นางเริ่มตื่นตระหนกอีกครั้ง เมื่อคืนเขายังกินไม่อิ่มหรือไร ไหนว่ารังเกียจสภาพนางยามนี้นักหนา ตะวันโด่งเช่นนี้หากเขายัง ยืนกรานจะรังแกนางอยู่ นางก็คงไม่มีหน้าไปมองแม้กระทั่งบ่าวไพร่ในจวนแล้ว
หลี่ซวงเจี้ยงรีบตอบทันควัน “ท่านอ๋อง แต่ยามนี้สายแล้ว”
เห็นนางคิดไปไกลถึงเรื่องนั้น มู่หรงเจี่ยนก็หัวเราะเยาะออกมา
“จะไม่ทายาหรือ ตรงนั้นเจ้าไม่เจ็บหรือไร”
หลี่ซวงเจี้ยงหน้าเห่อร้อนทั้งยังแดงก่ำด้วยความอับอาย ยาตลับนี้ไว้ทา 'ตรงนั้น' ของนาง ส่วนเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรเพียงจะช่วยนางทายา 'ตรงนั้น' ก็เท่านั้น
เห็นนางยังชักช้าอยู่มู่หรงเจี่ยนจึงคว้าเอาตลับยาถลกกางเกงชั้นในตัวบางนางออก แม้หลี่ซวงเจี้ยงรู้ว่าเขาจะทำอะไรแต่ก็หุบขารีบถอยหลังหนีจนไปชิดกับผนัง
“ข้าทาเองได้เจ้าค่ะ” นางบอกเขาเสียงสั่น
“อ้าขาออก”
แต่มู่หรงเจี่ยนไม่สนใจเสียงปฏิเสธของหลี่ซวงเจี้ยงยังคงยืนกรานที่จะทายาให้นางอยู่
ด้วยกลัวว่าเขาจะโมโหจึงค่อย ๆ อ้าขาออกให้เขาดู หลี่ซวงเจี้ยงเบือนหน้าหนีอย่างอับอายคิดในใจ เขาช่างมีร้อยวิธีมาทำให้นางรู้สึกแย่ได้เสียจริง
มู่หรงเจี่ยงรุ้ว่านางหน้าบางจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขาก้มดู บุปผางามที่โดนเขาเสียดสีที่ตอนนี้บวมแดง ด้านข้างถลอกปอกเปิกอย่างน่าสงสารนิ้วยาวจึงค่อย ๆ บรรจงป้ายยาหอมอ่อน ๆ ลงไป
สัมผัสจากนิ้วร้ายทำนางสะดุ้ง แม้เมื่อคืนเขารังแกมันไม่ยั้งแรงจนนางร่ำไห้แต่ยามนี้เขากลับป้ายยาเย็น ๆ ลงกายสาวอย่างอ่อนโยน ไล้ทายาจากบนลงล่าง เขานวดเบามันเบา ๆ ราวกับต้องการให้นางผ่อนคลายอยู่ครู่ใหญ่
หลี่ซวงเจี้ยงหลับตาเผลอไผลกับสัมผัสของเขาจนต้องเสียงครวญครางออกมาไม่ขาดสายราวกับแมวน้อยแสนเกียจคร้าน
“อืออ..”
มู่หรงเจี่ยนฟังเสียงครางของนางก็ได้แต่ขบฟันข่มอารมณ์ วาบหวามมวนท้องไว้ คิดในใจ นางช่างเป็นนางมารน้อยจอมยั่วยวนจริง ๆ
“หากเจ้ายังไม่หยุดคราง ตรงนี้ของเจ้าคงต้องบวมกว่าเดิมแล้ว” เขาหยุดมือด้วยกลัวว่าจะอดกลั้นต่อไปไม่ไหวจึงได้แต่แค่นเสียงแหบพร่าเตือนนาง
พอได้ยินเสียงเตือนของเขาหลี่ซวงเจี้ยงก็คืนสติทันที นางรีบหุบขาถลกกางเกงขึ้น นั่งคุกเข่ารอคำสั่งจากเขาอย่างสำรวม มู่หรงเจี่ยนยื่นตลับยาอันใหญ่อีกอันมาให้นาง
“ส่วนอันนี้ไว้ทาเข่า” เขายกมุมปากยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยกำชับ
“ขอบคุณท่านอ๋องเจ้าค่ะ” หลี่ซวงเจี้ยงหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายรีบรับไว้พร้อมกล่าวขอบคุณเขา
“มากินข้าว” แม้อารมณ์สวาทจะปะทุเพราะนางยังบาดเจ็บจึงได้แต่เลือกข่มอาการร้อนรุ่มในร่างกายเอาไว้ก่อน
หลี่ซวงเจี้ยงจึงรีบไปยังโต๊ะกินข้าวอย่างกระตือรือร้น รอเขานั่งลงรอปรนนิบัติเขา ราวกับอนุภรรยาปรนนิบัตินายท่าน
มู่หรงเจี่ยนเหลือบมองก็แปลกใจเหตุใดนางยังไม่นั่งอีก
นางกุลีกุจอรินน้ำชาเตรียมคีบอาหารให้เขา เขาจึงเลิกคิ้วมองแล้วสั่งนาง
“นั่งลง”
“ไม่ดีกระมังเจ้าคะ ท่านอ๋องรับข้ามาเป็นสาวใช้ แล้วจะให้กินข้าวร่วมโต๊ะกับท่านอ๋องได้อย่างไรกัน”
คำพูดของหลี่ซวงเจี้ยงราวกับยกหินทุ่มใส่เท้าเขา ยามนี้นางเพิ่งมาตระหนักได้หรือ สาวใช้เรือนใดยามร่วมเตียงกัดไหล่นายท่านจนเลือดซิบ ไม่รวมถึงแผ่นหลังของเขายังโดนนางขูดเป็นทางยาว หากนางเป็นนางกำนัลในวังหลวงคงโดนลงโทษจนตายไปแล้ว
สาวใช้ที่ไหนกล้าถลึงตาโต้เถียงเจ้านาย ทั้งยังให้เจ้านายปรนนิบัติตรงทายาตรงนั้นอีก หลี่ซวงเจี้ยงช่างเป็นสาวใช้ที่รู้ความ เสียจริง
คิดแล้วมู่หรงเจี่ยนก็ใช้สายตาเยียบเย็นมองมาแล้วดึงนางลงมานั่งข้าง ๆ ตน พ่นถ้อยคำร้ายกาจด้วยเสียงเย็นชา
“เสนาบดีหลี่แม้จะโฉดชั่วแต่ช่างอบรมบุตรีได้ดีนัก คงเลี้ยงดูเจ้าไว้พร้อมปรนนิบัติผู้สูงศักดิ์กระมัง ข้าสั่งให้เจ้ากินก็ต้องกินไม่งั้นจะมีแรงไว้ปรนนิบัติข้าได้อย่างไร”
หลี่ซวงเจี้ยงฉงนใจนางไม่รู้นางทำสิ่งใดล่วงเกินเขาอีกกัน นางเพียงรู้สถานะตนแต่ต้องโดนเขาตอกกลับมาแบบนี้ก็อดหน้าชาไม่ได้ เขาพูดดูถูกนางราวกับนางเกิดมามีค่าแค่ให้บิดาใช้ไต่เต้าสู่อำนาจโดยให้นางเป็นนางบำเรอผู้สูงศักดิ์
เขาสั่งให้นางกินเพียงเพราะจะได้มีแรงรับมือกับเขาเท่านั้น ถึงจะมีแต่อาหารที่นางชอบแต่พอโดนถ้อยคำพวกนี้ตอกกลับนางก็แทบจะไม่รู้รส หลี่ซวงเจี้ยงฝืนใจกินเงียบ ๆ เพียงสองสามคำ ก็วางตะเกียบลง
“ข้าอิ่มแล้วเจ้าค่ะ.. ”
พอมู่หรงเจี่ยนนึกถึงเรือนร่างบอบบางของหลี่ซวงเจี้ยง เอวนางบางถึงขนาดที่เขากลัวว่ามันจะหักคามือเขาเข้าสักวัน ตอนอุ้มนางก็เบาหวิวเพียงนั้นเสนาบดีชั่วนั้นเลี้ยงเจ้ามาอย่างไรกัน
มู่หรงเจี่ยนขมวดคิ้ว
“กินเพียงเท่านี้ เจ้าจะไปมีแรงได้อย่างไร”
ด้วยกลัวว่าเขาจะมีโทสะนางจึงรีบกล่าวชี้แจง “ท่านอ๋องวางใจเถิด ข้าตอนนี้เป็นเพียงบ่าวรู้ตัวเองดี ของพวกนี้ล้ำค่านักไม่เหมาะกับข้าหรอก”
นางเอ่ยเว้นช่วงไปสักพัก ก็คิดถึงสถานะตัวเอง เขาไม่ควรเลี้ยงดูนางราวกับยังเป็นคุณหนูเสนาบดี นางจะได้ไม่มีความคิดเพ้อฝันถึงเรื่องในอดีตและอนาคตอีก
“หากท่านอ๋องกลัวข้าจะไม่มีแรงให้เพียงเซ่าปิ่งหยาบ ๆ กับซุปสักถ้วยก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
มู่หรงเจี่ยนทิ้งตะเกียบ ตบโต๊ะดังปังด้วยความโมโห นาง มารน้อยผู้นี้ เห็นนางเรียบร้อยดั่งสตรีในห้องหอพอเอ่ยปากก็เสียดแทงจนผู้อื่นไปไม่เป็น ในเมื่อนางรู้ตัวก็ดี เป็นเพียงบุตรีเสนาบดีกบฏมีอะไรให้เขาแยแสกัน!
บิดาปากคอเราะรายอย่างไร ตัวนางก็ได้รับการสืบทอดมา อย่างนั้น ช่างสมกับเป็นคุณหนูใหญ่สกุลหลี่โดยแท้ คิดได้ดังนั้น มู่หรงเจี่ยนจึงแค่นเสียงตอบนางอย่างเย็นชา
“เจ้าเจียมตัวก็ดีแล้ว อาหารพวกนี้ล้ำค่าอย่างที่เจ้าว่าจริง ถ้าอย่างนั้นก็จงกินให้หมด เบี้ยหวัดของสาวใช้อุ่นเตียงอย่างเจ้าทำงานทั้งชาติก็ไม่แน่ว่าจะใช้ไหว”
พูดจบเขาก็เดินอาด ๆ กระชากประตูออกไปทันที เสียงเปิดประดังดังจนบ่าวรับใช้ข้างนอกสะดุ้งมองอ๋องเจ็ดอย่างหวาดกลัว
“มองอะไร!”
บ่าวรับใช้รีบคุกเข่าโค้งศีรษะอย่างตกใจขวัญหาย พวกนางได้แต่ทอดถอนใจแม่นางน้อยเจ้าอย่ายั่วโทสะมัจจุราชหน้าหยกผู้นี้นักเลย