นับจากค่ำคืนนั้นที่เส้นแบ่งทั้งหมดเลือนหายไป และคำสารภาพในยามเย็น ชีวิตของลลิษาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ครามยังคงทำหน้าที่บอดี้การ์ดของเธออย่างสมบูรณ์แบบ เขายังคงเป็นชายหนุ่มเงียบขรึมในชุดสูทสีดำที่ยืนเป็นเงาอยู่ไม่ห่างสายตา แต่ภายใต้ภาพลักษณ์ภายนอกนั้น มีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ความเข้าใจระหว่างพวกเขาหยั่งรากลึกกว่าที่เคย
ทุกสายตาที่สบกัน ทุกสัมผัสที่ดูเหมือนบังเอิญ ทุกคำพูดที่แผ่วเบา...ล้วนมีความหมายลึกซึ้งที่คนภายนอกไม่มีทางล่วงรู้ ความสัมพันธ์ของพวกเขากลายเป็นความลับที่เร่าร้อน หวานซ่าน และแนบแน่นยิ่งกว่าสิ่งใดๆ
ในตอนเช้า ครามจะนำกาแฟโปรดของเธอมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงเสมอ ก่อนที่เธอจะตื่น ลลิษารู้ว่านี่เป็นเพียงท่าทีเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงถึงความห่วงใย และบางครั้ง เมื่อเธอแกล้งหลับตาไป เขาจะก้มลงจูบหน้าผากของเธอเบาๆ ก่อนจะผละออกไปอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าเธอจะตื่น
ระหว่างวัน ลลิษามักจะหาโอกาสแกล้งเดินชนครามบ่อยครั้งในทางเดินแคบๆ หรือในมุมที่ลับตา เธอจะจงใจให้เรือนร่างเสียดสีกับร่างกายกำยำของเขา และทุกครั้ง ครามจะโอบประคองเธอไว้แน่นเพียงเสี้ยววินาที ดวงตาของทั้งคู่จะประสานกันชั่วขณะ และในแววตาของเขา เธอจะเห็นประกายไฟที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบนิ่งเสมอ
บางครั้ง ในยามค่ำคืน หลังจากทุกคนในคฤหาสน์หลับใหลไปแล้ว ลลิษาจะแอบเปิดประตูห้องนอนออกไป เธอจะพบว่าครามนั่งอยู่บนโซฟาตรงหน้าห้องเธอเสมอ เขาไม่เคยหลับตาลงเลยแม้แต่น้อย
“มาแล้วเหรอครับคุณหนู” เสียงทุ้มต่ำของครามจะเอ่ยขึ้นเบาๆ ไม่มีการตำหนิ แต่มีแต่ความเข้าใจ
ลลิษาจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เขา ไม่มีการพูดคุยเรื่องอื่น นอกจากความเงียบที่เชื่อมโยงความรู้สึกของพวกเขาไว้ด้วยกัน บางครั้ง ครามจะเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้แน่น สัมผัสที่อบอุ่นและมั่นคงนั้น ทำให้ลลิษารู้สึกปลอดภัยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่าโลกทั้งใบจะพังทลายลง เธอก็ยังมีมือของเขาที่คอยยึดเหนี่ยว
และในบางคืน ความปรารถนาที่คุกรุ่นก็ไม่อาจเก็บงำได้อีกต่อไป พวกเขาจะพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำส่วนตัวของลลิษาอีกครั้ง หรือบางครั้งก็เป็นห้องทำงานที่มืดสลัว
ในที่ลับตาผู้คน ครามจะปลดปล่อยตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ แท่งเนื้อใหญ่ ของเขาจะทำให้ลลิษาแทบละลายทุกครั้งที่ กระแทก เข้ามาในตัวเธอ การมี กันและกันเป็นไปอย่างร้อนแรงและลึกซึ้ง เสียง "หอบกระซิบ" และเสียง "ครางต่ำๆ" จะดังก้องในความมืด เป็นพยานถึงคืนที่ปราศจากเส้นแบ่ง
ความสุขที่เปี่ยมล้นนี้ทำให้ลลิษารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ เธอไม่เคยคิดว่าความรักและความเร่าร้อนจะผสมผสานกันได้ลงตัวถึงเพียงนี้ ครามไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดอีกต่อไปแล้ว เขาคือคนรัก...เป็นโลกทั้งใบของเธอ
ความสุขของพวกเขาคือ "เงาในความสุข" ที่ไม่มีใครล่วงรู้ มันเป็นความลับที่ถูกเก็บงำไว้อย่างดีที่สุดภายใต้หลังคาคฤหาสน์อันใหญ่โตแห่งนี้
เวลาผ่านไป...วันแล้ววันเล่า ความผูกพันของครามและลลิษายิ่งทวีความลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ทุกคืนที่ได้อยู่ด้วยกัน ทุกสัมผัสที่ซ่อนเร้น ทำให้พวกเขารู้สึกว่าโลกนี้มีเพียงแค่กันและกัน
อย่างไรก็ตาม ความลับย่อมไม่มีวันเป็นความลับไปได้ตลอด... มีบางสายตาที่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ... บางคำพูดซุบซิบที่เริ่มเล็ดลอดออกมาจากกลุ่มคนรับใช้ในบ้าน และบางครั้ง...ลลิษาก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองเธออยู่จากที่ไกลๆ
ลลิษาเริ่มรู้สึกว่าความสุขที่เธอมี มันบางเบาเกินไปสำหรับโลกใบนี้…บางเกินกว่าจะจับต้องได้จริง
คืนหนึ่ง หลังจากที่เธอแอบลอบออกจากห้องเพื่อไปหาครามตามปกติ กลับพบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่โซฟาหน้าห้องเหมือนเช่นเคย ความว่างเปล่าตรงนั้นทำให้หัวใจเธอหวิวอย่างประหลาด
“คราม?” เธอเรียกเบา ๆ เสียงแผ่วแทบจะกลืนหายไปกับลมหายใจของตัวเอง
ยังไม่ทันจะเดินออกไปไกล เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้นจากมุมมืด ครามก้าวออกมาจากเงาทางเดินเงียบ ๆ ใบหน้าเขานิ่งขรึม แต่แววตาเต็มไปด้วยความระวัง
“ขอโทษครับ ผมไปตรวจรอบคฤหาสน์มา”
น้ำเสียงเขาเรียบ แต่ลลิษารับรู้ได้ถึงความตึงเครียดบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“มีอะไรหรือเปล่า?” เธอถาม ดวงตาไหววูบ
ครามมองสบตาเธอ ก่อนจะยื่นมือมาลูบผมเธอเบา ๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “แค่...มีบางอย่างที่ผมยังไม่แน่ใจ”
เขาไม่พูดต่อ แต่ประโยคนั้นก็เพียงพอให้ลลิษารู้ว่า ความเงียบสงบที่เธอเคยวางใจ…อาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
ในวันถัดมา ลลิษาเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งผิดแปลกในสายตาของแม่บ้านคนหนึ่ง เธอหลบสายตาแทบไม่ทันเมื่อสบกับเธอหน้าห้องนั่งเล่น และในมุมมืดของห้องอาหาร บางบทสนทนาถูกหยุดกลางคันเมื่อเธอก้าวเข้าไป
เธอไม่พูดอะไร แต่เดินกลับขึ้นห้องเงียบ ๆ แล้วกดล็อกประตูด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย
คืนนั้น…เธอไม่ได้ออกไปหาเขา
แต่ครามต่างหาก...ที่เคาะประตูห้องเธอเบา ๆ ในเวลาเที่ยงคืน
“ผมรู้ว่าคุณหนูรู้สึกได้” เขากระซิบเมื่อเธอเปิดประตู
ลลิษาไม่พูดอะไร เธอแค่โผเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแน่น ๆ เหมือนเด็กสาวที่เพิ่งรู้ว่าโลกภายนอกมันน่ากลัวกว่าที่คิด
“ฉันไม่อยากเสียคุณไป...คราม” เสียงของเธอสั่นเครือ ราวกับว่าเพียงแค่สายลมผ่าน ก็อาจทำให้ความลับของพวกเขาพังครืนลงมา
ครามกอดเธอแน่นขึ้น นิ้วมือเขาสอดเข้ากับเส้นผมของเธอ ปลอบประโลมราวกับเธอเป็นของล้ำค่าที่ไม่อาจให้ใครแตะต้อง
“ไม่มีใคร...จะเอาคุณหนูไปจากผมได้” เสียงทุ้มต่ำของเขาเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงแน่วแน่
แล้วเขาก็พาเธอเข้าไปในห้องอีกครั้ง
ในค่ำคืนนั้น...ความปรารถนากลายเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวพวกเขาไว้ท่ามกลางคลื่นกระซิบของโลกภายนอก
ลำไผ่ที่ใหญ่และร้อนผ่าวของเขากลับกลายเป็นสิ่งเดียวที่เธอเชื่อใจได้ในยามที่ความสงสัยกำลังคุกคามรอบตัว
ครามไม่พูดอะไรเลยขณะ สอดใส่แท่งเนื้อ เข้าไปในตัวเธอช้า ๆ เพียงแค่เสียงหอบที่แผ่วเบาและสายตาที่มองสบกันเท่านั้นที่สื่อว่าพวกเขายังอยู่...เพื่อกันและกัน
ลลิษาเสร็จสมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอ้อมกอดที่แข็งแรงนั้น เธอกัดริมฝีปากแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลในขณะที่ร่องรักของเธอกำลังกลืนกินความรักที่ไม่มีใครล่วงรู้
แต่ในขณะที่หัวใจทั้งสองดวงกำลังโอบกอดกันแน่นที่สุดนั่นเอง…
ใครบางคนในคฤหาสน์ก็กำลังกดถ่ายภาพจากกล้องวงจรปิดเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยเช่นกัน