามองลงไปชั้นล่าง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งหุ่นถูกใจเขามาก แต่วันนี้คริสเตียนไม่ได้มีอารมณ์อย่างว่า แค่อยากจะมาพักผ่อนเฉยๆ เลยเลือกที่จะไม่สนใจเธอคนนั้น ชีวิตของคริสเตียนมีแต่งานกับงาน จนบางครั้งเขาคิดว่าชีวิตนี้มันช่างน่าเบื่อเหลือเกิน ไม่รู้ว่าที่ต้องทำงานหนักทุกวันนี้เพื่ออะไรกันแน่ แต่อย่างว่าแหละ เขามีลูกน้องเป็นหมื่นที่จะต้องรับผิดชอบดูแล ถ้าเขาทิ้งไป แล้วครอบครัวข้างหลังของลูกน้องของเขาแต่ละคนจะอยู่กันอย่างไร นี่เลยเป็นสาเหตุที่คริสเตียนยังคงต้องทำงานหนักอย่างนี้ต่อไป ทำให้เขาต้องแบกรับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่อย่างนี้ต่อไป เขาเคยคิดอยากจะมีเมียสักคน เผื่อชีวิตจะได้มีอะไรที่มันมากกว่านี้บ้าง แต่...ไม่มีผู้หญิงคนไหนถูกใจเขาเลยสักคน เต็มที่ก็แค่ค้างคืน เสร็จแล้วก็ทางใครทางมัน แต่ทุกครั้งคริสเตียนจ่ายให้เธอๆ พวกนั้นไปไม่น้อย เขารินเหล้าใส่แก้วอีกครั้ง แล้วกระดกลงคอรวดเดียวจนหมด "เบื่อโว้ย!!" เขาตะโกนออกมาแบบนี้เป็นประจำ เพราะชีวิตของเขามันช่างไม่มีสีสันเอาซะเลย ทางด้านลิลิน เธอนัดกับเพื่อนเพื่อมาเลี้ยงฉลองกัน เรื่องที่เธอได้ที่ฝึกงานกันเป็นที่เรียบร้อย "อ้าวชนแก้ว" เสียงหนึ่งในกลุ่มดังขึ้น ชูแก้วในมือของใครของมันชนกัน "เคร้ง!!!" เสียงแก้วกระทบกัน ในแก้วมีแอลกอฮอล์ผสมบางๆ พอให้มีสีสีนสนุกๆ ตามประสาเด็กวัยรุ่น "ดื่มฉลองให้กับความยากลำบากของพวกเรา ในที่สุดก็ได้ที่ฝึกงานกันสักที" ลิลินพูดขึ้นเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงในผับ "ใช้แล้ว... แล้วฉันก็ได้ที่ฝึกงาน ที่เดียวกันกับแกด้วย" น้ำหวานเอ่ยขึ้นมาบ้าง พร้อมกับจิบน้ำในแก้วอย่างเอร็ดอร่อยเพราะมันมีน้ำผลไม้ผสมอยู่ ทำให้ดื่มง่ายแต่เมาเร็ว! "ถึงเราจะแยกย้ายกันไป แต่ยังไงพวกเราก็ต้องหาเวลามาเจอกันให้ได้อยู่ดี เอ้าชน!" ธีร์เอ่ยขึ้นมาบ้าง พวกเขาสี่คนถ้าอยู่ด้วยกันครบก็จะสนุกแบบนี้ แต่ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งไปก็จะเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ชีวิตของเด็กนักศึกษาก็จะสนุกประมาณนี้นั่นแหละ แต่อีกด้านหนึ่งของคนวัยทำงาน กำลังเบื่อกับชีวิตที่เกิดมาพร้อมกับเงินและความรับผิดชอบ ซึ่งเขาก็กำลังมองลงไปที่กลุ่มของนักศึกษาทั้งสี่คนนี้พอดี แล้วนึกในใจว่า น่าสนุกดีเนอะ! ตั้งแต่เขาเรียนจบและได้ทำงานเขาก็ไม่เคยได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นที่มีความสุขแบบนั้นอีกเลย "เคร้ง!!" ทั้งสามสาวและหนึ่งหนุ่มทั้งดื่มทั้งเต้นท่าทางสนุกและมีความสุข พวกเธอเรียนหนักกันมาก และแล้ววันนี้ก็มาถึง ถ้าฝึกงานครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี พวกเธอก็จะเรียนจบกันแล้ว "ลินๆ หนุ่มโต๊ะโน้นมองมึงอ่ะ" แตงโมบอกเพื่อน เมื่อเห็นหนุ่มหล่อส่งยิ้มมาให้ลิลินเพื่อนรัก "กูไม่ชอบ" ลิลินไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนเลย จนบางครั้งนึกอยากจะหันมาสนใจเพศเดียวกัน แต่มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี "มึงไม่อยากลองบ้างเหรอ" แตงโมถามเพื่อน แตงโมหมายถึงเรื่องอย่างว่านั่นแหละ "ลองอะไรวะ" ลิลินถามไปอย่างนั้น แต่ก็รู้ว่าเพื่อนหมายถึงเรื่องอะไร "ลองมีเซ็กซ์ไง มันดีนะถ้าได้ลองแล้วมึงจะติดใจ" ในกลุ่มเพื่อนของเธอ เหลือแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่เคย นอกนั้นไม่ต้องถาม... "พวกมึงจะบ้าหรือไง กูจะเก็บเอาไว้ให้กับคนที่กูรักโว้ย" ลิลินพูดเสียงดังใส่หน้าเพื่อน เพราะต้องตะโกนแข่งกับเสียงเพลงในผับ "แล้วมึงเจอคนๆ นั้นหรือยังล่ะ" น้ำหวานถาม มีหวังถ้าเพื่อนยังไม่สนใจใครอยู่แบบนี้ ตายไปเสียชาติเกิดแย่เลย "ยังว่ะ" ลิลินผู้ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา เธอยังไม่รู้สึกชอบใครเลยจริงๆ นี่น่า แถมพี่สาวของเธอก็ยังขอร้องเรื่องนี้ไว้ด้วย "มาตรฐานเพื่อนเรามันสูงมึงก็รู้" ธีร์คิดว่าเพื่อนคงมาตรฐานสูงมั้ง ถึงยังไม่เคยชอบใครสักที มีที่ไหนเกิดมาอายุยี่สิบกว่าแล้ว ยังไม่เคยมีแฟน ดูอย่างพวกเขาสินับไม่ไหว! "มีแต่คนห่วยๆ กูไม่ชอบ" ลิลินเห็นผู้ชายแต่ละคน มีดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ทุกคนก็ยังมีข้อเสียสำหรับเธอ ก็คนมันไม่ชอบมองยังไงก็ไม่ใช่อยู่ดี เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าสเปคของตัวเองจริงๆ เป็นยังไง "เอาที่เพื่อนสบายใจเลยคร๊าบ..." ธีร์ประชด ก็คงต้องแล้วแต่มันนั่นแหละ "เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ วันนี้ถ้าไม่เมาไม่เลิกโว้ย" ลิลินพูดจบเธอก็กระดกเหล้าลงคอรวดเดียวจนหมดแก้ว "เฮ๊ยๆ เบาๆ หน่อยเหล้านะโว้ยไม่ใช่น้ำเปล่า เดี๋ยวก็เมาไม่รู้เรื่องกันหรอก" แตงโมปรามแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก เดี๋ยวเมาเร็วก็หมดสนุกกันพอดี ก็เธอยังอยากสนุกต่อ ไม่เมาไม่กลับ! "วันนี้เต็มที่" ลิลินบอกแล้วชนแก้วกับเพื่อนอีกครั้ง "ยัยลินแกน่ะตัวดีเลย ดื่มเอาๆ ระวังจะเมาไม่รู้เรื่อง" น้ำหวานเตือนลิลินด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอรู้ว่าลิลินเมาแล้วจะเป็นยังไง อีกอย่างลิลินขับรถมาเองด้วย เดี๋ยวจะเป็นอันตรายได้ "วันนี้ฉันเต็มที่โว้ย...ยัยหวานชนๆ" ตอนนี้เธอกระดกเข้าไปหลายแก้วแล้ว หน้าเริ่มตึง ตาเริ่มแดงคงจะเริ่มเมาแล้วแน่ๆ ทุกคนก็ด้วย แต่ธีร์ยังพอได้อยู่ "เออๆ ชนก็ชน" แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่ไหวแล้ว แล้วทั้งหมดก็ชวนกันกลับ "ฉันกลับก่อนนะ รู้สึกไม่ไหวแล้วว่ะ เดี๋ยวแม่ด่า" น้ำหวานอยู่บ้านกับพ่อและแม่ ถึงเธอจะโตแล้ว พวกท่านก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี อีกอย่างน้ำหวานเป็นผู้หญิง และเธอก็ไม่อยากให้พ่อกับแม่ของเธอต้องเป็นห่วงด้วย เธอจะมีเวลากลับเข้าบ้าน ห้ามเกินเวลาก็ถือว่าใช้ได้ "แต่มึงมากับกูไม่ใช่เหรอ รอกลับพร้อมกันดิวะ" ก็ใช่! แต่น้ำหวานคิดว่าคงถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับแล้ว เธอนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้ เพราะดูแล้วเพื่อนๆ ยังอยากสนุกต่ออยู่เลย "ดูจากสภาพมึงแล้ว ไม่ได้ต่างอะไรกับกูเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ กูกลับแท็กซี่ดีกว่า" น้ำหวานก็เมา ธีร์ก็เมา แตงโมก็เมา ลิลินก็เมา ทุกคนเมากันหมด กลับแท็กซี่น่าจะปลอดภัยกว่า "กูกลับด้วยไม่ไหวเหมือนกันว่ะ" แตงโมเองก็รู้สึกไม่ไหวแล้วเหมือนกัน กลับพร้อมกับน้ำหวานเลยดีกว่า "เอาไงไอ้ลิน เพื่อนจะกลับกันหมดแล้วกูว่ากลับเถอะว่ะ" ธีร์ชวนเพราะถ้าเมามากกว่านี้อาจจะขับรถกลับไม่ไหวแน่ๆ "แล้วมึงขับรถไหวเหรอวะไอ้ธีร์" ลิลินรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกมึนๆ แต่เธอยังคิดว่าตัวเองยังไหวอยู่ "ไม่ไหวว่ะ คงต้องกลับแท็กซี่เหมือนไอ้สองคนมันนั่นแหละ" ธีร์รู้ว่าตัวเองคงขับรถไม่ไหวแน่ คงต้องยอมจอดรถทิ้งไว้ที่นี่เพื่อความปลอดภัยดีที่สุด "เฮ้ยแต่กูไหว" ลิลินเธอคิดว่าตัวเองยังไหวอยู่ แค่มึนหัวนิดหน่อยทำอะไรเธอไม่ได้หรอก นั่นเป็นความคิดของเธอตอนนี้ เพราะคนเมามักจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เมาเสมอ "มึงไม่ไหวไอ้ลิน" ทั้งสามคนผสานเสียงกัน ยังไงก็ไม่ยอมให้ลิลินขับรถกลับเองแน่ๆ ดูจากสภาพก็ไม่ได้ต่างไปจากกันเลย "โหพวกมึง กูเพิ่งจะเห็นพวกมึงสามัคคีกันก็วันนี้แหละ" ลิลินชี้นิ้วส่ายไปส่ายมาบ่งบอกว่าเธอเมาแล้ว ไหนจะน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็ไม่ปกติแน่ๆ "ไปเรียกแท็กซี่เถอะคนละคัน" แล้วทั้งสี่คนก็พากันเดินออกจากสถานบันเทิงแห่งนี้ เพื่อที่จะเดินออกไปเรียกแท็กซี่แล้วเดินทางกลับบ้าน "เฮ้ยเดี๋ยวกูมานะ ขอไปเอาของที่รถก่อน พวกมึงกลับกันไปก่อนได้เลย" ลิลินไปเอากระเป๋าเครื่องสำอาง ที่ในนั้นมีหูฟังไร้สายอยู่ เธอชอบดูละครย้อนหลัง หนังจีนกำลังภายใน แก้เบื่อเวลาว่างๆ เธอก็จะใส่หูฟังนี่แหละ ซึ่งเธอก็ขาดมันไม่ได้ซะด้วยสิ ไหนจะสายชาร์จแบตมือถืออีก ถ้าไม่มีแย่เลย "ไอ้ลินมึงห้ามขับรถกลับเองนะ พวกกูเป็นห่วง" ธีร์ย้ำกลัวว่าเพื่อนจะดื้อ แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จะเดินไปเป็นเพื่อนก็หนักหัวเหลือเกิน เลยปล่อยให้ลิลินเดินไปคนเดียว "เออๆ กูแค่จะไปเอากระเป๋าเครื่องสำอางเฉยๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกจากบ้านไม่ได้" ที่จริงลิลินไม่ได้สนใจเครื่องสำอางพวกนั้นสักเท่าไหร่หรอก ผิวหน้าของเธอดีมากอยู่แล้ว แล้วใบหน้าของเธอก็สวยหมดจดไม่ต้องแต่งหน้าก็ออกจากบ้านได้ "เออๆ งั้นพวกกูกลับก่อนนะ" ทั้งสามก็เมามากพอๆกัน ตัวใครตัวมันแล้วกัน ซึ่งรถแท็กซี่ก็มาจอดพอดี "บาย...เพื่อน" ลิลินเดินโซเซมาที่รถ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า กำลังมีเรื่องเกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วก็ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ด้วย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD