น้องเนตรรสแซ่บ

1315 Words
กำราบฉันสินะ โถ่ ๆ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย “นี่น้องเนตร พาพี่เขาไปเดินเล่นที่บ่อปลาหลังบ้านสิลูก นั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันคงเบื่อแย่” ฉันรู้ว่าแม่เปิดโอกาสให้เราได้ใกล้ชิดกัน และฉันก็เต็มใจทำเป็นอย่างยิ่ง “ค่ะแม่” พี่สิงห์เข้าใจอะไรง่าย พอเห็นฉันลุกขึ้นเขาก็ลุกเดินตามมา บ้านฉันไม่ได้หลังใหญ่โตอะไรแต่ก็พอมีพื้นที่ให้ปลูกต้นไม้และทำบ่อปลา แม่เลยทำสวนเล็ก ๆ ไว้หลังบ้าน มีเปลกับโต๊ะม้าหินไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ร่มเงาไม้ใหญ่ช่วยบังแดดทำให้ไม่ร้อนอย่างที่ควรเป็น พอเดินมาถึงฉันเลือกยืนข้าง ๆ บ่อปลา ส่วนเขาเดินสำรวจสิ่งต่าง ๆ ไปเรื่อยเปื่อย ฉันมองสำรวจผู้ชายคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เรือนผมสีบลอนด์ยามต้องแสงแดดเป็นประกายวิววับ ตัดกับใบหน้าขาว ๆ ที่งดงามราวรูปปั้น ดูนั่นสิ...ริมฝีปากเขาแดงกว่าฉันเสียอีก ยอมรับแต่โดยดีว่าพี่สิงห์เป็นผู้ชายที่หล่อมาก....สงสัยมองมากเกินไปจนเขารู้ตัวเลยเอ่ยทัก “น้องเนตรสบายดีไหม ไม่เจอกันนานโตขึ้นเยอะเลยนะครับ" เขาหล่อมากแต่ก็ตอแหลมากด้วยเช่นกัน! ไม่เจอกันนานเหรอ? ฉันว่าเราเพิ่งเจอกันเมื่อสองวันก่อน เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะจำไม่ได้น่ะ ก็เราสองคนเจอกันบ่อยจะตาย แต่ก็ไม่ เคยทักทายกันหรอกนะ พี่สิงห์เป็นนักตระเวนราตรีเหมือนกับฉันนี่แหละ แต่เขาจะแวะเวียนมาที่ร้านประจำของฉันเดือนละสองสามครั้งเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่กลุ่มเขามีผับประจำอยู่ที่อื่น "ค่ะ แต่พี่สิงห์ดูไม่โตขึ้นเลยนะคะ หมายความว่ายังเหมือนเดิมน่ะ" เขาเหมือนเดิมมาก ทั้งหน้าตาและนิสัย ฉันเคยหลงผิดไปได้ยังไง คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่อ่อนโยน แต่คำทักทายของฉันคงไม่ค่อยสบอารมณ์เขาเท่าไหร่ หน้าตาที่ยิ้มแย้มในตอนแรกกลายเป็นตึงขึ้นมาในทันที "ถ้าน้องเนตรไม่เต็มใจ ไม่ต้องแต่งได้นะครับ” รู้ว่ามาคุยเรื่องแต่งงาน แสดงว่าเต็มใจมาสินะ ฉันก็ไม่ได้อยากรู้ในส่วนของเขาหรอก แต่คนแบบพี่สิงห์เนี่ยแน่ใจว่าเขาก็ไม่ชอบการผูกมัดเหมือนกัน "เนตรจะแต่งค่ะ" ฉันเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างท้าทาย ถ้าเป็นคนอื่นฉันอาจไม่ยอมแต่ง แต่ถ้าเป็นพี่สิงห์...ยิ่งกว่ายินดีเสียอีก เขาจะเสีย หน้าขนาดไหนหากเพื่อน ๆ ในกลุ่มเขารู้ว่า ต้องแต่งงานกับ ‘น้องเนตรรสแซบ’ มันเป็นฉายาในวงการเที่ยวน่ะ ใคร ๆ ก็เรียกฉันแบบนี้เพราะข่าวที่ฉาวโฉ่ทำให้ใคร ๆ ก็คิดว่า ‘น้องเนตรง่าย ได้ตอนเมา’ ไม่คิดจะแก้ข่าวหรอกนะ ก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ หนิ ถูกใจใครก็ไป ทำไมต้องคิดเยอะให้มากความด้วย ชีวิตก็แค่นี้ จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำไม่ต้องตัดรอน ความสุขให้ตัวเองด้วยล่ะ...เน๊อะ “คิดดี ๆ นะ อย่าทำเพราะประชด” หลงตัวเองเกินไปหน่อยไหม? พี่สิงห์ไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้นไหม? คนอย่างเนตรไม่เคยทำประชดใครหรอก จะทำก็ต่อเมื่อเต็มใจเท่านั้นล่ะ “เนตรเต็มใจแต่ง แต่ถ้าพี่สิงห์ไม่อยาก จะปฏิเสธไปก็ได้นะคะ” ฉันเดินเข้าไปใกล้เขาแล้วจ้องมองอย่างท้าทาย พี่สิงห์มองกลับด้วยสายตาที่เดาไม่ออก เขาแค่เหยียดยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก “พี่สิงห์ไม่ขัดความต้องการของผู้ใหญ่หรอกครับ” ความหมายแฝงในคำพูดคือ เขาไม่ได้เต็มใจแต่ไม่อยากขัด ส่วนนึงอาจเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพของน้ารัตน์ด้วยมั้ง นี่ละมั้งคงเป็นเหตุผลให้จำยอม “งั้นพี่คงชอบขัดใจตัวเองสินะ” ฉันวางมือลงบนรอยแยกกระดุมของเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดที่เขาสวมใส่มาในวันนี้ แล้วช้อนสายตาขึ้นมองอย่างยั่วยวน แน่นอนว่ามันได้ผลกับทุกคน...