แม้เสียงครางแผ่วในยามค่ำจะดับลงไปแล้วนานนับชั่วโมง แต่ไออุ่นของความลับยังคงลอยอยู่ในห้องนั้น... ลลิษายังนอนพิงอกคราม เนื้อตัวเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะนัก
“คืนนี้เหมือนฝันเลยนะคะ...”
เสียงของเธอเบาราวสายลม ปลายนิ้วไล้ไปตามกล้ามเนื้อแน่นตึงของคนรักในเงามืด
ครามไม่ได้พูดอะไร เพียงยกมือขึ้นลูบผมของเธอเบาๆ แล้วโน้มหน้าลงจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา
“ทุกคืนที่มีคุณหนู...มันไม่ใช่ความฝันหรอกครับ”
เสียงเขาทุ้มต่ำ และมีบางอย่างในแววตานั้นที่ทำให้ลลิษาแทบละลาย
พวกเขาไม่ต้องการคำสัญญา ไม่ต้องการอนาคตหรือคำว่าตลอดไป
เพียงแค่คืนนี้...ที่มีแค่กันและกันก็เพียงพอ
แต่ในห้องเล็กอีกฝั่งของคฤหาสน์
...ใครบางคนกำลังกระชับหูฟังแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีซีด
ภาคย์ ชายหนุ่มในชุดคนใช้ธรรมดา ไม่มีใครทันได้สังเกตว่าเขาอยู่ในบ้านหลังนี้มากี่ปีแล้ว
ไม่มีใครจำได้ว่าเขาเข้ามาเมื่อไหร่
ไม่มีใครสังเกตว่าเขา “เห็น” มากแค่ไหน
เขานั่งอยู่เงียบๆ หน้าจอเก่าๆ ที่เชื่อมเข้าระบบวงจรปิดบางจุดที่คนอื่นไม่ได้แตะต้อง
มุมหนึ่งในทางเดิน...มุมหนึ่งในห้องน้ำเงียบที่ใช้ไฟน้อย
เสียงจากไมโครโฟนเก่า…ยังคงบันทึกได้ดีพอสำหรับคนที่รู้วิธีฟัง
และเขาฟังทุกคืน
ฟังเสียงครามพูดเบาๆ กับคุณหนู ฟังเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ฟังเสียงตรงนั้นที่กลืนกินครามอย่างร้อนผ่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
และหัวใจของเขาก็ร้อนขึ้นเหมือนกำลังไหม้
“...คราม...”
เขากัดฟัน พึมพำชื่อบอดี้การ์ดคนนั้นด้วยเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน
เช้าวันถัดมา
ลลิษาลงมาทานข้าวในห้องอาหารส่วนตัวตามปกติ ครามยืนอยู่มุมห้องเงียบๆ เหมือนทุกวัน แต่ดวงตาเขาไม่เคยห่างจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว
แม่บ้านคนหนึ่งเดินมาวางจานขนมลงเบื้องหน้า พร้อมช้อนเงินเล็ก ๆ และผ้าลินินพับเรียบ
ทุกอย่างดูปกติ...หากลลิษาไม่เห็น “กระดาษเล็ก ๆ” สอดอยู่ใต้ผ้ารองจาน
เธอขมวดคิ้ว หยิบมันขึ้นมาแผ่วเบา แค่เพียงอ่านหนึ่งบรรทัด หัวใจก็เต้นผิดจังหวะ
“กล้องชั้นสองไม่ได้เสีย มันเห็นหมด แม้แต่คุณหนูที่แอบออกจากห้องตอนตีหนึ่ง…”
มือของลลิษาชะงัก
ดวงตาของเธอหันไปสบกับครามโดยไม่ตั้งใจ และในวินาทีนั้น เขารู้ทันที
มีคนรู้แล้ว
ภาคย์มองทุกอย่างผ่านจอภาพอีกฝั่ง ยิ้มบาง ๆ ปรากฏที่มุมปาก
เขาไม่โกรธ...ยังไม่
เขาแค่กำลังบอก “คุณหนู” ว่า
โลกนี้ยังมีคนที่เห็นเธอ...มากกว่าที่เธอคิด
และวันหนึ่ง...เขาจะทำให้เธอหันกลับมามองเขา ไม่ใช่คราม
ไม่ว่าเธอจะเต็มไปด้วยคราบของคนอื่นแค่ไหน
