ตอนที่ 2: ศิษย์นอกคอกแห่งสำนักเมฆามังกร
สำนักเมฆามังกร: ที่พักพิงของคนนอกคอก
สำนักเมฆามังกรตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยเมฆหมอกจาง ๆ แม้จะเป็นสำนักเล็ก ๆ ที่ไม่ติดอันดับในยุทธภพ แต่ก็ยังคงเป็นสถานที่ฝึกฝนของศิษย์นับร้อยที่ใฝ่ฝันจะก้าวไปสู่เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ศิษย์ที่นี่ถูกแบ่งออกเป็นสามระดับอย่างชัดเจน: ศิษย์หลัก (ผู้มีพรสวรรค์สูง), ศิษย์รอง (ผู้มีความพยายามและพอมีพลัง), และ จวินเสวียน... ศิษย์ก้นกุฏิที่ถูกจัดอยู่ในหมวด "นอกคอก"
จวินเสวียนในร่างใหม่ใช้ชีวิตอยู่ในสำนักแห่งนี้มานานกว่าสามปีแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความอับอายขายหน้าและความเบื่อหน่ายขั้นสุด เขาพยายามฝึกฝนอย่างหนักในช่วงปีแรก ๆ เพราะความรู้จากโลกเดิมบอกเขาว่า 'ความพยายามไม่เคยทรยศใคร' แต่ในโลกแห่งพลังชี่และสายเลือดศักดิ์สิทธิ์นี้, ความพยายามอย่างเดียวมันไม่พอ
เขาฝึกฝนวิชาพื้นฐานของสำนัก, "เพลงกระบี่เมฆาลอย" ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบจะจำได้ทุกกระบวนท่า, แต่เมื่อเขาเรียกใช้พลังชี่เพื่อประสานกับกระบี่, ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ... แสงวิญญาณจาง ๆ ที่วูบดับไปทันที, ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเยาะของศิษย์คนอื่น
“จวินเสวียน! เจ้ากำลังใช้กระบี่หรือใช้ไม้จิ้มฟันกันแน่! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ชี่ธาตุดินขั้นที่หนึ่ง! ข้าสูดหายใจยังได้พลังมากกว่าเจ้าเลย!”
จวินเสวียนมักจะยิ้มตอบแบบเขิน ๆ และขอโทษขอโพยอย่างนอบน้อม ทำให้บรรดาผู้ดูถูกเขาต้องถอนหายใจด้วยความรำคาญ เพราะไม่สามารถทำให้เขารู้สึกโกรธหรือตอบโต้กลับได้
ความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดกับอาจารย์
คนที่ปฏิบัติต่อจวินเสวียนอย่างแตกต่างจากคนอื่นมีเพียงคนเดียว นั่นคือ ท่านอาจารย์เถียนไห่ ผู้เป็นเจ้าสำนักที่ชราและอ่อนแอ
อาจารย์เถียนไห่เป็นคนพบจวินเสวียน (ร่างเดิม) ถูกทิ้งไว้หน้าประตูสำนักเมื่อหลายปีก่อน ด้วยความเมตตาและเชื่อมั่นว่า “ถึงแม้จะไร้พรสวรรค์ แต่จิตใจที่อ่อนโยนก็มีค่ามากกว่าพลังชี่ที่แข็งแกร่ง” ท่านจึงรับเขาไว้เป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่แทบจะไม่มีความหวัง
จวินเสวียนให้ความเคารพอาจารย์เถียนไห่อย่างสุดหัวใจ ไม่ใช่แค่เพราะความเมตตาที่ได้รับ แต่เพราะอาจารย์เป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจความชอบอันแปลกประหลาดของเขา
> “เสวียนเอ๋อร์, เจ้าไม่สามารถฝึกวิชาเซียนได้... แต่เจ้าสามารถฝึกฝนวิชาอื่นได้” อาจารย์เคยกล่าวไว้
> “วิชาอะไรหรือขอรับ/คะ อาจารย์?”
> “วิชาการบ่มเพาะรสชาติ! เหล้าที่เจ้าต้มกลั่นนั้น... มันมีรสชาติที่ทำให้คนลืมความทุกข์ไปได้ชั่วขณะ”
>
อาจารย์เถียนไห่เป็นผู้รู้เรื่องสมุนไพรและพืชพันธุ์ต่าง ๆ เป็นอย่างดี ท่านช่วยจวินเสวียนในการค้นคว้าและผสมผสานสมุนไพรพื้นเมืองเข้ากับเทคนิคการกลั่นจากโลกเก่าของเขา ทำให้ 'สุราชำระดวงจิต' พัฒนาจากเครื่องดื่มธรรมดาไปสู่ของวิเศษที่สามารถปลุกพลังเล็ก ๆ ในตัวผู้ดื่มได้จริง
ทุกค่ำคืน, เมื่อดวงจันทร์ลอยเด่น, อาจารย์เถียนไห่และจวินเสวียนจะแอบมานั่งดื่มสุราด้วยกันที่ศาลาริมน้ำตก พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องราวในยุทธภพ, ความฝันที่จะได้เห็นโลกกว้าง, และปรัชญาการใช้ชีวิตอย่างคนที่มีความสุข
“เสวียนเอ๋อร์,” อาจารย์เคยจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง “พรสวรรค์ของเจ้านั้นซ่อนอยู่ในน้ำสุรานี้แหละ จงใช้มัน... ใช้มันเพื่อนำทางชีวิตเจ้าไปสู่ความสุข”
ความปรารถนาลับ ๆ และความผิดหวัง
ในฐานะศิษย์นอกคอก, จวินเสวียนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนวิชาขั้นสูง หรือแม้แต่เข้าร่วมภารกิจสำคัญของสำนัก เวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงหมดไปกับการทำความสะอาดห้องสมุด, กวาดลานฝึก, หรือบางครั้งก็ถูกสั่งให้ไปซื้อของในตลาด
แต่สิ่งที่เขาทำอย่างลับ ๆ คือการศึกษาตำราโบราณที่เขาขโมยมาได้จากห้องสมุด เขาไม่ได้สนใจวิชาต่อสู้, แต่เขาสนใจ การเดินทาง, แผนที่, และประวัติศาสตร์ของโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องราวของ จอมมาร และดินแดนต้องห้าม
“จอมมารเนี่ยนะ... จะต้องเป็นคนแบบไหนกันถึงได้ถูกเรียกว่า ‘ปีศาจ’?” จวินเสวียนเคยคิดอย่างตลกขบขัน “ถ้าฉันเจอจอมมาร ฉันจะชวนเขามาดื่มเหล้ากัน! บางทีพวกเขาอาจจะแค่ขาดคนเข้าใจก็ได้!”
ความปรารถนาที่จะออกเดินทางท่วมท้นในใจของเขา เขาอยากจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าโลกนี้กว้างใหญ่และน่าตื่นเต้นเพียงใด
วันหนึ่ง, ศิษย์พี่รอง, หลิงเฟิง, ผู้ที่มีพลังชี่ระดับสูงและมักจะดูถูกจวินเสวียนอยู่เสมอ, ได้เข้ามาพบเขาขณะที่เขากำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้าและจิบเหล้าอย่างเงียบ ๆ
“เจ้ายังคงใช้ชีวิตอย่างขยะเช่นเดิมสินะ, จวินเสวียน” หลิงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลน “อีกไม่นานข้าจะออกเดินทางไปบำเพ็ญเพียรในโลกภายนอก เพื่อสะสมบารมีและสร้างชื่อเสียงให้กับสำนัก ส่วนเจ้า... ก็คงต้องนั่งทำความสะอาดสำนักจนตายไปในที่สุด”
จวินเสวียนยิ้มอย่างไม่ถือสา “นั่นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเลยครับ/ค่ะ ศิษย์พี่หลิงเฟิง ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยและได้พบกับโชคลาภมากมายนะครับ/คะ”
ความจริงใจและอารมณ์ดีที่เกินเหตุของจวินเสวียนทำให้หลิงเฟิงรู้สึกเหมือนชกเข้ากับกำแพงนุ่น เขาทำได้เพียงสะบัดหน้าหนีไปอย่างรำคาญ
จวินเสวียนมองตามหลังศิษย์พี่ไปอย่างเงียบ ๆ แล้วถอนหายใจเบา ๆ
“หลิงเฟิงเอ๋ย, เจ้าจะออกไปค้นหาสมบัติและพลัง... แต่ข้า, จวินเสวียนคนนี้, จะออกไปค้นหาสิ่งที่ล้ำค่ากว่านั้น นั่นคืออิสรภาพและเหล้าที่ดีที่สุดในโลก!”
แม้จะถูกดูถูกว่าเป็นคนนอกคอกและไร้ค่า, แต่ภายในใจของจวินเสวียนนั้นเต็มไปด้วยความกล้าหาญที่มองไม่เห็น—ความกล้าที่จะแตกต่าง, ความกล้าที่จะหัวเราะเมื่อคนอื่นร้องไห้, และความกล้าที่จะใช้ชีวิตในแบบที่เขาเลือกเอง