ยกเว้นผู้ชายคนนี้ เขาคว้าข้อมือฉันไว้ขณะกำลังไล้ข้อนิ้วเข้าไปผ่านรอยแยกของเสื้อ ก่อนจะปล่อยให้ตกลง “เราคงต้องคุยกันหน่อยแล้ว” “เรื่องอะไรคะ?” “ข้อตกลงระหว่างเรา” พี่สิงห์พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ทว่าในน้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด แต่ว่าคนที่เป็นคนกำหนดข้อตกลงน่ะ ต้องเป็นฉันไม่ใช่พี่สิงห์ และตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม “เนตรว่ารอให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อนดีไหมคะ แล้วค่อยมาพูดเรื่องของเราทีหลัง” “แต่ว่า….” “ตามนั้นค่ะ เนตรว่าเราเข้าไปในบ้านดีกว่า ป่านนี้แม่คงตั้งโต๊ะอาหารแล้ว” ฉันไม่เปิดช่องว่างให้เขาต่อความยาวสาวความยืด ไม่มีทางที่พี่สิงห์จะเป็นฝ่ายควบคุม ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด พอเห็นฉันเดินนำ คนตัวสูงด้านหลังเลยเดินตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ แค่ไม่กี่ก้าวเราสองคนก็เข้ามาในตัวบ้าน เสียงคุยกันของหญิงสูงวัยดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หัวข้อสนทนาก็ไม่พ้นเรื่องฉันกับพี่สิงห์ ทั้งฉันและเขาพร้อมใจกันหยุดอยู่ตรงต้นเสา เพื่อฟังเสียงสนทนา “ฉันน่ะกลุ้มใจเหลือเกิน กลัวผู้หญิงที่ไหนไม่รู้จะมาจับลูกชายฉัน เลยต้องตัดไฟแต่ต้นลมแบบนี้แหละ มีลูกชายอยู่คนเดียวอยากให้แต่งกับครอบครัวที่ไว้ใจ” อ๋อ นี่คงเป็นสามารถที่น้ารัตน์บังคับให้พี่สิงห์แต่งงานกับฉัน หึ...เหตุผลไม่ต่างกับแม่ฉันเลย “ไม่ต้องห่วงเลยจ้ะ น้องเนตรเป็นเด็กเรียบร้อยน่ารัก ตาสิงห์คงเลิกนิสัยเที่ยวได้ฉันรับรอง” หลังจบประโยคที่แม่พูด พี่สิงห์ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “มีอะไรน่าขำ” ฉันเค้นเสียงออกมาเบา ๆ เพราะกลัวผู้ใหญ่จะได้ยินว่าแอบฟัง เขามาตามคำพูดที่ให้ไว้เมื่อวาน.... ฉันอยู่ในร่มเงาไม้ใหญ่ของบ้าน มองดูผู้มาเยือนลงจากรถเพื่อเปิดประตูอีกฝั่งให้ฉัน พี่สิงห์อยู่ในชุดโปโลสีดำชายเสื้อถูกสอดไว้ใต้กางเกงยีนส์สีซีดอย่างเรียบร้อย เข็มขัดแบรนด์เนมที่คาดทับอีกชั้นทำให้รู้ถึงรสนิยมหรูหราของผู้สวมใส่ แว่นกันแดดสีดำบนใบหน้ายิ่งทำให้เขาดูสว่างกลางแสงแดด กลิ่นน้ำหอมสะอาด ๆ ลอยเตะจมูกเมื่อตอนเดินผ่านเข้าไปในรถ...กลิ่นที่ฉันเคยหลงใหลไม่ผิดเพี้ยน ช่างเป็นผู้ชายที่หล่อสมบูรณ์แบบจริง ๆ ไม่แปลกหรอกที่ใคร ๆ ต่างก็ปลื้มเขานัก เสียงไลน์ที่ดังขึ้นตลอดการเดินทางบ่งบอกได้ว่าเขาน่ะฮอตขนาดไหน! เจ้าของรถสปอร์ตหรูปล่อยให้เครื่องมือสื่อสารดังต่อไปโดยไม่สนใจหยิบมาเปิดดู ซึ่งเขาสามารถใช้เวลาเล็กน้อยขณะที่รถกำลังติดเปิดดูมัน แต่ก็ไม่...พี่สิงห์เลือกที่จะเพิกเฉยแล้วปล่อยให้สมาร์ทโฟนส่งเสียงน่ารำคาญต่อไป ประจวบเหมาะกับเครื่องของฉันสั่นเพราะมีข้อความไลน์เด้งมาเลยเปิดดู ส่วนใหญ่เป็นข้อความจากหนุ่ม ๆ ในคลับที่แอดเข้ามา ฉันเลื่อนผ่านไปไม่ได้สนใจแล้วเลือกคลิกสนทนากลุ่มเพื่อนัดแนะไปเที่ยวในคืนนี้ ฉัน: ไฮ พวกหล่อนน คืนนี้ยังไง… สายรุ้ง: พร้อมเสมอ ว่าแต่เมื่อคืนแกไปไหนวะอีเนตร ทักไปไม่ตอบ ฉัน: ยุ่งนิดหน่อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD