บทที่2การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

1827 Words
ปลายสารทฤดู เข้าสู่ช่วงซวงเจี้ยง วันนี้คือวันเกิดปีที่สิบหกของนาง วันแรกที่เข้าสู่ช่วงซวงเจี้ยงในทุก ๆ ปีบิดาจะไม่จัดงานวันเกิดให้นาง นอกเสียจากวันเกิดปีที่แล้วที่เข้าสู่วัยปักปิ่นเขาถึงได้เชิญ ฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่งมาปักปิ่นในพิธี ทว่าหลี่ซวงเจี้ยงกลับชอบวันเกิดตนเองมาก นั่นก็เพราะวันเกิดนางเป็นวันเดียวที่บิดาจะผ่อนปรนให้นางที่สุด นางไม่ต้องเรียนศาสตร์ต่าง ๆ กับเหล่าอาจารย์หญิง นางได้ร่วมโต๊ะกินอาหารเลิศรสกับบิดา และเป็นวันเดียวที่นางสัมผัสถึงความอ่อนโยนจากเขา ครั้นยามในตอนอายุสิบเอ็ดปี นับเป็นครั้งแรกที่นางเห็นท่านพ่อร้องไห้กับป้ายวิญญาณของท่านแม่ หลี่ซวงเจี้ยงคิด ที่แท้หลี่เหิงผู้เป็นบิดาของนางก็อ่อนแอได้ ส่วนปีนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ท่านพ่อออกจากจวนนานถึงเพียงนี้ ตัวของหลี่ซวงเจี้ยงรู้สถานการณ์ในเมืองหลวงยามนี้ดี บิดาของนางเลือกอยู่ข้างองค์ชายสามในการชิงบัลลังก์ อีกทั้งยังหมายมั่นจะให้นางแต่งเป็นชายาเอกของเขา หลี่ซวงเจี้ยงรู้จากคำบอกเล่าจากอาจารย์หญิงว่าอุปนิสัยว่าที่พระสวามีในอนาคตเป็นเช่นไร เขาเป็นคนใจร้อนหุนหันพลันแล่น ปัจจุบันองค์ชายใหญ่ทรงถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทแล้ว นางเกรงว่าในไม่ช้าองค์ชายสามและบิดาของนางจะร่วมทำการก่อกบฏอย่างแน่นอน ก่อนท่านพ่อไปจากจวนเมื่อสัปดาห์ก่อน เขาลูบหัวนางเบา ๆ แล้วบอกว่าจะกลับมาก่อนวันเกิดนาง แต่ยามนี้ถึงช่วงยามเซินของ วันเกิดนางแล้วแต่ยังไร้เงาของบิดา มือขาวนวลกำแน่นด้วยความกังวล นางเดินวนไปมาในห้องหนังสือบิดาอยู่หลายเค่อ จนในที่สุดประตูก็เปิดออก แต่ภาพตรงหน้าทำให้หลี่ซวงเจี้ยงแทบล้มทั้งยืน หัวใจของนางพลันดิ่งวูบกะทันหัน เมื่อสิ่งที่ตนคิดไว้ได้กลายเป็นจริงเสียแล้ว ยามที่ได้เห็นเหล่าชายฉกรรจ์สวมชุดเฟยอวี๋เช่นนี้เดินเข้ามา..นั่นย่อมไม่ใช่บิดาของนาง หากแต่เป็นองครักษ์เสื้อแพร เหล่าองครักษ์ไม่พูดจาอันใดให้มากความ เริ่มทำการค้นจวนทันที หลี่ซวงเจี้ยงได้แต่ยืนมองพวกเขารื้อค้นห้องหนังสือบิดา เสียงรื้อค้นทุบสิ่งของดังขึ้นต่อเนื่อง หลี่ซวงเจี้ยงแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน “นี่คงเป็นคุณหนูใหญ่หลี่กระมัง รูปโฉมหยาดฟ้ามาดินเหนือผู้คนปานนี้ ไหนจะกลิ่นหอมละมุนนี้ มิน่า เสนาบดีหลี่ถึงซ่อนไว้ไม่ให้ผู้ใดได้พบ” หัวหน้าของกลุ่มองครักษ์ที่มาวันนี้ กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พูดจาหยาบโลนใช้แววตาหื่นกามแทะโลมเรือนร่างหลี่ซวงเจี้ยงอย่างเปิดเผย “คุณหนูหลี่ผู้นี้ข้าคุมตัวไปเอง” เขาพูดแล้วสืบเท้าเดินเข้ามาใกล้เตรียมใช้มือตนมากุมแขน นางไว้ ด้วยความตื่นกลัวและรังเกียจคนผู้นี้จนแทบอยากจะอาเจียนออกมา หลี่ซวงเจี้ยงถดเท้าถอยหลังหนี นางดึงปิ่นทองล้ำค่าออกจากมวยผมใช้ด้านแหลมของปิ่นชี้มาที่ลำคอตนทันที “ข้าเดินเองได้ ชั่วดีอย่างไรข้าก็เป็นเพียงคุณหนูในห้องหอ ขอใต้เท้าสงวนท่าทีด้วย หรือท่านต้องการให้คนทั่วเมืองฉางอันรู้ว่าท่านหยามเกียรติสตรีผู้หนึ่งทั้งยังบีบคั้นนางจนต้องจบชีวิตลง” หลี่ซวงเจี้ยงข่มความตื่นตระหนกไว้พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ดวงหน้างามไร้ซึ่งความลังเล หัวหน้าองครักษ์เห็นแม่นางน้อยตั้งใจแน่วแน่ว่าหากตนก้าวเพิ่มอีกก้าว นางคงใช้ปิ่นแทงไปที่ลำคอขาวระหงนั้นแน่ อีกทั้งได้ยินวาจาของนางเขาจึงหยุดเท้าไว้ก่อน ดังคำที่นางว่า เป็นเพราะยามนี้อดีตเสนาบดีหลี่เหิงยังไม่มีคำตัดสินโทษแน่ชัด หากหลี่เหิงพลิกชะตา พ้นผิดมาได้ แล้วตัวนางฆ่าตัวตายจริง ๆ เขาไม่เพียงต้องพบเจอกับคำครหาของผู้คนในเมืองหลวง ยังต้องรับโทษอีกด้วย แม้ตนอยากทำเรื่องต่ำทรามกับนางเพียงใดก็ต้องห้ามใจเอาไว้ก่อน หัวหน้าองครักษ์พูดพร้อมเลีย ริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย “สุราคารวะไม่ดื่มริอ่านจะดื่มสุราลงทัณฑ์ รอบิดากุนซือกบฏของเจ้าโดนตัดสินโทษ ยามนั้นข้าจะไป ‘ค้นตัว’ คุณหนูถึงในคุกศาลต้าหลี่ด้วยตนเอง” เมื่อเห็นทางรอดแล้วหลี่ซวงเจี้ยงก็รีบปลีกตัวออกไปจากห้องหนังสือทันที ในตอนที่นางออกมาข้างนอก หลี่ซวงเจี้ยงนึกอยากให้เป็นเพียงฝันร้ายตื่นหนึ่ง ทว่าลมหนาวที่พัดโชยมาด้านนอกกลับเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้หาใช่เพียงฝันร้าย เหล่าทหารองครักษ์เริ่มทำการริบทรัพย์สินของจวน สิ่งใดควรย้ายพวกเขาก็ย้าย สิ่งใดควรทำลายรื้อถอนพวกเขาต่างก็ทำได้หมดจดไม่เหลือแม้แต่ซาก นางมองเปลวไฟที่แผดเผาแปลงเหลืองอร่ามของดอกไม้จวี๋ฮวาที่เคยปลูกไว้เมื่อวันวาน เวลานี้กลับกลายมาเป็นเถ้าถ่านประดับดิน ทั้งยังมีเหล่าบ่าวไพร่สกุลหลี่ชายหญิงที่คุ้นหน้า ค่าตาล้วนถูกจับมัดรวมกันพวกเขาต่างกอดกันร่ำไห้ “คุณหนูหลี่โปรดสวมหมวกคลุมไว้ก่อนเถิด” เสียงขององครักษ์เสื้อแพรผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลัง หลี่ซวงเจี้ยงจึงยื่นมือไปรับหมวกคลุมมาเงียบ ๆ โดยไม่ถามว่าเหตุใดจึงต้องใส่ หลี่ซวงเจี้ยงแข้งขาอ่อนเปลี้ย ร่างกายนางไร้เรี่ยวแรงไปทั่วร่างแต่ยังคงฝืนยืนหยัดเอาไว้คิดจะสืบเท้าเข้าไปรวมกับพวกเขา หลี่ซวงเจี้ยงคิดว่าหากตนต้องตายได้ตายอย่างไม่โดดเดี่ยวเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวนัก องครักษ์เสื้อแพรผู้นั้นเมื่อเห็นหลี่ซวงเจี้ยงสวมใส่เรียบร้อยแล้วจึงพูดต่อไป “ยังไม่มีคำตัดสินโทษอดีตเสนาบดีหลี่อย่างเป็นทางการจึงต้องคุมขังแยกท่านไว้ที่คุกใต้ดินศาลต้าหลี่เสียก่อน เชิญคุณหนูหลี่ทางนี้” หลี่ซวงเจี้ยงตอบรับคำเขาแล้วเดินตามไปยังรถม้าแต่โดยดี นางยังจะหวังอันใดได้อีกเล่า แม้กระทั่งความหวังเดียวของตน ที่ขอเพียงได้มีใครสักคนเคียงข้างก่อนตาย ยังถูกทางการแยกตัวออกมาเสียแล้ว เมื่อหลี่ซวงเจี้ยงขึ้นมาบนรถม้า ไม่ช้าพวกเขาก็เคลื่อนตัวออกตัวไปในทันที ภายในรถม้าถูกตกแต่งไว้อย่างดี มีเตาถ่านเพื่อคลายความหนาว เบาะที่นั่งไม่แข็งกระด้าง เพราะถูกห่อหุ้มด้วยผ้านวม ผืนหนา อีกทั้งยังมีของกินเล่นรองท้องวางเอาไว้ แต่นางกลับทำเพียงมองมันนิ่ง ๆ หากเป็นยามปกติเมื่อไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของบิดา หลี่ซวงเจี้ยงต้องรีบตรงปรี่เข้าไปแอบกินมันแล้ว แต่เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้แม้ต่อให้นางหิวจนไส้แทบขาดก็มิอาจกลืนลง หลี่ซวงเจี้ยงนึกฉงนว่าตนขึ้นถูกคันจริง ๆ หรือ นี่มันเกินกว่าบุตรีขุนนางผู้มีความผิดเช่นนางควรได้รับเสียอีก หรือนี่จะเป็นดังงานเลี้ยงหงเหมินกันแน่ ในไม่ช้ารถม้าหยุดเคลื่อนตัวเมื่อถึงจุดหมาย หลี่ซวงเจี้ยงเองก็หยุดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้น นางลงจากรถม้าแล้วเดินตามองครักษ์เสื้อแพรไปในคุกของศาลต้าหลี่ ถึงหลี่ซวงเจี้ยงจะพยายามสะกดกลั้นความกลัวเอาไว้เพียงใดแต่บรรยากาศข้างในเต็มไปด้วยความอับชื้นของชั้นใต้ดิน กอปรกับกลิ่นสนิมจาง ๆ ที่ลอยเข้าจมูกก็ไม่อาจทำให้นางข่มใจได้เลยแม้แต่น้อย ครั้นมองเข้าไปในคุกรวมของนักโทษหญิง พวกนางล้วนมีสภาพหมดอาลัยตายอยาก นอนแน่นิ่งอยู่บนกองฟาง คงเป็นเพราะอยู่ในสถานที่แห่งนี้นาน ๆ ความหวังที่เคยวาดไว้ว่าจะได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกก็หมดสิ้น หลี่ซวงเจี้ยงคิดว่าในไม่ช้าตัวนางเองก็คงไม่ต่างจากนักโทษหญิงเหล่านี้กระมัง “เชิญคุณหนูหลี่” ในที่สุดก็ถึงคุกขังแยกเดี่ยวของนาง หลี่ซวงเจี้ยงก็เข้าไปแต่ โดยดีแล้วปลดหมวกคลุมออกมองไปรอบ ๆ ในห้องนี้มีเพียงเตียงไม้แข็ง ๆ กับผ้าห่มบางเก่า ๆ หนึ่งผืน และโจ๊กเย็นชืดวางไว้หนึ่งถ้วย แต่ถึงอย่างไรคุกขังแยกเดี่ยวแห่งนี้ก็มีสภาพดีกว่าคุกรวมที่นางได้เดินผ่านมามากโข หลี่ซวงเจี้ยงขดตัวอยู่บนเตียงไม้หลังเก่าอิงตัวกับผนัง หากไม่นับยามไปเยี่ยมดูแลท่านย่าที่กว่างหลิงเมื่อสองปีก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ออกจากจวน เพียงแต่ครั้งแรกที่นางได้ออกจากจวนทั้งที หนำซ้ำในวันเกิดปีที่สิบหกของตน จุดหมายปลายทางกลับต้องมาหยุดอยู่ลงที่คุกศาลต้าหลี่เสียแล้ว เวลานี้หลี่ซวงเจี้ยงคิดถึงท่านย่าที่จากไปเมื่อต้นปีนัก หากรู้ว่าวันเกิดปีที่สิบหกของตนต้องพบเจอเรื่องเช่นนี้ เหตุใดท่านย่าจึงไม่พานางไปด้วยกันเสียเลย นางคิดถึงบิดาไม่รู้บัดนี้เขาจะเป็นตายร้ายดีเช่นใด หลี่ซวงเจี้ยงนึกอยากถามบิดาสักครั้ง หากท่านรู้ว่าชะตาสกุลหลี่ต้องจบลงเช่นนี้ท่านยังจะเลือกเดินทางเดิมหรือไม่ นางอยากถามเขาเหลือเกินว่าท่านพ่อเหตุใดเราจึงเป็นเหมือนครอบครัวอื่นไม่ได้ เหตุใดเราจึงไม่หนีไปจากวังวนอำนาจ หนีเมืองฉางอันทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่ หลี่ซวงเจี้ยงกอดตัวเองปล่อยน้ำตาไหลรินจากดวงตางามดั่ง ผลเมล็ดซิ่งที่ยามนี้อับแสงไร้ซึ่งความหวังใดใด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD