ณ คฤหาสน์ เอ็มมานูเอล
“สวัสดีค่ะป้า” เสียงของพริมรดากล่าวสวัสดีผู้เป็นป้าในห้องครัวของคฤหาสน์หรูเมื่อเดินทางกลับจากมหาวิทยาลัย
“อ้าวมาแล้วเหรอลูก ไปเก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ได้นะตรงนี้เรียบร้อยแล้ว” ป้าชื่น แม่บ้านประจำตระกูลเอ็มมานูเอลกล่าวกับผู้เป็นหลานสาว
“อ้อพริม คุณหญิงท่านเรียกให้หาน่ะ เรียบร้อยแล้วก็ไปพบท่านซะนะลูก”
“ค่ะป้า” หญิงสาวตอบรับพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนเลี่ยงตัวออกจากห้องครัวเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บของใช้ส่วนตัว
เธอพักอยู่กับป้าชื่นที่คฤหาสน์หลังนี้มา 7 ปีแล้วตั้งแต่พ่อแม่เธอเสียไป ป้าของเธอเป็นคนเก่าคนแก่เป็นแม่บ้านที่อยู่รับใช้บ้านของคุณหญิงรตีมาตั้งแต่สมัยสาว ๆ จนกระทั่งคุณหญิงรตีแต่งงานกับคุณราฟาเอล ป้าของเธอก็ย้ายตามมาดูแลเจ้านายที่นี่ คุณหญิงรตีถือว่าป้าชื่นเป็นเหมือนญาติคนหนึ่งจึงยกให้ป้าชื่นคอยดูแลจัดการงานต่าง ๆ และควบคุมแม่บ้านและคนงานในบ้านช่วยเธอ ทั้งยังให้พักอาศัยร่วมกับพวกท่านไม่ได้แยกให้ไปอยู่ในเรือนคนใช้ พอเธอมาอยู่ที่นี่ท่านทั้งสองก็อุปการะให้การศึกษา เลี้ยงดูเธออย่างลูกหลานไม่ใช่คนรับใช้แต่อย่างใด ทำให้เธอซาบซึ้งในบุญคุณประมุขของบ้านเป็นอย่างมาก
“สวัสดีค่ะคุณป้า” พริมรดาเดินมาหาคุณหญิงรตีพร้อมสวัสดีอย่างนอบน้อมพลันสายตาก็เหลือบไปเห็น ฟาเบียน ชายหนุ่มที่เธอแอบรักมานานนั่งอยู่ข้างมารดา หญิงสาวจึงหันไปไหว้เขาอย่างเกร็ง ๆ เพราะเธอไม่สนิทกับเขา ทั้งสองไม่ค่อยเจอกันเพราะเขาแยกตัวไปอยู่คอนโดนาน ๆ จะกลับบ้านหนหนึ่ง อีกทั้งท่าทีเฉยชาที่เขามีให้เธอเสมอมาทำให้เธอไม่ค่อยกล้าคุยหรือสบตากับเขาเท่าใดนัก
“หนูพริมมาแล้วเหรอลูก ป้ามีเรื่องจะคุยด้วยพอดี”
“ค่ะคุณป้า” หญิงสาวตอบหญิงสูงวัยอย่างนอบน้อม
“นี่จะเทอมสุดท้ายแล้วหนูต้องฝึกงานใช่ไหมลูก”
“ใช่ค่ะคุณป้า” หญิงสาวตอบอย่างเกร็ง ๆ เพราะความประหม่าที่มีเขานั่งอยู่
“ดีเลย ป้าจะให้หนูไปฝึกงานที่บริษัทเรานะ จะได้ถือเป็นการเรียนรู้งานในบริษัทไปเลย” คุณหญิงรตีกล่าวอย่างยิ้ม ๆ
“เอ่อ คือหนูยื่นใบสมัครฝึกงานไปแล้วค่ะคุณป้า”
“อ้าวตายจริง แล้วจะทำยังไงล่ะ ป้าอยากให้หนูไปเรียนรู้งานที่บริษัท จะไปสมัครที่อื่นทำไมล่ะลูกบริษัทเราก็มี”
“คือ หนูเกรงใจคุณลุงคุณป้าน่ะค่ะ กลัวคนในบริษัทจะว่าเอาว่าใช้เส้นสายเจ้าของบริษัท กลัวจะเสียชื่อถึงคุณลุงคุณป้า” พริมรดาตอบด้วยความเกรงใจ
“ยื่นไปแล้วมันจะยังไง ยังไม่ได้ไปทำงานซะหน่อย ไปฝึกที่บริษัทนั่นแหละอย่าเรื่องมาก” เสียงเข้มของฟาเบียนเอ่ยขึ้นหลังจากฟังบทสนทนาระหว่างมารดาและหญิงสาว เขาฟังแล้วหงุดหงิด เธอจะอะไรนักหนากับการที่ไปฝึกงานที่บริษัทของเขา ทำไมต้องเกรงใจ ฮึ! นี่คงไม่อยากอยู่ใกล้เขาสินะ ไหนจะท่าทีอึดอัดลำบากใจเวลาที่เธอเจอเขานั่นอีก “คอยดูเถอะพริมรดาถึงเวลาเมื่อไหร่ ฉันจะไม่ทนอีกต่อไป” ฟาเบียนกล่าวในใจ
“ถ้างั้นตกลงตามนี้นะลูก หนูไม่ต้องห่วงว่าจะมีปัญหาเรื่องบริษัทที่หนูไปสมัครงานด้วยนะเดี๋ยวป้าให้เลขาพี่เขาจัดการให้” คุณหญิงรตีกล่าวรวบรัดเมื่อเห็นบุตรชายพูดจบ
“ค่ะคุณป้า” พริมรดารับคำทั้งที่ยังก้มหน้า เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา กลัวว่าทั้งสองจะเห็นน้ำตาที่คลอตาของเธอ เธอน้อยใจเขาที่ไม่เคยพูดจาดี ๆ กับเธอเลยสักครั้ง ที่เขาพูดมาเมื่อกี้ก็คงเพราะรำคาญไม่อยากจะพูดเรื่องของเธอนาน ๆ นั่นเอง