คำขอโทษของคราม ไม่ใช่การขออภัย หากแต่เป็นการประกาศว่า เขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป และลลิษา...ก็ไม่ได้ต้องการให้เขาควบคุมมันอีกแล้ว
เธอหลับตาแน่น ปล่อยให้ความรู้สึกท่วมท้นพาเธอล่องลอยไป... รับรู้เพียงมือหนาที่ลูบไล้แผ่นหลังอย่างมั่นคง ก่อนจะเลื่อนลงไปหยุดอยู่ที่สะโพกเนียนแน่น บีบเคล้นเบาๆ ราวกับจะยืนยันว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝัน
จูบของครามหนักหน่วงขึ้น เร่าร้อนขึ้น เขาพลิกร่างของลลิษาให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันเต็มตัว พลางรั้งผ้าเช็ดตัวที่พันกายเธออยู่ออกไปอย่างแผ่วเบา เผยให้เห็นเรือนร่างอันเย้ายวนของเธอภายใต้แสงสลัวของยามค่ำคืน
ลลิษาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เป็นเพราะความตื่นเต้นและปรารถนาที่ท่วมท้น เธอสัมผัสได้ถึงสายตาของครามที่ดึงดูดกายของเธอทุกตารางนิ้ว ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงมา จูบไล้ไปตามลำคอระหง ซอกคอขาวเนียน และไต่ระดับลงมาเรื่อยๆ อย่างอ่อนโยนแต่เปี่ยมไปด้วยความหิวกระหาย
เสียงครางต่ำๆ หลุดออกจากลำคอของลลิษา เมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนของครามแตะสัมผัสที่เนินอก ก่อนจะเลื่อนลงมา... "ชิมร่องกลีบ ดอกไม้แห่งความปรารถนาอย่างแผ่วเบา ทว่าเร่าร้อนเกินจะทนทาน
มือของลลิษาจิกเข้ากับแผงอกแข็งแกร่งของเขาอย่างลืมตัว แรงดึงดูดระหว่างพวกเขารุนแรงจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ครามถอนริมฝีปากออกช้าๆ เลื่อนขึ้นมาสบตากับเธออีกครั้ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาคมกริบฉายแววปรารถนาอย่างชัดเจนที่สุดเท่าที่ลลิษาเคยเห็นมา มือหนายังคงประคองอยู่บนเอวบาง ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงต่ำลงไปช้าๆ... แตะสัมผัสเข้ากับใจกลางของร่องกลีบที่บัดนี้ "ชื้นแฉะ และเต้นระริกอย่างรุนแรง
“คุณหนู...” เขาเรียกชื่อเธอเสียงพร่า พยายามจะควบคุมตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ลลิษาไม่ต้องการให้เขาควบคุมอีกแล้ว เธอพยักหน้ารับช้าๆ เป็นการอนุญาตที่ไม่อาจย้อนคืน
เพียงเท่านั้น ครามก็ไม่อาจยับยั้งความปรารถนาที่พุ่งพล่านได้อีกต่อไป เขาดันผ้าห่มที่กองอยู่ปลายเตียงลง ก่อนจะอุ้มร่างบางของเธอขึ้นมาวางบนเตียงอย่างแผ่วเบา ลลิษาทอดกายลงบนที่นอนนุ่ม สายตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของครามที่ถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว
วินาทีที่แท่งเนื้อใหญ่ที่เคยเป็นเพียงแค่คำบอกเล่าปรากฏแก่สายตาของลลิษาอย่างเต็มตา
มันใหญ่และแข็งขึงอย่างที่เธอไม่เคยจินตนาการมาก่อน เธอรู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นสู่ใบหน้า แต่ก็ไม่อาจละสายตาได้
ครามทาบทับร่างลงมาบนตัวของเธอ ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งอย่างร้อนแรงกว่าเดิม ก่อนที่เขาจะเลื่อนตัวลงต่ำ...ซบหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่นของลลิษา มือหนาโอบกอดรั้งร่างบางเข้ามาชิดแนบแน่นจนแทบจะหลอมรวม
ลลิษาครางฮือในลำคอ เธอรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาที่รดรินอยู่ข้างหู และรับรู้ได้ถึง แท่งเนื้อ ที่แข็งขืนเบียดเข้ากับต้นขาด้านในของเธออย่างรุนแรง ความร้อนปรารถนาแผ่ซ่านไปทั่วร่าง จนเธอเกือบจะหลุดเสียงครางออกมาดังๆ เมื่อครามเริ่มขยับไหวเบาๆ ราวกับจะหยอกเย้า
“ผมทำไม่ได้ครับ”
เสียงทุ้มต่ำของครามกระซิบขึ้นข้างหูอย่างแผ่วเบา แต่กลับคมชัดจนลลิษาตัวแข็งทื่อ
เขาผละใบหน้าออกเล็กน้อย เงยขึ้นสบตากับเธอ ดวงตาคมกริบคู่นั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาที่มอดไหม้ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่ยากจะหยั่งถึง
“ผมเป็นบอดี้การ์ดของคุณหนู” เขาเอ่ยเสียงพร่า ราวกับต้องใช้แรงทั้งหมดเพื่อควบคุมตัวเอง “หน้าที่ของผมคือปกป้องคุณ... ไม่ใช่ทำลายเส้นแบ่งที่สำคัญที่สุดนี้”
ลลิษาเบิกตากว้าง หัวใจของเธอหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม ความร้อนรุ่มที่เคยแผ่ซ่านไปทั่วร่างเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าอย่างกะทันหัน เธอรู้สึกถึงความผิดหวังอย่างแรง...ความเสียดายที่แทบจะทุรนทุราย แต่ก็ไม่อาจแสดงออกได้
ครามค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกช้าๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างนุ่มนวล ใบหน้าของเขายังคงแดงก่ำ แต่แววตากลับคืนสู่ความเย็นชาและหนักแน่นดังเดิม เขาหันหลังให้เธอเพียงครู่เดียวเพื่อจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะหันกลับมามองเธอ
ลลิษานอนนิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกแขวนอยู่กลางอากาศ ความปรารถนาที่ถูกจุดขึ้นมาอย่างรุนแรงเมื่อครู่ ถูกดับลงอย่างกะทันหันจนเจ็บแปลบ
“นอนพักผ่อนนะครับ” ครามเอ่ยเสียงเรียบ เดินไปที่ประตู และเปิดมันออกช้าๆ “ผมจะอยู่หน้าห้องคุณหนูทั้งคืน ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว”
แล้วประตูก็ปิดลง... ทิ้งให้ลลิษานอนอยู่คนเดียวในความมืด พร้อมกับความร้อนรุ่มที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ในกาย ความเสียดายที่กัดกินหัวใจ และความสับสนในความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายที่เพิ่งจะจุดไฟในตัวเธอขึ้นมาจนแทบจะเผาไหม้ แต่กลับดับมันลงอย่างง่ายดาย
บอดี้การ์ดคนนี้...ไว้ตัวยิ่งกว่าที่เธอคิด และนั่นยิ่งทำให้เธอยิ่งปรารถนาเขามากขึ้นไปอีกหลายเท่า
ลลิษานอนนิ่งอยู่ในความมืด ริมฝีปากยังคงชุ่มชื้นจากจูบของเขา และเรือนกายก็ยังร้อนรุ่มจากการสัมผัสเมื่อครู่ แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่มากที่สุด...คือความรู้สึก ค้างคา ที่รุนแรงจนแทบจะกัดกินจิตใจของเธอให้แหลกละเอียด
เธอพลิกตัวไปด้านหนึ่งพลิกกลับอีกด้านขยับผ้าห่มเปิดแอร์แรงขึ้นแต่ก็ยัง นอนไม่หลับ
ไม่ได้สักที!
ความรู้สึกเหมือนกำลังจะไปถึงปลายทางแล้วโดนดึงกลับกลางอากาศ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายทั้งร่างค้างเติ่งอยู่เหนือเหว และไม่มีใครมาช่วยดึงขึ้นหรือปล่อยลงซะที
มือของเธอกำหมอนแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อผ้า ดวงตาจ้องเพดานราวกับจะเผามันให้ไหม้ เธอไม่เคยรู้สึก "คันใจ" และ "หงุดหงิด" ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต!
“บ้าเอ๊ย...” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ เสียงพร่าและแหบ
ปลายนิ้วของเธอเลื่อนแตะริมฝีปากตัวเองเบา ๆ รอยสัมผัสจากครามยังคงอ้อยอิ่งไม่จางหาย และเมื่อเธอหลับตาลง...ภาพของเขาก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
ใบหน้าเข้มขรึมที่แฝงไปด้วยความร้อนแรง
ลมหายใจที่เป่ารดข้างหู
แท่งเนื้อที่เบียดแน่นจนเธอรู้สึกถึงการเต้นของมันอย่างชัดเจน…
ลลิษาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหน้า หัวใจเต้นแรงระรัว
"นี่ฉันเป็นบ้าอะไร!"
แต่ต่อให้เธอสบถกับตัวเองกี่ครั้ง...ความร้อนตรง ร่องกลีบสาว ก็ยังเต้นตุ้บ ๆ เหมือนจะระเบิดอยู่ดี
เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างหัวเสีย พาตัวเองไปยืนพิงหน้าต่างบานใหญ่ หัวคิ้วขมวดแน่น ริมฝีปากเม้มจนเป็นเส้นตรง
ด้านล่างลานบ้านมืดสนิท
แต่เธอรู้ว่าเขายังอยู่...ที่หน้าประตู
เฝ้าเธอปกป้องเธอ
แล้วก็...
ปลุกเธอ แล้วทิ้งเธอไว้ค้างคาแบบนี้
ดวงตาของลลิษาเปล่งประกายบางอย่างออกมาในความมืด เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะรอให้ใครมาปลอบให้หายหงุดหงิดหรอก โดยเฉพาะถ้าคนที่ทำให้เธอหงุดหงิด...คือผู้ชายที่จุดไฟในตัวเธอขึ้นมาเองกับมือ
เธอเดินกลับมานั่งบนเตียง ร่างกายยังร้อนผ่าวอยู่ทั้งตัว ริมฝีปากยังคงบวมระเรื่อจากรอยจูบ เธอยกมือขึ้นแตะแผ่นท้องตัวเองเบา ๆ ไล้ลงไปช้า ๆ ตามเส้นทางที่ “มือของเขา” เคยลากผ่าน แล้วหยุดอยู่ที่ใจกลางดอกไม้ยังเต้นระริก...
"ถ้าเขาไม่กล้าข้ามเส้น..."
"...ฉันจะเป็นคนลบมันเอง"