บทที่11ทุกเช้าค่ำ2/2

1395 Words
หลังประชุมท้องพระโรงตอนเช้าเสร็จมู่หรงเจี่ยนก็ตั้งใจว่าจะรีบกลับจวนเพื่อมากินข้าวกลางวันกับหลี่ซวงเจี้ยง แต่ถูกพี่ชายของเขามู่หรงผิงหรือฮ่องเต้ผิงหวานั้นเรียกตัวเอาไว้ ฮ่องเต้ผิงหวารอจนเหล่าขุนนางออกไปจากท้องพระโรงจนหมดจึงเรียกตัวมู่หรงเจี่ยนเอาไว้ “น้องเจ็ดเจ้าอยู่ก่อน” หรงเจี่ยนหยุดตัวไว้แล้วหันมองบุคคลที่อยู่บนบัลลังก์ “ฝ่าบาท มีเรื่องอะไรที่ต้องการรับสั่งกับกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ” มู่หรงผิงส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้ว “ไยต้องพูดจา ห่างเหินปานนั้น ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือไร..เจ้ายังเป็นน้องเจ็ด ส่วนข้าก็ยังเป็นพี่ใหญ่ของเจ้าเช่นเดิม” “กระหม่อมมิกล้า” มู่หรงเจี่ยนตอบเสียงราบเรียบ มู่หรงผิงรู้แล้วว่าโน้มน้าวมู่หรงเจี่ยนอย่างไรก็ไม่สำเร็จจึงเริ่มเข้าเรื่อง “เรื่องหลี่เหิงที่ให้เจ้าตัดสินใจว่าจะให้เขาอยู่หรือตาย เลือกได้แล้วหรือ” “กระหม่อมเห็นด้วยกับฎีกาของขุนนางที่ให้หลี่เหิงต้องโทษเนรเทศแทนการประหารพ่ะย่ะค่ะ” มู่หรงเจี่ยนพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเคยแต่เวลาเอ่ยชื่อหลี่เหิงแววตานั้นกลับแข็งกร้าว เยือกเย็น ฮ่องเต้ผิงหวาย่อมสังเกตได้ถึงอากัปกิริยาของน้องชายต่างมารดาผู้นี้ “ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้คนคุมขังหลี่เหิงไว้ที่คุกหลวงไว้ก่อน..เผื่อเจ้ามีอะไรอยากพูดกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเนรเทศออกจากฉางอัน” มู่หรงเจี่ยนน้อมตัวเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาท หากพระองค์ไม่มีเรื่องรับสั่งแล้วกระหม่อมขอตัว” มู่หรงผิงโบกมือแล้วพูดเสียงเนิบนาบ “ไปเถอะ” เขามองตามมู่หรงเจี่ยนจนสุดทาง แล้วขันทีคนสนิทของเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้น “ฝ่าบาท กระหม่อมเกรงว่าท่านอ๋องเจ็ดนับวันยิ่งฉายแววกระด้างกระเดื่องนะพ่ะย่ะค่ะ” มู่หรงผิงเองก็รู้ว่าแม้ฉากหน้ามู่หรงเจี่ยนจะมีท่าทีนอบน้อมต่อตนเพียงใด แต่แท้จริงแล้วมู่หรงเจี่ยนนั้นไม่คิดยำเกรงต่อฐานะฮ่องเต้ของตนแม้แต่น้อย บัลลังก์นี้เรียกได้ว่าถูกมู่หรงเจี่ยนเป็นคนประเคนมาถวาย หากตอนนั้นมู่หรงเจี่ยนมีสกุลฝั่งมารดาที่เรืองอำนาจและมีกำลังเช่นฝั่งมารดาของเขา...แผ่นดินต้าเย่ต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของมู่หรงเจี่ยนแน่แท้ ฮ่องเต้ผิงหวาตอบขันทีคนสนิทด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมแววตาดุดัน “ยามนี้ได้แต่ปล่อยเขาไปก่อน” เมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่ตัวเองชิงชังอย่างหลี่เหิงแล้วมู่หรงเจี่ยนย่อมไม่สบอารมณ์ จากที่ตนตั้งใจว่าจะกลับไปกินข้าวกลางวันกับ หลี่ซวงเจี้ยงก็เปลี่ยนจุดหมายปลายทาง เพื่อสงบอารมณ์ที่คุกรุ่นในใจตนมู่หรงเจี่ยนจึงเลือกไปตรวจตรากองทัพแทนก่อนที่จะไปพบหน้านาง เพราะคิดว่าหากตนกลับทั้งที่ยังมีอารมณ์โมโหอย่างนี้คนขี้ขลาดเช่นหลี่ซวงเจี้ยงคงได้กลัวเขามากกว่าเดิม ปกติยามที่มู่หรงเจี่ยนอยู่ที่กองบัญชาการกองทัพใหญ่ของต้าเย่ที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองเขามักจะทำงานล่วงเวลาตลอด บางวันถึงยาม ซวี เขาจึงยอมกลับจวนได้ แต่วันนี้หลังจากสงบสติอารมณ์ของตนได้แล้วอ๋องเจ็ดผู้นี้ก็กลับจวนตรงเวลานัก พอยามเซินเขาก็รีบควบม้าคู่ใจกลับจวนทันที กระทั่งรองแม่ทัพคนสนิทของมู่หรงเจี่ยนอย่าง เว่ยต้ง ยังต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงที่เห็นคนบ้างานอย่างท่านอ๋องกลับจวนตรงเวลา คิดในใจหรือท่านอ๋องของเขาจะโดนผีสางตนใดสิงเข้าแล้ว!? ปลายยามเซินเมื่อเห็นมู่หรงเจี่ยนกลับมาแล้วหลี่ซวงเจี้ยงก็รีบสั่งให้คนไปยกน้ำร้อนมาไว้ให้เขาอาบ นางมองเหงื่อที่หลั่งออกมาตรงขอบหน้าเล็กน้อยของมู่หรง-เจี่ยนแล้วก็บรรจงใช้ผ้าซับออกให้เขาเบา ๆ อย่างนุ่มนวลพร้อมทั้งถามเขาเสียงใส “เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เหนื่อย” มู่หรงเจี่ยนตอบประหยัดถ้อยคำเช่นเคยแล้วสูดดมกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัวของนางมันส่งกลิ่นหอมนุ่มนวลเจือด้วยความสะอาดทั้งยังช่วยปลอบประโลมจิตใจเขา มู่หรงเจี่ยนอยู่ในวังหลวงมานานย่อมได้กลิ่นเครื่องหอมจากสนมของอดีตฮ่องเต้และนางกำนัลหรือได้กลิ่นเครื่องหอมราคาถูกจากทหารใต้สังกัดยามออกจากหอคณิกา เขานึกรังเกียจกลิ่นหอมฉุนเหล่านั้นนักและนั่นจึงอีกหนึ่งสาเหตุที่ใบหน้าหล่อเหลาจะมักปรากฏรังสีอึมครึมเมื่อต้องชิดใกล้กับสตรีอื่น แต่นั้นก็ช่างแตกต่างกับยามที่อยู่กับหลี่ซวงเจี้ยง เขาชอบกลิ่นหอมอ่อน ๆ บริสุทธิ์จากนางนัก โดยเฉพาะยามตื่นนอนกลิ่นกายของหลี่ซวงเจี้ยงที่สูดดมกี่ครั้งเขาก็ไม่นึกเบื่อ หนำซ้ำยามที่ต้องฝืนใจลุกขึ้นจากหลี่ซวงเจี้ยงเขายังมีความคิดอันตรายถึงขนาดอยากหลอมรวมนางไปเป็นหนึ่งเดียวกับร่างตนไปเสียเลย... “หอม” มู่หรงเจี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้พูดออกมาเสียงงึมงำออกมาเพราะตอนนี้เขาดึงตัวหลี่ซวงเจี้ยงมานั่งบนตักแล้วโอบกอดนางไว้แนบอก พร้อมกับใช้ใบหน้าหล่อเหลาเหนือสามัญของตนถูไถกับใบหน้า หลี่ซวงเจี้ยง ก่อนจะขบแก้มอมชมพูของนางทั้งสองข้างด้วยความ มันเขี้ยว ฝังหน้าซุกดมเรือนร่างนางอยู่อย่างนั้นราวกับเสพติดไปแล้ว หลี่ซวงเจี้ยงซุกในอกเขาโดนเขาหยอกเอินจนนางท้อใจ นางสัมผัสได้ถึงฝ่ามือร้าย ๆ นั้นกำลังเคลื่อนไหวอย่างอันตราย จากที่ทำเพียงลูบหลังนางเบา ๆ กลับเริ่มเคลื่อนสาละวนมาทางด้านหน้าและกำลังสอดมือเย็นเข้าผ่านเสื้อตัวในนาง หลี่ซวงเจี้ยงคืนสติทันทีนางหยิกเอวเขาแรง ๆ ขมวดคิ้วตวัดตามองแล้วกล่าวเสียงแข็ง “ท่านอ๋องน้ำจะเย็นหมดแล้ว!!” “อือ..แล้วอยากอาบด้วยกันหรือไม่” มู่หรงเจี่ยนกระแอมเล็กน้อยก่อนจะกระซิบเสียงแหบแห้งในลำคอทั้งยังคงทำหน้าหนาเงยหน้าจากซอกคอหลี่ซวงเจี้ยงเลิกคิ้วมองนางทั้งถามกลับอย่างจริงจัง พร้อมกับใช้มือหนาบีบสะโพกนางเบา ๆ หลี่ซวงเจี้ยงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปถึงลำคอขาว จอมราคะผู้นี้ตะวันยังไม่ทันตกดินเสียด้วยซ้ำในหัวก็คิดแต่จะทำเรื่องสัปดนนั่นอีกแล้ว! และหากน้ำร้อนไม่พอบ่าวรับใช้ข้างนอกยังคงอยู่เพื่อรอเติมน้ำร้อนให้เขาอีกตั้งมากมาย มู่หรงเจี่ยนหน้าไม่อายก็ช่างเขาเถอะแต่นางอาย! “คนหน้าไม่อาย!” หลี่ซวงเจี้ยงเค้นเสียงใช้ผ้าฟาดเขาก่อนจะสะบัดตัวลุกจากตักเขาแล้วหนีไปข้างนอกทันที มู่หรงเจี่ยนมองตามนางก็เผลอหลุดหัวเราะดังลั่นคิดแต่ว่าได้ยามนางเขินอายจนโกรธเคืองช่างน่ารักนัก! ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของผู้เป็นนายที่ไม่เคยได้ยินมานานแม้กระทั่งบ่าวรับใช้ข้างนอกก็มองหลี่ซวงเจี้ยงอย่างหยอกล้อบรรยากาศจวนอ๋องยามนี้ปลอดโปร่งดีขึ้นเรื่อย ๆ การมีอยู่ของแม่นางน้อยทำให้เหล่าบ่าวรับใช้ทำงานอย่างโล่งใจไม่ต้องกลัวอ๋องเจ็ดบันดาลโทสะโดยไร้เหตุอีก สวีกงกงดั่งเห็นความอ่อนโยนที่แผ่ซ่านจากท่านอ๋องของเขาเหมือนยามที่ท่านอ๋องยังอยู่ในเยาว์วัยก่อนจะเกิดเหตุการณ์ร้ายที่ทำให้อ๋องเจ็ดเปลี่ยนไป เขาดีใจนักหวังเพียงว่าคุณหนูหลี่จะช่วยให้เจ้านายของเขากลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD