ยามที่อยู่คุกถึงมู่หรงเจี่ยนจะเอ่ยวาจาร้ายกาจออกมา หากแต่หลังจากที่หลี่ซวงเจี้ยงถูกพาตัวออกจากคุกศาลต้าหลี่ ครั้งแรกที่นางเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องแห่งนี้หลี่ซวงเจี้ยงกลับเจอเรื่องให้ประหลาดใจมากมายนัก
จวนอ๋องเจ็ดนั้นใหญ่โตโอ่อ่าสมกับฐานะชินอ๋องผู้เป็นดั่ง แขนขาของฮ่องเต้ แม้จวนจะใหญ่เพียงใดแต่กลับเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกกระบวนนิ้ว
วันแรกที่หลี่ซวงเจี้ยงเข้ามาในจวนอ๋องมี สวีกงกง ขันทีผู้เฒ่าที่ติดตามมู่หรงเจี่ยนมาตั้งแต่เขายังเป็นองค์ชายเจ็ด พร้อมทั้งเหล่าบ่าวไพร่ทั้งชายและหญิงยืนต้อนรับนางอย่างพร้อมหน้า
หลี่ซวงเจี้ยงไม่เคยถูกผู้คนจดจ้องมองมาเป็นจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน ย่อมรู้สึกอึดอัดปนประหม่าจนมือเท้าของนางมีเหงื่อเย็นปะปนเล็กน้อย แต่สายตาหลายคู่ที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงหาได้มองมาอย่างจาบจ้วงเช่นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรคนนั้น
เหล่าบ่าวไพร่ล้วนถูกความงามของหลี่ซวงเจี้ยงทำให้เหม่อลอย จนต้องมองนางอยู่นาน พวกเขาต่างพากันลอบคิดอยู่ในใจช่างงามล้ำสมแล้วที่เป็นสตรีที่ท่านอ๋องให้ความสนใจ สวีกงกงเป็นผู้ได้สติเป็นคนแรกรีบพาพวกเขาโน้มตัวคารวะนาง
คราแรกหลี่ซวงเจี้ยงพยายามบอกว่านางเองก็มีฐานะเป็น สาวใช้เช่นพวกเขา ถึงแม้ว่านางจะทำหน้าที่แตกต่างไปบ้างให้ปฏิบัติกับนางเหมือนเป็นบ่าวไพร่ด้วยกันเถิด
เมื่อทุกคนได้ฟังต่างพากันส่ายหน้าพรืดไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมทำตาม หลี่ซวงเจี้ยงเองก็จนปัญญาจะห้ามไว้รอให้มู่หรงเจี่ยนเป็น
คนบอกพวกเขาเองก็แล้วกัน
บ่าวไพร่ในจวนอ๋องล้วนทำงานเรียบร้อยไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด หลี่ซวงเจี้ยงยังไม่ทันได้ร้องขอสิ่งใดพวกเขาก็ประเคนให้นางเสร็จสรรพ
เบื้องหลังการกระทำของบ่าวไพร่นั้นถูกกำชับโดยสวีกงกง เพราะบุรุษวัยยี่สิบห้าที่ไม่เคยชายตามองหรือย่างกรายเฉียดใกล้สตรีเช่นท่านอ๋อง ถึงขนาดเคยมีข่าวลือว่าท่านอ๋องเป็นพวกตัดแขนเสื้อ ทว่าข่าวลือนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน ยามท่านอ๋องรู้ก็มีท่าทีเฉยชาเช่นปกติหากแต่ผู้ที่กุข่าวลือเหล่านั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้รอยราวกับว่าไม่มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เสียแล้ว
แต่ยามนี้ท่านอ๋องกลับกล้าเอ่ยปากขอบุตรีขุนนางกบฏจากฮ่องเต้ อีกทั้งยังเป็นบุตรีของหลี่เหิงที่ชิงชังอีกด้วย สวีกงกงเห็น
ท่านอ๋องใส่ใจสตรีเป็นครั้งแรกก็ตื้นตันใจจนน้ำตาแทบรินหลั่งเป็นสายน้ำ ในที่สุดท่านอ๋องของเขาก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว!
เพราะสวีกงกงอยู่กับมู่หรงเจี่ยนตั้งแต่ยังเล็ก คนเฉยเมยไม่ใส่ใจผู้ใดเป็นพิเศษยอมทำถึงขนาดนี้ แม้จะยังไม่มีการยกฐานะใดใดให้ แต่เขารู้ดีว่าหลี่ซวงเจี้ยงสำคัญกับท่านอ๋องของเขาปานใด
สวีกงกงจึงกำชับบ่าวไพร่ให้ปฏิบัติกับหลี่ซวงเจี้ยงนอบน้อมดั่งเจ้านายอีกคน หากไม่อยากลำบากในอนาคตอย่าได้คิดที่จะล่วงเกินนางโดยเด็ดขาด
ชีวิตปัจจุบันของหลี่ซวงเจี้ยงในฐานะสาวใช้อุ่นเตียงของ อ๋องเจ็ดจึงเป็นไปอย่างราบเรียบไม่หวือหวา นางถึงขนาดเคยคิดว่าเป็นสาวใช้อุ่นเตียงให้บุรุษสูงศักดิ์เช่นเขานับว่าชีวิตตนไม่เลวนัก
หลี่ซวงเจี้ยงรู้สึกว่าตนถูกเลี้ยงเป็นอย่างดีราวกับเป็นหมูที่รอ วันเชือด นางมีเรือนเล็ก ๆ ที่อยู่เกือบท้ายจวนเป็นของตัวเอง หลี่- ซวงเจี้ยงชอบเรือนแห่งนี้มาก ภายนอกตัวเรือนสงบร่มรื่นแถมยังมีแปลงดอกจวี๋ฮวาเหลืองอร่ามเช่นเดียวกับจวนในสกุลหลี่ของนางอยู่ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นหลี่ซวงเจี้ยงยังได้กินอาหารที่นางชอบโดยไม่ต้องรอคำชมจากอาจารย์เหมือนยามที่อยู่ยังจวนสกุลหลี่ ได้สวมอาภรณ์งดงามราวกับว่าตนยังคงเป็นคุณหนูในห้องหอดังเคย
อีกทั้งเขายังส่งสาวใช้คล่องแคล่วมาให้นางถึงสองคน คือลวี่ซานและเถาอี ลวี่ซานจะเงียบขรึมกว่าเถาอีเล็กน้อยแต่ทั้งสองต่างชวนนางคุยเล่นอยู่เสมอ
คราแรกหลี่ซวงเจี้ยงยังมีปมในใจกับสองสาวใช้เพราะตนยังจำเรื่องเสี่ยวเมี่ยวได้ขึ้นใจ แต่แล้วหลี่ซวงเจี้ยงก็คิดได้ว่าตนหาใช่คุณหนูใหญ่สกุลหลี่เฉกเช่นในอดีต ย่อมไม่มีประโยชน์อะไรให้ลวี่ซานกับ
เถาอีต้องหลอกลวงได้อีก
กอปรกับยามนี้นางยังอยู่ในจวนอ๋องไม่ว่านางทำสิ่งใดมู่หรง-เจี่ยนย่อมต้องรู้อยู่แล้ว คิดได้ดังนั้นยามเมื่ออยู่กับลวี่ซานและเถาอีนางจะรู้สึกผ่อนคลาย อีกทั้งพวกนางทั้งสองส่งเสียงจ้อข้างหูจึงช่วยนางไม่ให้คิดถึงเรื่องบิดาได้บางครา
ถึงอย่างไรหลี่ซวงเจี้ยงรู้ดีว่าสิ่งเหล่านั้นนับว่าเป็นความสุขกายสบายใจเพียงชั่วคราวเท่านั้น หลี่ซวงเจี้ยงจะต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกเป็นประจำและทุกครั้งที่ตื่นมาหางตาของนางจะเปียกชื้น แผ่นหลังนางมีเหงื่อซึมอยู่เสมอ
แม้จะผ่านมาเกินหนึ่งสัปดาห์แล้วแต่นางมักฝันเห็นภาพของ วันเกิดนางซ้ำ ๆ ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน นางมองเห็นเปลวเพลิงที่เผาไหม้และข้าวของที่ถูกรื้อค้นทำลายในจวนสกุลหลี่
ทุกครั้งที่ผวาตื่นหลี่ซวงเจี้ยง ย่อมไม่กล้าส่งเสียงดังให้เถาอีและ ลวี่ซานตื่นตาม นางรินชาดับกระหายแล้วจึงพยายามข่มตานอนต่อ เวลานี้นางอยู่ในจวนอ๋องเจ็ด ในฐานะบ่าวผู้หนึ่งย่อมจะต้องระแวดระวังตัวทุกฝีก้าวเพราะไม่รู้ว่าภายในวันหน้านั้นตนต้องพบเจอกับเรื่องอะไรบ้าง
หลี่ซวงเจี้ยงอยากจะมีชีวิตสงบเรียบง่ายเช่นนี้ตลอดไปเพราะนับตั้งแต่วันที่นางออกจากคุกศาลต้าหลี่จนวันนี้ก็เป็นเวลากว่าสี่วันแล้ว นางยังไม่เห็นมู่หรงเจี่ยนผู้นั้นเลยสักครั้ง เพราะเขาเป็นถึง ชินอ๋องผู้เป็นเสาหลักกุมตราทัพและกองกำลังของต้าเย่ ย่อมมีภารกิจติดพันมากมายจนไม่อาจปลีกตัวได้
หลี่ซวงเจี้ยงดีใจนัก นางนึกอยากให้เขาติดงานสำคัญเช่นนี้ไป ทั้งชีวิต!
แต่แล้วหลี่ซวงเจี้ยงก็ต้องฝันสลายเมื่อนางมองเห็นเถาอีวิ่งหน้าตั้งมาแต่ไกล
“คุณหนูหลี่ ท่านอ๋องกลับจวนมาแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้หน้ากลมผู้นี้ยิ้มแป้นอย่างดีใจแทนนาง
แต่นั่นช่างแตกต่างจากใบหน้างามของหลี่ซวงเจี้ยงปรากฏรอยยิ้มแข็งค้างไร้การตอบสนองใดใด รู้ตัวอีกทีก็ถูกพวกเขาจับเตรียมตัวเพื่อให้รอปรนนิบัติมู่หรงเจี่ยนคืนนี้เสียแล้ว
กว่าหนึ่งชั่วยามที่นางถูกแต่งตัวจนเสร็จ หลี่ซวงเจี้ยงเคยถูกบิดาเชิญตัวอาจารย์มาสอนเรื่องในห้องหอของบุรุษและสตรีโดยเฉพาะนางจึงพอจะรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้าง
หลี่ซวงเจี้ยงนั่งมองตัวเองในกระจก นางถูกให้สวมชุดเนื้อบางแนบเนื้อเพื่อสนองความต้องการของเขา ยิ่งยามอยู่ใต้แสงเทียนเช่นนี้ ผ้าบางแนบเนื้อสีเปลือกไข่ย่อมทำให้มองเห็นไปถึงไหนต่อไหน เวลานี้นางรู้สึกราวกับตัวนางเป็นเพียงเครื่องมือไว้ใช้สนองกิจกามเท่านั้น
ยิ่งมองตัวเองในกระจกหลี่ซวงเจี้ยงก็ยิ่งรู้สึกดูแคลนตัวเอง นางจึงเลิกมองมันแล้วย้ายตัวมาเพื่อนั่งรอปรนนิบัติเขาอยู่บนเตียงแทน
เพราะมู่หรงเจี่ยนจะมาค้างที่นี่คืนนี้กระถางไฟจึงถูกจุดเพื่อคลายความหนาวมากกว่าปกติแต่นั่นไม่อาจคลายความหนาวเหน็บในใจและอาการตัวสั่นจากความหวาดกลัวของหลี่ซวงเจี้ยงได้แม้แต่น้อย
กึก กึก
เสียงเปิดปิดประตูและเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของผู้มาใหม่ทำให้ตัวของหลี่ซวงเจี้ยงหลุดจากภวังค์ นางเงยหน้ามองเห็นเพียงบุรุษรูปหล่อเหลางดงามดั่งหยกสลัก นางเหม่อลอยเล็กน้อยแต่ถึงอย่างไรความงามของเขานั้นช่างดูเยียบเย็นแฝงอันตรายจนทำให้หลี่ซวงเจี้ยงเผลอถอยหลังหนีโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งมู่หรงเจี่ยนเดินเข้ามาชิดใกล้ตน หลี่ซวงเจี้ยงก็ได้กลิ่นหอมของอำพันทะเลจากตัวเขา เมื่อมู่หรงเจี่ยนยืนอยู่ติดขอบเตียงใช้สายตาลึกล้ำมองมา นางก็รีบก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา
แม้หลี่ซวงเจี้ยงจะเตรียมใจตั้งแต่ออกจากคุกต้าหลี่ว่าสักวันต้องนางต้องปรนนิบัติเรื่องบนเตียงเขา แต่เมื่อเจอสถานการณ์จริงตัวนางนั้นสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุมได้
จนมู่หรงเจี่ยนเองก็สังเกตเห็นได้ชัด เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามด้วยเสียงเฉยชา “เจ้ากลัว ?”
“เปล่าเจ้าค่ะ” หลี่ซวงเจี้ยงเงยหน้ามองเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ตอบเสียงอ้อมแอ้มไม่กล้าสบตาเขา
มู่หรงเจี่ยนมองหลี่ซวงเจี้ยงที่กำลังโกหกคำโต เขายิ้มเยาะแล้วใช้มือเชยคางนางขึ้น
“เช่นนั้นก็ดี จวนอ๋องของข้าไม่คิดเลี้ยงคนไร้ประโยชน์ไว้”