นางถือดีอย่างไรถึงกล้าคิดหนีหน้าเขา!? อีกทั้งยามเข้ามาหาก็เลือกยืนห่างเขาปานนั้น คิดว่าเขาจะกินนางหรือไร เขาพูดเสียงเข้มอย่างไม่สบอารมณ์
“มานี่”
เพราะมู่หรงเจี่ยนต้องลมเย็นเหล่าข้ารับใช้จึงเพิ่มจำนวนถ่านทำให้ห้องหนังสือเขาอุ่นสบายมาก ต่างจากอากาศข้างนอกนักเพียงแต่นางยังสวมเสื้อคลุมหนาจึงรู้สึกอบอ้าวอยู่บ้างรวมทั้งบรรยากาศตอนนี้บีบคั้นนางนักจึงไม่สะดวกถอดออก
“ถอดเสื้อคลุมออก”
มู่หรงเจี่ยนสังเกตเห็นเหงื่อออกมาตรงขมับเล็กน้อยของหลี่ซวงเจี้ยงจึงบอกนางถอดเสื้อคลุมออก
หลังจากถอดเสื้อคลุม หลี่ซวงเจี้ยงจึงพอหายใจคล่องแล้วบ้างหากแต่ฟังคำสั่งของเขาทำให้ใจนางเต้นระรัวอีกครั้งขยับเท้าน้อย ๆ ของตนออกห่างเขาไปอีกหนึ่งก้าว
มู่หรงเจี่ยนมองนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เห็นท่าทีระมัดระวังเกินเหตุของหลี่ซวงเจี้ยง ในใจตนก็นึกสนุกอยากหยอกเย้านางมากกว่าเดิมจึงสั่งนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ”
หลี่ซวงเจี้ยงเบิกตากว้างราวกับลูกตาของตนจะถลนออกมาให้ได้พร้อมสบตาคมกริบของมู่หรงเจี่ยนอย่างตกตะลึง แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรนางก็มองไม่เห็นวี่แววการล้อเล่นของเขาเลยสักนิด
“ไม่ดีกระมังเจ้าคะ นั่นโต๊ะทำงานของท่านอ๋อง... ”
หลี่ซวงเจี้ยงรีบปฏิเสธเขาอย่างรวดเร็ว พลางคิดว่าในหัวบุรุษผู้นี้คงมีแต่เรื่องต่ำช้าเหล่านั้นจนเผลอส่งสายตาดูแคลนเขาออกมา
“อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ”
พอได้เห็นสายตาเดียดฉันท์พร้อมทั้งถ้อยคำปฏิเสธจากหลี่- ซวงเจี้ยง น้ำเสียงของเขาจากเรียบเฉยเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างราวกับเป็นสัญญาณเตือนภัยอันตราย แม้ใจหลี่ซวงเจี้ยงจะก่นด่าเขาเป็นร้อยเป็นพันรอบแต่ตนก็ทำได้เพียงน้อมรับคำสั่งเขายกตัวขึ้นไปนั่งแต่โดยดี
ท่านั่งล่อแหลมของพวกเขายามนี้ หลี่ซวงเจี้ยงนั่งอยู่บนโต๊ะหนังสือราวกับตนนั้นเป็นดั่งตุ๊กตากระเบื้องเคลือบให้เขาเชยชม ส่วนมู่หรงเจี่ยนนั่งพิงพนักเก้าอี้เอนหลังสบาย ๆ
ช่างขัดกับสายตาคมกริบอันตรายคู่นั้นที่จดจ้องมองนางไปทั่วร่างยามนี้เขาเห็นเพียงเสื้อผ้าที่แนบไปกับลำตัวเห็นทรวดทรงอรชรเน่งน้อยของนาง ผิวกายขาวละเอียดที่บัดนี้เริ่มขึ้นสีชมพูระเรื่อด้วยความกระดากอาย
นั้นก็เพราะมู่หรงเจี่ยนมองนางราวกับต้องการมองให้ทะลุเข้าไปยังเสื้อผ้าเพื่อค้นหาสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างใน วันนี้หลี่ซวงเจี้ยงเกล้าผมขึ้นง่าย ๆ ยามไร้เสื้อคลุมบดบังจึงเห็นเพียงลำคอระหงขาวนวลที่ยามนี้รอยที่เขาตีตราไว้คืนนั้นได้จางหายไปเกือบหมดแล้ว
หลี่ซวงเจี้ยงพยายามเบือนหน้าหนี หากหลี่ซวงเจี้ยงไม่หวาดกลัวหรือไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวใช้ของเขา นางก็นึกอยากประทับฝ่ามือของตนลงบนใบหน้าหล่อเหลาของมู่หรงเจี่ยนสักฉาดสองฉาดแล้วถามเขาว่า
‘มองอะไรนักหนา หน้าข้าเหมือนมารดาท่านหรือไร!’
แต่นั่นเป็นเพียงแค่ความคิดของหลี่ซวงเจี้ยงเท่านั้นเพราะจอมเผด็จการผู้นี้ได้ใช้นิ้วเรียวยาวของตนเชยคางของหลี่ซวงเจี้ยงเอาไว้ทั้งยังลูบไล้มันไปมาราวกับต้องการบอกว่า เขาไม่แม้แต่ยินยอมให้นางสนใจอย่างอื่นนอกจากตัวเขา
ยามที่นางได้ประสานสายตากับดวงตาหงส์เรียวยาวของอ๋องเจ็ด หลี่ซวงเจี้ยงก็รู้สึกสั่นสะท้านตาเมล็ดซิ่งของนางฉายแววประหม่าแต่นางทำได้เพียงขบริมฝีปากดั่งผลอิงเถาจนตอนนี้มันกลับเริ่มแดงก่ำเสียยิ่งกว่าเดิม
เมื่อได้มองนางอยู่นานจนมู่หรงเจี่ยนในตอนนี้มีความคิดสกปรกในหัวนับหมื่นนับพันที่อยากจะทำให้ความขาวบริสุทธิ์ดั่งเซียนของนางแปดเปื้อนอีกครั้ง
ลำคอเขาพลันแห้งผากร้อนรุ่มไปทั่วร่างรีบกระชากนางจากโต๊ะมานั่งตักทันที หลี่ซวงเจี้ยงกรีดร้องมาด้วยความตกใจ
“ว้ายย”
นางอ้าปากค้างแต่ยังไม่ทันได้ปิดปากเขาก็ชิงจูบกลืนเสียงร้องของนางไปเสียแล้ว
มู่หรงเจี่ยนจูบนางอย่างดุดันไม่คิดที่จะปิดบังความปรารถนาของตนเลยสักนิด เขาดูดดึงกลีบปากนางอย่างแรงซ้ำ ๆ ลิ้นหนาไล่เกี่ยวต้อนตวัดลิ้นนางอย่างตะกละตะกลาม ใช้มือตรึงร่างหลี่ซวงเจี้ยงไว้ไม่ยอมให้นางหลีกหนีไปไหน
เขาไล่ต้อนจูบนางครั้งแล้วครั้งเล่าจนลิ้นนางชาเหน็บ มือคู่นั้นยังสาละวนไปทั่วท่อนบนของหลี่ซวงเจี้ยง อีกทั้งยังใช้มันบีบคั้นสะโพกนางอย่างแรงอยู่เนิ่นนานก่อนผละออก เพราะมือน้อย ๆ ของ หลี่ซวงเจี้ยงทุบประท้วงเขาอยู่ มู่หรงเจี่ยนมองตาฉ่ำน้ำของนางยามนี้มีแต่เขาความเขินอายแฝงอยู่นั้นพร้อมหอบหายใจอย่างแรง
“..เพียงเท่านี้ก็ทนไม่ได้แล้ว ?”
มู่หรงเจี่ยนพูดเสียงแหบพร่างึมงำพร้อมทั้งไล้จูบแก้มนวลใสใช้สันจมูกถูไถไปทั่วหน้าขาวแดงระเรื่อสูดดมกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของนางจากซอกคองามอย่างหลงใหล
มุมปากนางยามนี้มีน้ำหวานใสไหลย้อยออกมา กลีบปากแดงเล็กแวววาวงดงาม ผมเผ้านางยุ่งเหยิงหลุดลุ่ยดูยั่วยวนนักทำ มู่หรงเจี่ยนนั้นอดใจไม่ไหวต้องก้มลงดูดกลืนมันอีกครา
มู่หรงเจี่ยนลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง เขาเริ่มหอบหายใจถี่รัดตัวนางแน่นขึ้นเรื่อย ๆ บดเบียดเข้าหาหลี่ซวงเจี้ยงราวกับต้องการหลอมรวมกายนางให้แนบแน่นไปกับเขา เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันดังสวบสาบ หน้าอกอิ่มนางแนบกับอกแกร่งเขาอย่างไร้ช่องว่าง ปากยังระดมจูบแต่มือกลับเขานวดเฟ้นทรวงอกคู่นั้นไปมา
ช่วงเวลานั้นหลี่ซวงเจี้ยงสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไปในตัวเขา ตรงนั้นของมู่หรงเจี่ยนที่เคยทำให้นางร่ำไห้ทั้งคืนยามนี้มันตั้งแข็งราวเหล็กกล้า นางรีบผละออกอย่างตกใจหากมือร้ายของเขาไม่ยอมปล่อยเขากดสะโพกอิ่มนางไว้จนกายสาวเสียดสีกับส่วนนั้นของเขาหนำซ้ำยังกุมสะโพกนางถูไถอย่างเอาแต่ใจ
“อืออ..” เขาครางต่ำออกมาอย่างสุขสม มู่หรงเจี่ยนกำลังปลดสายคาดเอวนางออกก็ยินเสียงหวานของนางเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ
“ท่านอ๋องน้ำแกงจะหายร้อนแล้ว..ให้ข้าป้อนท่านก่อนดีหรือไม่”
หลี่ซวงเจี้ยงยังจำความเจ็บปวดคืนนั้นไม่ลืม จึงพยายามคิดหาอะไรเพื่อมาถ่วงเวลาเขาไว้ เมื่อโดนขัดอารมณ์วาบหวามมู่หรงเจี่ยนย่อมรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาย่อมรู้ทันหลี่ซวงเจี้ยงเพียงแต่ไม่คิดจะเปิดโปงนางก็เท่านั้น มู่หรงเจี่ยนนึกสนุกราวกับว่าสัญชาตญาณนักล่าของตนถูกปลุกขึ้น เขาอยากรู้นักลูกกวางน้อยตัวนี้จะถ่วงเวลาไปได้นานแค่ไหน
“เอาสิ น้ำแกงอะไร” เขาเลิกคิ้วมองนางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“น้ำแกงตะพาบเจ้าค่ะ” หลี่ซวงเจี้ยงตอบอย่างนอบน้อม
ได้ฟังดังนั้นมุมปากมู่หรงเจี่ยนถึงกับกระตุก ขนาดถวายน้ำแกงนางยังไม่ลืมแว้งมาจิกกัดเขา ผู้ใดเล่าจะไม่รู้ว่าตะพาบสื่อถึงคนลามก
ในเมื่อนางกล้าด่า เขาก็จะทำให้นางรู้ว่ายามเขากลายเป็นตะพาบนั้นเป็นอย่างไร
เขาอ้าปากรับช้อนน้ำแกงที่หลี่ซวงเจี้ยงป้อนมาช้อนแล้วช้อนเล่า แต่ตาเรียวหงส์ยังคงจ้องหน้านางอย่างไม่ละสายตา เขากินจนหมด รสชาติดียิ่ง คิดไม่ถึงว่านางมารน้อยจะมีฝีมือในการปรุงอาหารถึงเพียงนี้
มู่หรงเจี่ยนกำลังคิดสานต่อเรื่องที่ค้างคาต่อให้จบ แต่รู้สึกถึงความชาในปากลามไปถึงลำคอ ทั้งยังเริ่มรู้สึกแน่นอกแม้แต่ลมหายใจก็เริ่มติดขัด
ดวงตาคมกริบตวัดมองนางอย่างมาดร้าย เขาเค้นเสียงจากลำคอแห้งผาก “เจ้าใส่อะไรลงไป! ”
“ทะ ท่านอ๋อง ข้าปรุงปกติ เพียงแต่ใส่เหอเถาบดเข้าไปเท่านั้น”
หลี่ซวงเจี้ยงเห็นอาการเขาก็ตื่นตระหนก นางมือไม้สั่นไปหมด รีบลนลานตอบเขา
ยามได้ยินว่านางใส่ เหอเถา เขากำแขนนางแน่น หลี่ซวงเจี้ยงเจ็บจนหลั่งน้ำตาออกมา
“ออกไป!” มู่หรงเจี่ยนตะคอกนางเสียงดัง ยามนี้เพราะเขาหายใจไม่ออกจนต้องกุมหน้าอกไว้ มือเขาเริ่มบีบต้นแขนอ่อนนุ่มของนางแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ ท่านสูดหายใจเข้าลึก ๆ”
หลี่ซวงเจี้ยงกระวนกระวายเห็นเขานิ่วหน้าอย่างเจ็บปวดก็รีบลูบหลังเขา มู่หรงเจี่ยนสะบัดมือหลี่ซวงเจี้ยงออกจากตัวจนแขนนางชนกับขอบโต๊ะอย่างแรง
“ข้าบอกให้ออกไป!” เขาตะเบ็งเสียงดังอีกแล้วเขาก็ขว้างถ้วยน้ำแกงดังเพล้งแตกละเอียด เห็นมู่หรงเจี่ยนโมโหแล้ว หลี่ซวงเจี้ยง ตกอกตกใจจนขวัญสั่นรีบออกไปตามคำที่เขาสั่งทันที
ด้านสวีกงกงที่อยู่ด้านนอกนั้นได้ยินเสียงขว้างของเสียงถ้วยแตกดังขึ้นจากห้องหนังสือของผู้เป็นนายไม่ทันที่ตนจะได้เอ่ยถามก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เมื่อหลี่ซวงเจี้ยงออกมาอย่างลนลาน เขาก็รีบเข้าไปดูผู้เป็นนายทันที
“สวีเสียน ไปตามหมอหลวงเดี๋ยวนี้!”
สวีกงกงเห็นสภาพท่านอ๋องยามนี้ สวีกงกงก็รีบตะโกนเรียกองครักษ์ลับด้วยเสียงสั่นเครือ
“คุณหนูหลี่ส่วนท่านกลับไปรอที่เรือนเถิด”
สวีกงกงตวัดตามองหลี่ซวงเจี้ยงอย่างดุดัน แม้เขาจะยังพูดกับ หลี่ซวงเจี้ยงด้วยคำสุภาพแต่ตอนนี้สีหน้าและแววตาสวีกงกงตอนนี้ไม่มีร่องรอยความอ่อนโยนอีกต่อไป