รอเพียงไม่ถึงครึ่งเค่อสวีเสียนก็นำตัวหลี่ซวงเจี้ยงมายังเรือนหลักของจวน ยามนี้มู่หรงเจี่ยนได้รออยู่ในห้องนอนแล้ว หลี่ซวงเจี้ยงไม่เคยเข้ามาในห้องนอนของเขามาก่อน พอเข้ามาก็เห็นเขานั่งนิ่ง สีหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงใช้สายตาจ้องนางเขม่น คนผู้นี้ถึงป่วยก็ไม่ยอมคลายความอำมหิตลงแม้แต่น้อย
กลิ่นหอมไม้จันทน์ในกล่องจุดกำยานโชยมาอ่อน ๆ ถึงจุดเพื่อคลายตึงเครียดและเมื่อยล้า เพียงแต่เมื่อเห็นนางเห็นแววตาอึมครึมจากดวงตาหงส์เรียวยาวของมู่หรงเจี่ยน หลี่ซวงเจี้ยงก็รู้แล้วว่ากลิ่นไม้จันทน์พวกนั้นไม่ได้ช่วยให้นางหายเครียดน้อยลงเลยสักนิด
นางรีบคุกเข่าก้มหน้าลงทันที
“แค้นใจหรือไม่ที่ข้ายังไม่ตาย” เสียงเขายังคงเรียบเฉยขัดกับแววตาและสีหน้าที่ส่อประกายเยาะเย้ยนาง
“ท่านอ๋อง ที่ใส่เหอเถาเป็นความผิดของข้าผู้เดียว ลวี่ซานกับ เถาอีไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย ขอท่านละเว้นพวกนางด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
หลี่ซวงเจี้ยงพูดอย่างสุขุมใจเย็นต่างกับในใจที่เต็มไปด้วยความกลัวว่ามู่หรงเจี่ยนจะพาลโมโหลงโทษคนที่ไม่มีความผิด
หากแต่มันกลับยิ่งเพิ่มอารมณ์โทสะให้มู่หรงเจี่ยนขึ้นไปอีก เพราะหลี่ซวงเจี้ยงเอ่ยปากคำแรกนางก็ไม่ถามถึงว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างกลับเอ่ยขอให้เขาละเว้นสาวใช้ของนาง มู่หรงเจี่ยนบีบคางเรียวงามของนางให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาพร้อมทั้งแค่นเสียงเย้ยหยัน
“ข้าจะสั่งลงโทษเป็นตายใครหาใช่กงการอะไรของเจ้า...สำคัญตัวเกินไปแล้ว ยามนี้เจ้าห่วงตัวเองว่าจะโดนโทษทัณฑ์อะไรก่อนเถอะ”
หลี่ซวงเจี้ยงทั้งตื่นกลัวว่าเขาจะลงโทษลวี่ซานกับเถาอีถึงตาย รวมทั้งเจ็บจากแรงที่เขาบีบคางนาง เห็นหลี่ซวงเจี้ยงคล้ายกำลังน้ำตาคลอมู่หรงเจี่ยนก็สะบัดมือจากคางนางด้วยสีหน้าไม่แยแส
“ให้คนไปโบยสาวใช้สองคนนั้นคนละสิบไม้”
มู่หรงเจี่ยนพูดเสียงดังสั่งสวีเสียนที่รออยู่ข้างนอก
หลี่ซวงเจี้ยงได้ยินเขารับสั่งแบบนั้น นางก็ถอนหายใจอย่าง โล่งใจราวกับปลดเปลื้องภาระบนบ่าลงได้ เพราะเขายอมละเว้นโทษหนักให้ทั้งลวี่ซานและเถาอี หลี่ซวงเจี้ยงรู้ว่าสาวใช้ทั้งสองเป็นวรยุทธ์อยู่บ้างโบยคนละสิบไม้นับว่ามู่หรงเจี่ยนยอมเมตตาจริง ๆ
“ขอบคุณท่านอ๋องมากเจ้าค่ะ ข้ายินว่ายามนี้ท่านอ๋องยังไม่กินข้าวกินยา เช่นนั้นให้ข้าปรนนิบัติท่านเถอะนะเจ้าคะ” นางรีบกล่าวขอบคุณเขาเมื่อคิดว่าอาการป่วยของเขาเกิดจากความประมาทเลินเล่อของนาง
หลี่ซวงเจี้ยงย่อมรู้ว่าควรปรนนิบัติเขาให้ดี เมื่อเห็นนางมีท่าทีระริกระรี้จะปรนนิบัติเขาแม้รู้ว่านางทำเพราะรู้สึกผิด แต่ในใจ มู่หรงเจี่ยนก็คลายความโกรธเคืองไปหลายส่วน
“อืม”
มู่หรงเจี่ยนตอบรับเสียงเบา หลี่ซวงเจี้ยงได้ยินดังนั้นก็รีบเดินไปบอกสวีกงกงให้คนยกสำรับเข้ามาทันที
อาหารหลี่ซวงเจี้ยงพบเจอในสำรับกลับมีเพียงโจ๊กไก่ฉีกกับยาหนึ่งถ้วยเท่านั้น หลี่ซวงเจี้ยงประคองถ้วยวางตรงหน้ามู่หรงเจี่ยน แต่แล้วโจ๊กถ้วยนั้นถูกวางไว้อยู่นานเขาก็ไม่ยอมยกช้อนขึ้นมากิน สักคำ
มู่หรงเจี่ยนได้แต่มองมันนิ่ง ๆ ราวกับเพียงมองแล้วจะทำให้เขาอิ่มทิพย์ได้อย่างไรอย่างนั้น หลี่ซวงเจี้ยงมองท่าทีของเขายามป่วยเขาช่างเหมือนกับยังเป็นองค์ชายน้อยแสนเอาแต่ใจไม่ยอมกินข้าวกินยา จึงอมยิ้มมองเขาแล้วพูดเสียงอ่อน
“หมอหลวงบอกว่ายามนี้ท่านอ๋องต้องกินอาหารอ่อน ๆ เท่านั้น ถึงแม้จะไม่น่ากิน แต่ท่านฝืนกินสักนิดเถิดนะเจ้าคะ”
หลี่ซวงเจี้ยงตักโจ๊กไก่ฉีกพอดีคำมาจ่อที่ริมฝีปากที่ยามนี้ดูไร้ สีเลือดของเขา
มองดวงหน้างามของนางที่ยามนี้มีแต่ความออดอ้อนและพยายามหลอกล่อเขาราวแมวน้อย ริมฝีปากแดง ๆ เอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวานฉอเลาะเขา มู่หรงเจี่ยนจ้องหน้านางอยู่นานในใจตอนนี้นอกจากความโกรธที่แทบจะเลือนหายไปจนหมดสิ้น ก็ยังมีความหวานล้ำเพิ่มขึ้นมาในจิตใจอีกด้วย
มู่หรงเจี่ยนได้แต่คิดในใจ เขาหาได้หลงกลนางไม่! ทว่าเขากลับยอมอ้าปากรับโจ๊กจากนางช้อนแล้วช้อนเล่าจนหมดเกลี้ยง เหลือเพียงยาถ้วยนั้นที่ไม่ว่าหลี่ซวงเจี้ยงจะหลอกล่อเขาด้วยวิธีการใดเขาก็ยืนกรานปฏิเสธท่าเดียว หลี่ซวงเจี้ยงจึงเป่ายาจนแน่ใจว่าหายร้อนแล้วจึงยื่นยาไปป้อนเขา มู่หรงเจี่ยนส่ายหน้าพรืดบอกนาง
“ขมไป”
แต่นางยังคงไม่ทิ้งความตั้งใจพยายามอีกครั้งด้วยการใส่น้ำตาลก้อนเล็กลงไปในช้อนยาแล้วจึงป้อนเขา มู่หรงเจี่ยนนิ่วหน้าถลึงตามองนางพร้อมบอกว่า “หวานไป”
แม้หลี่ซวงเจี้ยงจะเป็นคนใจเย็นมาตลอดยามนี้ก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้ บุรุษอกสามศอกเช่นเขายามทำเรื่องลามกนั้นคึกประดุจม้าศึก ยามนี้กลับอิดออดไม่ยอมดื่มยาถ้วยเล็ก ๆ นางถลึงตามองเขาอย่าง ดุร้าย หน้าของนางยามนี้ราวกับมีคำว่า 'ท่านคิดจะเอาอย่างไรกันแน่!' แปะเอาไว้บนหน้าผากงาม
ยามเห็นนางโกรธเคืองแล้วมู่หรงเจี่ยนก็อารมณ์ดีขึ้นมาจริง ๆ คล้ายกับว่าเขาได้ทำให้นางยอมเผยตัวตน นอกเหนือจากภาพลักษณ์สตรีนุ่มนวลที่ถูกวางเอาไว้
เพียงเขายั่วเย้าเพียงเล็กน้อยนางก็โมโหถึงกับถลึงตาใส่เขา คิดไปถึงตอนยามนางหกล้มในห้องน้ำก็ถลึงตาใส่เขาเช่นนี้
สาวน้อยคนนี้นับว่าเจ้าอารมณ์ไม่ใช่น้อย มู่หรงเจี่ยนนึกขบขันแต่ยังรักษาสีหน้าเฉยเมยไม่รู้สึกรู้สาราวกับตัวเองไร้ความผิดใดใด
มู่หรงเจี่ยนดึงถ้วยยาจากมือหลี่ซวงเจี้ยงมาถือไว้
“เจ้าเป็นคนทำให้ข้าต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้กลับคิดเพียงแต่จะให้ข้ากินเพียงยาขมนี่ ?”
หลี่ซวงเจี้ยงมองหน้าซีดขาวดูอิดโรยของเขา นางจึงได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เลือกที่จะอดทนต่อไปนางไม่ควรถือสาหาความกับคนป่วยเอาแต่ใจเช่นเขา
“แล้วท่านอ๋องอยากให้ข้าทำเช่นไรเจ้าคะ”
“ป้อน” เขาพูดตอบนางหน้านิ่ง ๆ
หลี่ซวงเจี้ยงขมวดคิ้วใช้สายตามองเขาอย่างทึมทื่อ นางใช้ช้อนจ่อถึงปากเขาขนาดนี้ นี่ยังไม่เรียกป้อนอีกหรือ!
มู่หรงเจี่ยนรู้ว่านางยังคงคิดตามไม่ทันตน เขาใช้นิ้วลูบวนไปมาที่ปากน้อย ๆ ดั่งกลีบดอกอิงฮวาของนางอย่างอ้อยอิ่ง
หลี่ซวงเจี้ยงตัวแข็งค้างเบิกตากว้างมองมู่หรงเจี่ยนอย่างเหลือเชื่อวิธีกินยาเช่นนี้เขาก็คิดออกมาได้ แต่มู่หรงเจี่ยนย่อมไม่สนใจอาการเหล่านั้นของนาง ยังคงถามหลี่ซวงเจี้ยงต่อด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“เจ้าไม่อยากทำ ?”
หลี่ซวงเจี้ยงมองเขาถือถ้วยไว้อย่างเอนเอียงทำราวกับจะเทมันทิ้งเสียอย่างนั้น หากเขาเทมันทิ้งจริง จะเคี่ยวยาถ้วยใหม่ย่อมใช้เวลานาน
นางนับหนึ่งถึงสิบในใจแล้วขยับเข้าไปใกล้มู่หรงเจี่ยนจนชิดติดกับเขา
หลี่ซวงเจี้ยงสะกดจิตตัวเอง แค่ทำให้เขายอมกินยาให้หมดถ้วยเท่านั้นแล้ว นางก็จะได้รีบกลับเรือนไปนอนเสียที!
หลี่ซวงเจี้ยงแย่งถ้วยยาจากมือเขากลับคืนมา นางยกถ้วยขึ้นแล้วกรอกปากตนอมยาขมปร่าเอาไว้แล้วใช้แขนคล้องคอมู่หรงเจี่ยน
หากแต่ไม่ยอมสบตามองหน้ามองเพียงริมฝีบางบางเฉียบของ มู่หรงเจี่ยนที่เคยแดงสุขภาพดียามนี้กลับซีดขาว หลี่ซวงเจี้ยงจุมพิตลงไปเบา ๆ ราวกับแมลงปอแตะน้ำ
คราวนี้ได้ผลมู่หรงเจี่ยนยินยอมดื่มยาแต่โดยดี ลูกกระเดือกเขาเคลื่อนขึ้นลงอึกแล้วอึกเล่า เมื่อหลี่ซวงเจี้ยงแน่ใจว่าเขาดื่มจนหมดแล้วจึงถอนริมฝีปากออกมา หน้านางร้อนวูบวาบด้วยความอายใช้ผ้าซับที่มุมปากให้เขาเบา ๆ
ทว่าคนเช่นหรงเจี่ยนมีหรือจะยอมปล่อยนางไปอย่างง่ายดาย
เขากดศีรษะนางไว้แล้วประคองจูบอย่างร้อนแรงขบเม้มดูดดึงปากอิ่มของนางอย่างหยอกล้อ
ลิ้นร้อนที่ยามนี้มีรสชาติเฝื่อนขมจากการกินยายามนี้กวาดต้อนไปทั่วปากนางราวกับกำลังเฟ้นหาความหวานที่ซ่อนไว้ภายใน ลิ้นเขายังคงเกี่ยวตระหวัดลิ้นนางอยู่อย่างนั้น มือเขาอิ่มเคล้นสะโพกนางอย่างแรงเขาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงผละออกให้นางหายใจ
“เจ้า..กินอะไรมาไยรสชาติดีนัก.. ”
มู่หรงเจี่ยนครางฮึมฮัมในลำคอพร้อมกับซุกไซ้ซอกคอขาวของ หลี่ซวงเจี้ยง มีเนื้อกวางงามหวานล้ำมาประเคนให้เขาถึงที่ มีหรือที่คนอย่างมู่หรงเจี่ยนจะยอมปล่อยไปอย่างง่าย
มือเขาซุกซนอยู่ไม่สุกขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะสอดมือร้อนผ่านเสื้อชั้นนอก ค่อย ๆ เคล้นคลึงหน้าอก
ยามนี้นิ้วร้ายกลับสอดทะลุผ่านบังทรงบีบเฟ้นทรวงอกนุ่มที่ล้นมือใหญ่ของเขาอย่างเพลิดเพลิน ผิวนางช่างเย็นฉ่ำดุจหยก ขาวเนียนนุ่มราวเต้าหู้ นิ้วร้ายยังปัดป่ายยอดดอกบัวงามทั้งสองข้าง พร้อมกับใช้ปากบางเฉียบของเขาดูดเลียซอกคอนางอยู่
ด้วยความที่มู่หรงเจี่ยนยังก้มหน้าซุกอยู่ซอกคอนางจึงมองไม่เห็นว่าหลี่ซวงเจี้ยงถลึงตามองเขาทั้งยังลอบแอบด่าเขาอยู่ในใจ บุรุษชาติสุนัข ถึงกับเลียคอข้าจนเปียกไปหมดป่วยถึงปานนี้ยังมามัวคิดถึงเรื่องกามราคะอีกหรือ!
หลี่ซวงเจี้ยงกลัวว่าจะเขาเลยเถิดจนป่วยซ้ำไปอีกนางไม่อยากโดนตราหน้าว่าเป็นนางปีศาจที่ยั่วยวนเขาแม้กระทั่งยามป่วย จึงตัดสินใจผลักเขาออกอย่างแรง มู่หรงเจี่ยนดังเด็กโดนขัดใจมองหน้านางอย่างหงุดหงิดแต่ก็เตรียมพุ่งใส่นางอีกรอบ
“ท่านอ๋องยามนี้ ท่านป่วยอยู่ รอท่านกินยาจนหายดีแล้วค่อยให้ข้าปรนนิบัติท่านดีหรือไม่ หากท่านอ๋องป่วยหนักกว่าเดิมข้าคงจะปวดใจยิ่ง” เพื่อสยบบุรุษหื่นกามผู้นี้หลี่ซวงเจี้ยงกุมมือเขาแล้วใช้หน้าถูไถอย่างออดอ้อน มู่หรงเจี่ยนมุมปากกระตุกมองนางเสแสร้งอยู่ เขารู้ว่านางมีเจตนาจะหลีกเลี่ยงแต่ก็ไม่คิดจะเปิดโปงนางแต่อย่างใด เขาได้แต่ค่อนขอดในใจ ฮึนางมารน้อยจอมเจ้าเล่ห์
“คำพูดของเจ้าข้าจำไว้แล้ว” เขาตอบนางเสียงแหบพร่า
หลี่ซวงเจี้ยงโล่งใจดั่งฝ่าด่านเคราะห์ไปได้อีกครั้ง นางเรียกบ่าวรับใช้มายกสำรับออกไปแล้วจึงเตรียมตัวจะกลับเรือนบ้าง
มู่หรงเจี่ยนดึงมือนางไว้ราวกับรู้ตัวว่านางจะกลับไปยังเรือน เขาพูดเสียงแข็งบอกนาง “เจ้านอนที่นี่”
หลี่ซวงเจี้ยงชะงักหรือเขายังคิดจะสานต่อเรื่องเมื่อครู่อีก
“ท่านอ๋องไหนว่า.. ”
ยังไม่ทันให้นางพูดจบเขาก็อุ้มนางให้นอนลงบนเตียงด้านใน เห็นสีหน้านางเขาก็รู้ว่านางคิดอะไรสาวน้อยร้อยเล่ห์ผู้นี้คงกลัวว่าเขาจะทำอะไรนางอีก มู่หรงเจี่ยนจึงตอบกลับเสียงราบเรียบ
“วางใจเถอะ วันนี้ถึงข้ามีใจแต่ก็ไร้กำลัง”
ค่ำคืนนี้มู่หรงเจี่ยนจึงทำได้เพียงนอนกอดนางเท่านั้น หลี่- ซวงเจี้ยงเคยนอนกับเขามาแล้วครั้งหนึ่งแต่ยามนั้นก็โดนเขา เคี่ยวกรำจนสลบไปย่อมไม่รู้สึกอะไร
วันนี้โดนเขากอดแบบนี้นางย่อมนอนไม่หลับอีกครั้ง อวัยวะส่วนนั้นของเขายังแข็งเกร็งจากอารมณ์วาบหวามที่ค้างคาได้ทิ่มบั้นท้ายนางอยู่
หลี่ซวงเจี้ยงจึงขยับไปมาเพื่อหลบเลี่ยงและคลายอึดอัดจากอ้อมกอดของเขา หากแต่การกระทำเช่นนี้ของนางมันกลับกลายเป็นการถูไถให้ร่างกายทั้งสองคนเสียดสีกันมากยิ่งขึ้น...
“หลี่ซวงเจี้ยง หากเจ้ายังขยับอีก ก็ไม่ต้องนอนแล้ว”
มู่หรงเจี่ยนสั่นสะท้านสูดปากขบหูของนางแรง ๆ แล้วจึงกัดฟันบอก หลี่ซวงเจี้ยงได้ยินก็หลับตาปี๋ทันที
ด้านสวีกงกงเห็นถ้วยเปล่าสองถ้วย ท่านอ๋องทรงดื้อดึงตลอดยามป่วยถึงกับยอมกินข้าวกินยาจนหมด ใบหน้าอ้วนกลมก็แย้มยิ้มอย่างดีอกดีใจเขาส่ายหน้าจุปาก วีรบุรุษย่อมยากจะฝ่าด่านหญิงงามจริง ๆ