ไม่ว่าเธอจะเคยครางชื่อใครซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาจะลบมันออกด้วยมือของเขาเอง
มือของลลิษากำกระดาษโน้ตแผ่นเล็กแน่น ดวงตาหวานเบิกกว้างเพียงชั่ววินาที ก่อนเธอจะเก็บมันซ่อนไว้ในผ้ากันเปื้อนอย่างแนบเนียน
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะนี่ไม่ใช่จดหมายรัก
แต่คือคำขู่เงียบ ๆ ที่แฝงมากับของหวานในมื้อเช้า
ครามรับรู้ถึงความผิดปกติทันทีที่เธอลุกขึ้นจากโต๊ะเร็วกว่าปกติ และเอ่ยเสียงเรียบว่า
“ฉันขอขึ้นไปพักข้างบนก่อนนะ”
เขาพยักหน้ารับแต่ไม่พูดอะไร เพราะแค่แววตาของลลิษา...ก็เพียงพอให้เขารู้ว่า มีบางอย่างกำลังคุกคามเธอ
ที่ห้องควบคุมลับหลังคฤหาสน์
ภาคย์ ยังคงนั่งเงียบอยู่หน้าจอ ข้างกายมีแฟ้มหนา ๆ วางพิงไว้ เป็นแฟ้มที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเริ่มรวบรวมมานานแค่ไหนแล้ว
ข้างในเต็มไปด้วยภาพนิ่งจากกล้อง
ภาพลลิษาในทุกช่วงวัย…
ภาพเธอในชุดนอน
ภาพเธอหัวเราะให้ใครบางคน
และภาพเธอ...กำลังครวญครางในอ้อมแขนของชายที่ไม่ใช่เขา
มือของภาคย์แตะลงบนภาพหนึ่งที่พิมพ์ออกมา
เป็นภาพลลิษากำลังจูบครามในลิฟต์ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์อย่างลับ ๆ
“คุณหนู...คุณเปลี่ยนไปเยอะนะครับ”
เขากระซิบเบา ๆ คล้ายพูดกับภาพนั้น
“แต่ผมยังเหมือนเดิม...ผมยังอยู่ตรงนี้...ยังมองคุณเสมอ”
เย็นวันนั้น ครามเดินไปที่ห้องควบคุมระบบความปลอดภัยเพื่อเช็กบางอย่างตามสัญชาตญาณ เขาพบว่ากล้องตัวหนึ่งซึ่งควรจะเสีย ถูกเปลี่ยนเลนส์ใหม่อย่างแนบเนียนโดยไม่มีใครแจ้ง
เขากำหมัดแน่น
“มีคนเข้าถึงระบบโดยไม่แจ้งฉัน”
เสียงเขาเย็นเฉียบ
ภาคย์ที่ยืนอยู่อีกฟากของห้อง เอียงคอมองครามแล้วแสร้งยิ้มบาง ๆ
“อาจเป็นแค่ช่างลืมรายงานครับคุณคราม ผมจะตามเรื่องให้”
แต่ในมือของภาคย์มี แฟลชไดรฟ์ ดำสนิทซุกอยู่เงียบ ๆ ในกระเป๋าเสื้อ
และในนั้น...คือทุกเสียง ทุกภาพที่ลลิษาอยากเก็บไว้เป็น “ความลับ”
คืนนั้นลลิษานอนไม่หลับ
เธอนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง มือยังคงจับกระดาษใบนั้นไว้แน่น
“มีใครบางคนรู้...”
ครามเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ ไม่ถามอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกมา
เธอวางกระดาษโน้ตลงบนมือเขา และเพียงแค่กวาดตามองบรรทัดเดียว สีหน้าครามก็เปลี่ยน
“ผมจะหาคนที่เขียนนี่ให้เจอ”
เสียงเขาเย็นเรียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ในมุมมืดของคฤหาสน์
ภาคย์ยืนมองแสงไฟจากห้องลลิษาเล็ดลอดผ่านม่าน
เขายกแฟ้มภาพขึ้นแนบอก สูดลมหายใจลึก
“ไม่ว่าเธอจะหนีไปอยู่ในอ้อมแขนใคร...ฉันจะ ‘ดึง’ เธอกลับมา”
“เพราะคุณหนู...คือของผม”