รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า มุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ตระกูลสิริวัฒนโชติ ลลิษานั่งนิ่งอยู่เบาะหลัง สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ภาพสะท้อนในกระจกกลับเป็นใบหน้าคมเข้มของครามที่กำลังขับรถอยู่
“คนของผม...” คำพูดของเขายังคงดังก้องอยู่ในหู มันเป็นคำพูดที่สั้นกระชับ แต่กลับสั่นสะเทือนหัวใจของเธอได้อย่างรุนแรงที่สุด ไม่ใช่คำสั่ง ไม่ใช่การบังคับ แต่มันคือการประกาศ...ประกาศความเป็นเจ้าของ
ลลิษาพยายามสะบัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป เธอคือลลิษา ลลินภัทร สิริวัฒนโชติ คุณหนูผู้รักอิสระและไม่เคยยอมให้ใครมาครอบครอง! แต่ทำไมกันนะ... ทำไมทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ ทุกครั้งที่สายตาคมกริบคู่นั้นมองมา หรือทุกครั้งที่เขาแตะต้องตัวเธอ โลกทั้งใบของเธอมักจะหยุดหมุน และหัวใจของเธอก็จะเต้นรัวราวกับกลองศึก
เมื่อกลับถึงบ้าน ลลิษารีบตรงดิ่งไปยังห้องน้ำส่วนตัว ตั้งใจจะอาบน้ำชำระล้างความรู้สึกแปลกๆ ที่คุกรุ่นอยู่ในกายออกไป แต่ภาพของครามยังคงตามหลอกหลอน
เสียงน้ำจากฝักบัวไหลริน ลลิษาหลับตาลง ปล่อยให้ละอองน้ำอุ่นชะโลมผิวกาย แต่แล้ว...เสียงแตะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้น
“คุณหนูครับ” เสียงทุ้มต่ำของครามดังลอดเข้ามา “คุณท่านโทรตามครับ”
ลลิษาสะดุ้งเฮือก เธอรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกายลวกๆ เพราะไม่คิดว่าครามจะอยู่ใกล้ขนาดนั้น “เดี๋ยว! ฉันกำลังอาบน้ำอยู่!”
“ผมรออยู่ข้างนอกได้ครับ”
เธอถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้ไม่เคยเว้นระยะห่างให้เธอได้หายใจเลยหรือไง! แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวออกจากห้องน้ำเท้าของเธอก็เหยียบเข้ากับพื้นกระเบื้องที่เปียกชื้นและลื่นปรื๊ด
“ว้าย!”
ร่างบางของลลิษาเสียหลัก เซถลาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เธอคิดว่าตัวเองจะต้องล้มกระแทกพื้นอย่างแน่นอน แต่แล้ว...วงแขนแข็งแกร่งก็คว้าหมับเข้าที่เอวของเธออีกครั้ง ดึงรั้งร่างเธอให้กลับเข้ามาในอ้อมกอดอันอบอุ่นและคุ้นเคย
ใบหน้าของครามอยู่ใกล้แค่คืบ ดวงตาคมกริบจ้องมองมาอย่างห่วงใย ผมของเขาเปียกชื้นเล็กน้อยจากการที่รีบวิ่งเข้ามาช่วยเหลือ เสื้อเชิ้ตที่เขาสวมเมื่อเช้าตอนนี้ดูจะถูกปลดกระดุมออกไปแล้วสองสามเม็ด เผยให้เห็นแผงอกแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่น่าหลงใหล
ลลิษาเงยหน้าขึ้นมองเขา จมูกของทั้งคู่แทบจะชนกัน ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาปะทะใบหน้าของเธออย่างจัง และเธอก็รับรู้ได้ถึงลมหายใจของตัวเองที่ติดขัด
“คุณหนูไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มต่ำที่เคยเย็นชา บัดนี้กลับแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงอย่างชัดเจน
เธอยังคงยืนนิ่งในอ้อมกอดของเขา ผ้าขนหนูที่พันกายไว้ดูจะหลุดลุ่ยไปตามแรงเสียดสี ทำให้เรียวขาเนียนสวยเผยออกมามากขึ้น ลลิษารู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านจากร่างกายกำยำของเขา และรับรู้ได้ถึงความแข็งแรงที่น่าประหลาดใจจากสิ่งที่เบียดอยู่ตรงหน้าท้องของเธอ... " ของเขาที่ดูเหมือนจะตื่นตัวขึ้นมาจากการสัมผัสแนบชิด
มือหนาของครามยังคงโอบเอวเธอไว้แน่น ไม่ได้ปล่อย แม้ว่าเธอจะทรงตัวได้แล้วก็ตาม เขาค่อยๆ เลื่อนฝ่ามือขึ้นไปสัมผัสแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของเธอ นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ไปตามแนวสันหลังเบาๆ ราวกับจะตรวจสอบว่าเธอมีบาดแผลหรือไม่
การสัมผัสที่แผ่วเบานั้นกลับจุดประกายความร้อนเร่าไปทั่วทั้งร่างของลลิษา ขนอ่อนทั่วกายลุกซู่ เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูก สัมผัสอย่างช้าๆ จากปลายนิ้วของเขา ความรู้สึกวาบหวามแล่นปราดไปทั่วทุกอณูสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรง ใต้ ของเธอที่รู้สึกถึงการปั่นป่วนอย่างรุนแรง
ครามโน้มใบหน้าลงมาใกล้ขึ้นอีก จนริมฝีปากของเขาเฉียดปลายคางของเธอ ดวงตาคมกริบของเขามองลึกเข้าไปในดวงตาของลลิษา ราวกับกำลังพยายามค้นหาบางอย่างในจิตใจของเธอ
“ค...คุณ...” ลลิษาพยายามจะพูด แต่เสียงของเธอกลับแหบพร่า
“ไม่ต้องกลัว” ครามกระซิบเสียงต่ำ ลมหายใจอุ่นร้อนปะทะริมฝีปากของเธอเบาๆ “ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ”
คำว่า "ไม่ต้องกลัว" ของเขา ไม่ได้หมายถึงความกลัวจากคนร้ายภายนอกอีกต่อไปแล้ว... แต่มันหมายถึงความกลัวที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจของลลิษาเอง...ความกลัวที่จะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้...ผู้ชายที่แผ่พลังงานแห่ง การดึงดูด ออกมาอย่างรุนแรง และกำลังจะกลืนกินหัวใจของเธอเข้าไปอย่างช้าๆ
ในวินาทีนั้นเอง ลลิษาก็รู้แล้วว่านี่คือจุดเริ่มต้นของแรงปรารถนาที่เธอไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป และบางที...การอยู่ใน "กรงเหล็ก" ของคราม อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างที่คิด
ลลิษายังคงยืนนิ่งในอ้อมกอดของคราม ความร้อนจากเรือนกายของเขาแผ่ซ่านเข้ามาในเนื้อในตัว ราวกับหลอมละลายผิวของเธอให้ไหวหวั่น เธอได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรงจนแทบจะกลบทุกเสียงรอบข้าง และเธอก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะความตกใจจากการล้ม
ไม่ใช่แค่หัวใจ…แต่ ของเธอก็กำลังเต้นระริกอยู่ในจังหวะที่ไร้เหตุผล
มือของเขาที่แตะบนแผ่นหลังเธอยังไม่ยอมผละออก นิ้วหัวแม่มือกดเบา ๆ ตรงช่วงกลางหลัง ก่อนจะลากไล้ช้า ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนลลิษาต้องกลั้นหายใจ ราวกับทุกปลายนิ้วของเขาคือพู่กันที่กำลัง สัมผัส ใต้ผิวของเธอในแบบที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน
“พอได้แล้ว…” เธอกระซิบ แต่เสียงสั่นนิด ๆ แบบที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่คุ้นเคย
ครามหยุดนิ้วไว้ทันที แต่กลับโน้มหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“คุณแน่ใจเหรอครับ ว่าคุณอยากให้ผมหยุด?” เสียงของเขานุ่มลึกจนสะท้านเข้าไปถึงกระดูกสันหลัง
ดวงตาของลลิษาสั่นระริก เธอเม้มปากแน่น พยายามรวมสมาธิให้กลับมา ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีวันหวั่นไหวเพราะแค่สัมผัสง่าย ๆ อย่างนี้เด็ดขาด… แต่ทำไมสายตาของเขาถึงทำให้เธอเหมือนถูกถอดเกราะช้า ๆ ไปทีละชั้น?
“คุณเป็นแค่บอดี้การ์ด ฉัน”
“ผมไม่ได้คิดจะเป็นแค่บอดี้การ์ดตั้งแต่เห็นคุณวันแรก” เขากระซิบเบา ๆ แต่ตรงไปตรงมา ริมฝีปากของเขาเฉียดแก้มเธอไปแค่เสี้ยววินาที
ประโยคสั้น ๆ นั้น...เล่นเอาลลิษาหายใจไม่ทั่วท้อง
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลุดเข้าไปในวังวนของความปรารถนา ความรู้สึกที่แปลกใหม่ หวานซ่าน แต่ก็ควบคุมไม่ได้ ร่างกายของเธอขัดแย้งกับจิตใจในทุกจังหวะ กลัว...แต่ก็อยากให้เขาเข้าใกล้กว่านี้อีกนิด
“ฉันไม่ชอบถูกควบคุม...” เธอพึมพำ
“แต่คุณไม่ได้ปฏิเสธ...ที่ผมแตะต้องคุณ” ครามพูดเบา ๆ ลมหายใจร้อนของเขาทาบทับกับริมฝีปากเธออีกครั้ง
เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสกันจริงๆ ลลิษาก็เบี่ยงหน้าเบา ๆ แล้วหลุดเสียงหัวเราะแห้งๆ ออกมา
“คุณนี่มัน...แยบยลใช้ได้เลยนะคะ” น้ำเสียงของเธอกลับมาเชิด ทว่าแก้มแดงจัดจนปิดไม่มิด
เธอค่อย ๆ ดันตัวออกจากอกเขาอย่างนุ่มนวล แล้วหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนเพื่อปกปิดตัวเองให้แน่นกว่าเดิม
“ออกไปก่อนค่ะ ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ครามไม่พูดอะไร เขาแค่ถอยหนึ่งก้าว และหันหลังให้เธอราวกับให้เกียรติ แต่ก่อนจะก้าวพ้นประตู เขาหยุดเท้าแล้วหันมาสบตาเธออีกครั้ง
“คืนนี้…ผมจะอยู่หน้าห้องคุณทั้งคืน”
“ระวังอย่าฝันถึงฉันละกัน” ลลิษาแกล้งพูดขวาง แต่แววตาในขณะนั้นกลับบอกว่า…เธอก็อาจจะฝันถึงเขาเหมือนกัน
ครามยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ครั้งแรกที่ลลิษาได้เห็นรอยยิ้มของเขา มันไม่ใช่รอยยิ้มกว้าง แต่มันทำให้โลกของเธอเหมือนหยุดหมุนอีกครั้ง
แล้วประตูห้องก็ปิดลงอย่างเงียบงัน…
เหลือเพียงเธอ…และหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