บทที่1คุณหนูใหญ่สกุลหลี่

1836 Words
ชีวิตในทุก ๆ วันของคุณหนูใหญ่แห่งจวนอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย ‘หลี่ซวงเจี้ยง’ ไม่ว่าเยื้องย่างไปที่ใดย่อมมีเหล่าสาวใช้คอยพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจอยู่เสมอ ตั้งแต่เล็กจนโตนอกจากถูกอบรมให้เป็นสตรีต้นแบบในห้องหออย่างเข้มงวดแล้ว ตัวนางไม่เคยเหลือขาดสิ่งใดแต่มีเพียงสิ่งเดียวที่หลี่ซวงเจี้ยงยังไม่เคยได้สัมผัสคือการเป็นอิสระ ทุกการกระทำของนางถูกควบคุมโดยบิดาเพราะเป็นถึงเสาหลักของราชสำนักแคว้นต้าเย่ หลี่เหิง ผู้เป็นบิดาของนางจึงเป็นคนเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง ทั้งยังมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจพลอยควบคุมชีวิตบุตรีผู้เดียวของตนทุกฝีก้าว ตั้งแต่จำความได้จนอายุสิบห้าปี หลี่ซวงเจี้ยงก็ไม่เคยร่วมในงานสังคมและงานเลี้ยงชนชั้นสูงของแคว้นต้าเย่เลยสักครั้ง มีเพียงสองสถานที่ที่หลี่ซวงเจี้ยงเคยไปเยือนคือจวนสกุลหลี่อีกหลังแถบชานเมือง ในยามที่นางยังเยาว์วัย ส่วนอีกแห่งคือตอนที่นางต้องไปอยู่ดูแลท่านย่าที่กว่างหลิง เมื่อสองปีก่อน ซึ่งการทำเช่นนี้ช่างผิดแผกไปจากธรรมเนียมที่เหล่าขุนนางใหญ่ที่จะต้องพาบุตรีของตนมาผูกสัมพันธ์กับสกุลขุนนางสกุลอื่นและราชวงศ์ชนชั้นสูง ผู้คนในเมืองฉางอันต่างคาดเดาว่าคงเป็นเพราะหลี่เหิงรักใคร่กับเฟยเซียงหรือหลี่ฮูหยินมารดาของนางมาก จึงหวงบุตรีดั่งแก้วตาดวงใจจนไม่ยอมให้พบปะกับผู้คนภายนอกจนกว่าหลี่ซวงเจี้ยงจะถึงวัยออกเรือน เฟยเซียงเป็นสาวงามที่มีชะตาอาภัพเมื่อนางคลอดบุตรีคนแรก ก็สิ้นใจจากไปในวันซวงเจี้ยงจึงทิ้งไว้เพียงหลี่ซวงเจี้ยงบุตรีของเสนาบดีฝ่ายซ้ายผู้นี้ แต่มีเพียงตัวหลี่ซวงเจี้ยงที่รู้ดีกว่าใครว่าเหตุใดบิดาจึงทำเช่นนี้ นับว่าคนภายนอกเดาถูกเพียงส่วนหนึ่ง บิดารักมารดานางสลักจิต มารดานางเป็นสาวงามแห่งดินแดนแถบเจียงหนาน เฟยเซียงมีชื่อเสียงเลื่องลือในความงาม ถึงกับมีบุรุษสูงศักดิ์ในเจียงหนานและรวมถึงในเมืองหลวงอย่างฉางอันมาส่งเทียบสู่ขอนางจนต้องปิดประตูจวนหนี เมื่อมารดางดงามถึงเพียงนี้บุตรีเช่นหลี่ซวงเจี้ยงย่อมได้รับการถ่ายทอดความงามเหล่านั้นมาด้วย นี่นับว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่บิดาไม่ยอมให้นางออกจากจวนไปพบปะผู้คนข้างนอก เพราะมีรูปโฉมพิลาสเหนือผู้ใด นางจึงต้องกลายเป็นเบี้ยหมากของบิดาเพื่อกรุยทางสู่อำนาจ ยามหลี่เหิงบิดาของหลี่ซวงเจี้ยงอารมณ์ดีเขาจะลูบผมดำขลับงามสลวยแล้วพูดกรอกหูนางตั้งแต่ยังเล็กว่า ‘อาเจี้ยงเด็กดีมีชะตาหงส์ เจ้าจะต้องได้เป็นมารดาแผ่นดิน ต้าเย่’ เพื่อบรรลุเป้าหมายของตนหลี่เหิงจึงเลือกสรรหาเหล่าอาจารย์หญิง ทุกศาสตร์เพื่ออบรมบุตรี ทั้งวิชาพิณ เดินหมาก คัดอักษร วาดภาพ เย็บปัก กิริยามารยาทสตรีชั้นสูงและหลักจรรยาหญิงทั้งสามเชื่อฟังสี่คุณธรรม นางล้วนไม่ขาดตกบกพร่อง แม้กระทั่งการเดิน นั่ง กิน นอนของหลี่ซวงเจี้ยงยังต้องเป็นไปตามกรอบที่หลี่เหิงได้วาดไว้ วันนี้หลี่ซวงเจี้ยงถูกบิดาเรียกเข้าพบที่ห้องหนังสือ หลี่ซวงเจี้ยงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ไล่ความประหม่าเพราะนางรู้ดีว่าตนเองต้องพบเจอกับอะไรดั่งเช่นที่ผ่านมา หากแต่นางนั้นไม่เคยคุ้นชินเลยสักครา ลำตัวนางตั้งตรง ไหล่บางเกร็งเล็กน้อย ก่อนจะสงบจิตใจควบคุมน้ำเสียงของตนเองไม่ให้สั่นไหว “ท่านพ่อ ลูกมาแล้วเจ้าค่ะ” หลี่ซวงเจี้ยงเอ่ย “เข้ามา” เสียงขานรับเคร่งขรึมของชายวัยกลางคนดังขึ้น หลี่ซวงเจี้ยงเปิดประตูเข้าไปแล้วย่อตัวคารวะบิดาของตน ไม่ต้องรอให้นางเอ่ยเปิดถามว่าบิดาเรียกนางมาด้วยเหตุใดหลี่เหิงก็ชิงพูดขึ้นก่อน “ได้ยินจากอาจารย์ว่าวันนี้เจ้าเดินหมากแพ้ไปหนึ่งกระดาน” “เจ้าค่ะ เป็นลูกเองที่มองได้ไม่รอบคอบขอท่านพ่อโปรดลงโทษ” หลี่ซวงเจี้ยงตอบเสียงเบาหวิวแล้วก้มหน้า ตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งที่นางได้เรียนรู้ยามอยู่ต่อหน้าบิดาคือ หากมีเรื่องใดที่ตนทำพลาดต้องรีบรับผิดทันที นางไม่อาจโต้เถียงหรือแสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับเขา ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเพิ่มความลำบากให้กับตนไปอีก “การเดินหมากพลาด ไม่เพียงแพ้แค่ในกระดาน แต่วางหมากนั้นเป็นดั่งการวางกลยุทธ์ ข้าคาดหวังให้เจ้าเป็นฮองเฮา วังหลวง เป็นที่เช่นใดผู้คนในนั้นต่างเพียบพร้อมไปด้วยกลอุบาย หากไม่คิด ตริตรองให้รอบคอบ ไม่เพียงชีวิตเจ้าจบสิ้น แต่ชีวิตทุกคนในสกุลหลี่ล้วนติดร่างแหไปด้วย ผลที่ตามมาเช่นนี้ตัวเจ้ารับไหวหรือ!” หลี่เหิงพูดเสียงเหี้ยมกดดันนาง หลี่ซวงเจี้ยงลอบมองหน้าบิดา วันนี้เขาไม่ฉุนเฉียวดั่งที่เคยแต่กลับนิ่งสงบ แววตาแฝงไปด้วยความกังวลแปลกประหลาด แต่นั่นกลับทำให้นางกังวลมากกว่าเดิมเสียอีก หลี่ซวงเจี้ยงรีบคุกเข่าลงแล้วกล่าวรับผิด “ตัวลูกโง่เขลา ขอท่านพ่อลงโทษด้วยเจ้าค่ะ” “ช่างเถอะ กลับไปเดินหมากคนเดียวต่ออีกสองชั่วยาม” “ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ” หลี่ซวงเจี้ยงพูดอย่างโล่งใจแล้วลุกขึ้น เพียงฝึกต่ออีกสองชั่วยามนับว่าบิดาใจดีกับนางแล้ว หลี่ซวงเจี้ยงกำลังหันกลับไปแต่ก็โดนบิดาเรียกตัวไว้ก่อน “ซวงเจี้ยง เจ้าปิดบังอะไรข้าอยู่หรือ” ด้วยมั่นใจว่าบิดาไม่มีทางรู้หลี่ซวงเจี้ยงจึงสบตาเขาอย่างจริงใจ แล้วยิ้มสดใสก่อนกล่าวตอบอย่างกลบเกลื่อน “ท่านพ่อล้อเล่นแล้ว ข้าจะกล้าปิดบังท่านพ่อได้อย่างไรกัน เจ้าคะ” หลี่เหิงแค่นยิ้มแล้วก้มลงหยิบบางอย่างขึ้นวางบนโต๊ะ ของ สิ่งนั้นหาใช่สิ่งที่ใช้สำหรับการลงโทษ..แต่เป็นโถแก้วบรรจุผลไม้เชื่อม หากแต่หลี่ซวงเจี้ยงมองมันแล้วก็ต้องตกใจจนดวงหน้างามเริ่ม ซีดเผือด “แล้วเจ้าว่าเหตุใดผลไม้เชื่อมถึงไม่เต็มโถดังเดิมเล่า” หลี่ซวงเจี้ยงไม่รู้ว่าทำไมบิดาถึงรู้เรื่องนี้ได้ นางตัวสั่นด้วยความตื่นกลัวไม่ตอบอะไรไป “ข้าบอกเจ้าไม่ใช่หรือของพวกนี้เจ้าไม่อาจกิน เวลานี้ทำได้เพียงแค่มองมันเท่านั้น” เพื่อรักษารูปร่างสะโอดสะอง เอวคอดกิ่วดั่งจะลอยไปตามลม แม้กระทั่งการกินของนางยังถูกบิดากวดขันอย่างเคร่งครัด นางไม่อาจกินของหวานหรืออาหารเช่นคนทั่วไปได้ มื้อหลักของนางล้วนเต็มไปด้วยผัก ส่วนใหญ่จะเป็นโจ๊กฟักเขียว สลับโจ๊กธัญพืช เนื้อสัตว์มีเพียงเล็กน้อย น้ำมันและซีอิ๊วดำไม่อาจปนอยู่ในอาหารของนางเด็ดขาด หลี่ซวงเจี้ยงเคยอิจฉาแม้กระทั่งบ่าวไพร่ยามเห็นพวกเขากินหมั่นโถว นางจะมีโอกาสได้ลองกินอาหารดี ๆ ดังเช่นคนทั่วไปก็เป็นยามที่ได้รับคำชมจากอาจารย์ และนั่นก็เป็นสาเหตุให้หลี่ซวงเจี้ยงต้องฝึกฝนตนเองอย่างหนักเพียงเพื่อได้ลิ้มลองอาหารเช่นคนปกติ สักครั้ง ทว่าในตอนนี้หลี่ซวงเจี้ยงก็ได้รู้แล้วว่าเหตุใดบิดาของนางจึงรู้เรื่องนี้ นางยิ้มขื่นเมื่อมองเห็นคนผู้หนึ่ง ที่แท้เป็นสาวใช้คนสนิทตนนำความมาบอกนั่นเอง อีกทั้งสาวใช้ผู้นั้นของนางยังนั่งก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ บิดา “โง่เง่า! ข้าบอกเจ้าแล้วไม่หรือว่าเจ้าไม่อาจสนิทสนมกับพวกบ่าวไพร่และไม่ควรไว้วางใจผู้ใด” บิดาตะคอกพร้อมทั้งมองนางตาเขม็ง บิดาจะเปลี่ยนสาวใช้ข้างกายนางทุก ๆ สามเดือนเพื่อป้องกันไม่ให้นางผูกพันและสนิทสนมกับสาวใช้เกินควร หลี่ซวงเจี้ยงเชื่อฟังคำเขามาตลอดแต่สาวใช้ผู้นี้ชื่อเสี่ยวเมี่ยวเป็นข้อยกเว้น เสี่ยวเมี่ยวถูกซื้อตัวมาจากเมืองนอกด่านจึงได้พบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตาและพบเรื่องแปลกใหม่อยู่เป็นประจำ หลี่ซวงเจี้ยงจึงชอบฟังเรื่องราวที่นางเล่า อีกทั้งเสี่ยวเมี่ยวก็เป็นเพียงผู้เดียวที่มักจะแอบนำของกินมาให้นาง หลี่ซวงเจี้ยงรู้ว่าเสี่ยวเมี่ยวมีชะตาอาภัพบิดามารดาล้วนตายตกไปแล้ว นางจึงมักจะต้องนำเครื่องประดับตนตกรางวัลเสี่ยวเมี่ยวอยู่เสมอ เพราะผูกพันยามนั้นอาจารย์สอนดีดพิณกล่าวชมนางต่อหน้าบิดาเขาย่อมตกรางวัลให้ แต่หลี่ซวงเจี้ยงกลับขอเพียงให้เสี่ยวเมี่ยวเป็นสาวใช้ของนางต่อไป “ล้วงคอนางออกมา” หลี่เหิงพูดเสียงเย็นชา หลี่ซวงเจี้ยงถูกสาวใช้คุมตัวเอาไว้ นางไม่ดิ้นรนใดใด ยอมให้เหล่าสาวใช้ล้วงคอตามคำสั่งบิดาแต่โดยดี นางอาเจียนครั้งแล้วครั้งเล่าจนรู้สึกว่ายามนี้ในท้องของตนไม่มีแม้แต่โจ๊กฟักเขียวที่กินเข้าไปเมื่อเช้า หลี่ซวงเจี้ยงมองบิดาด้วยสายตาวิงวอนหากแต่บิดากลับเมินเฉยมองสิ่งเหล่านี้ดั่งเป็นเรื่องปกติ รอจนหลี่ซวงเจี้ยงอาเจียนจนเป็นน้ำสีใสแล้วถึงสั่งให้หยุดมือ “หากเจ้าอดทนจนถึงยามที่ได้เป็นฮองเฮาแล้ว ไม่เพียงแค่ผลไม้เชื่อมโถนี้แต่ทุกสิ่งในใต้หล้าล้วนอยู่ในมือเจ้า เข้าใจหรือไม่” “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” หลี่ซวงเจี้ยงขานรับด้วยเสียงอ่อนแรง นางปาดน้ำตาไหลรินจากดวงตาเมล็ดซิ่ง น้ำตาที่รินหลั่งนี้เป็นเพราะนางสำลักจากการถูกล้วงคอหรือเพราะการที่ต้องเกิดบุตรี ขุนนางใหญ่ อยู่ในบ้านที่ไม่ใช่บ้านกัน จวนสกุลหลี่แห่งนี้แม้หรูหรา โอ่อ่า หากแต่ไม่มีผู้ใดที่คอยอยู่ข้างนางแม้แต่คนเดียว อีกทั้งนางยังต้องมารู้ทีหลังว่าแม้กระทั่งเสี่ยวเมี่ยวที่ตนมองเป็นดั่งสหายเพียงคนเดียวยังเข้าหานางเพียงเพราะต้องการใช้นางเป็นสะพานไต่เต้าเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของบิดาเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD