ตอนที่ 8: ความลับของความอ่อนแอและสุราแห่งความรัก
ค่ำคืนใต้แสงดาว
หลังจากการปะทะกับโจรพเนจร จวินเสวียนและนางก็ได้ตั้งแคมป์ริมลำธารแห่งใหม่ที่ลึกเข้าไปในป่า หมอกครามเริ่มหนาแน่นขึ้นในยามค่ำคืน ทำให้บรรยากาศดูมืดมิดและลึกลับ แต่จวินเสวียนก็ยังคงร่าเริง เขากำลังต้มน้ำซุปสมุนไพรและย่างเนื้อป่าอย่างชำนาญ
“ท่านสหายใบ้! ท่านต้องลองซุปนี่นะครับ! มันช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและเสริมบำรุงหัวใจ!” จวินเสวียนยื่นชามซุปให้กับนางด้วยรอยยิ้ม
นางรับชามซุปมาอย่างเงียบ ๆ และนั่งลงข้างกองไฟ นางสังเกตจวินเสวียนที่ดูแลทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่ว แม้จะไร้พลังวิชา แต่เขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้ชีวิตกลางแจ้งอย่างแท้จริง
ขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารกันอยู่นั้น, จวินเสวียนก็หยิบสุราออกมาอีกครั้ง
“วันนี้ข้าดีใจมากเลยนะครับที่ท่านช่วยข้า! มา! ฉลองให้มิตรภาพของเรา! นี่คือ สุราแห่งความรัก สูตรที่ข้าบอกโจรไปเมื่อบ่ายนี้แหละครับ!”
จวินเสวียนรินเหล้าลงในถ้วยไม้ไผ่ และส่งให้นาง นางรับมาด้วยความสนใจ สุราชำระดวงจิตทำให้ร่างกายนางสงบแล้ว แต่สุราแห่งความรักนี้... อาจมีอะไรที่แตกต่างออกไป
นางจิบมันช้า ๆ... รสชาติของมันซับซ้อนกว่าเดิมมาก! มันมีรสเผ็ดร้อนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความหวานหอม และเมื่อดื่มเข้าไปแล้ว, ร่างกายจะรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายอย่างรุนแรง พลังที่ซึมซาบเข้าไปในร่างกายไม่ได้เน้นการฟื้นฟูพลังชี่, แต่เน้นการเยียวยาจิตใจและคลายความตึงเครียด
“เป็นไงบ้างครับ! สุราแห่งความรัก! มันทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้นใช่ไหมครับ?” จวินเสวียนถามด้วยความหวัง
นางพยักหน้าเล็กน้อย นางรู้สึกว่าความรู้สึกที่ตึงเครียดจากการเปลี่ยนร่างเริ่มบรรเทาลง แต่มันก็ยังทำให้จิตใจของนางอ่อนไหวอย่างประหลาด นางรู้สึก... อยากจะพูดออกมา
จวินเสวียนเห็นแววตาของนางที่ดูอ่อนลง, ก็ถือโอกาสเล่าเรื่องที่เขาไม่เคยเล่าให้ใครฟัง
“ท่านสหายใบ้... ข้าจะบอกความลับบางอย่างให้ท่านฟังนะครับ” จวินเสวียนกระซิบเสียงต่ำ พลางมองไปที่กองไฟ “ความจริงแล้ว... ข้าไม่ได้ชื่อจวินเสวียนหรอกครับ... ข้ามาจากโลกที่แตกต่างออกไป... โลกที่ไม่มีพลังวิชา, ไม่มีสำนัก, และไม่มีใครรู้จัก สุราชำระดวงจิต ที่เป็นของวิเศษนี่เลย...”
การสารภาพของคนตลก
จวินเสวียนเล่าเรื่องราวของโลกเดิมของเขาอย่างละเอียด: เรื่องราวของโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี, เรื่องราวของกีฬาที่ชื่อฟุตบอล, และเรื่องราวที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบทำอาหารและต้มเหล้าเท่านั้น
“ข้าไม่เคยบอกใครเลยนะครับ! เพราะข้ากลัวว่าพวกเขาจะหาว่าข้าบ้า! แต่ท่านดูเงียบ ๆ ดี... ท่านไม่หัวเราะข้าใช่ไหมครับ?” จวินเสวียนถามด้วยความไม่มั่นใจ
นางมองเขาอย่างเงียบ ๆ นางไม่เข้าใจคำว่า 'เทคโนโลยี' หรือ 'ฟุตบอล' แต่ที่นางเข้าใจคือ... ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านางผู้นี้ ไม่ได้โง่เขลาอย่างที่แสดงออก, แต่เป็นคนแปลกหน้าที่แบกความลับที่ยิ่งใหญ่กว่าใครในยุทธภพ
“เขาไม่ได้มาจากโลกนี้... เขาคือผู้บุกรุกจากมิติอื่น... ไม่น่าแปลกใจที่เหล้าของเขามีพลังวิเศษขนาดนี้! ข้าต้องได้สูตรเหล้าของเขามาให้ได้!” ความอยากได้สูตรเหล้าเพิ่มขึ้นในใจของนางอย่างรุนแรง
จวินเสวียนเห็นนางเงียบไปก็คิดว่านางเชื่อเขาแล้ว
“แล้วอีกความลับหนึ่งนะครับสหาย...” จวินเสวียนลดเสียงลงอีก “ถึงแม้ข้าจะเป็นศิษย์ของสำนักเมฆามังกร... แต่ข้าอ่อนแอที่สุดในโลกครับ! ข้าไม่มีพลังชี่แม้แต่น้อย! ข้าแกล้งทำเป็นฝึกทุกวัน เพราะอาจารย์เถียนไห่เชื่อมั่นในตัวข้า... แต่ตอนนี้ท่านตายแล้ว, ข้าก็แค่มนุษย์ที่ไร้พลังที่จะปกป้องตัวเอง... ข้าทำได้แค่ต้มเหล้าและเอาตัวรอดไปวัน ๆ เท่านั้นเองครับ...”
จวินเสวียนเปิดเผยความอ่อนแอของเขาอย่างหมดเปลือก และมองนางด้วยสายตาที่เจือด้วยความเหงาเล็กน้อย
นางมองเขาด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนเกินบรรยาย ความอ่อนแอของเขาชัดเจน แต่ความสามารถในการเอาตัวรอดของเขานั้นน่าทึ่ง การที่เขาสามารถแสร้งทำเป็นผู้ฝึกวิชาและเดินทางมาได้ไกลขนาดนี้... นั่นไม่ใช่ความโง่, แต่เป็นความฉลาดในการซ่อนเร้นชั้นสูง!
“ท่านสหายใบ้... ท่าน... ท่านเป็นคนเดียวที่ข้ากล้าเล่าเรื่องนี้... ท่านอย่าทิ้งข้าไปนะครับ... ข้ากลัวการเดินทางคนเดียวจริงๆ...” จวินเสวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมองอย่างแท้จริง
การตัดสินใจของผู้ซ่อนเร้น
คำพูดของจวินเสวียนทำให้หัวใจที่เยือกเย็นของนางเต้นผิดจังหวะ นางไม่เคยสนใจความรู้สึกของมนุษย์คนใดมาก่อน แต่คำสารภาพที่ซื่อตรงของชายผู้นี้... ทำให้เกิดความรู้สึก 'เห็นใจ' ที่นางไม่เคยรู้จักมาก่อน
นางมองไปที่ใบหน้าของจวินเสวียน, มองไปที่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเหงาและรอยยิ้มที่พยายามกลบเกลื่อนความกลัว นางตัดสินใจแล้ว
“ข้าจะเดินทางไปกับเขา... ไม่ใช่เพราะข้าเห็นใจ, แต่เพราะเขาคือแหล่งของ สุราแห่งความรัก และ สุราชำระดวงจิต และข้าต้องปกป้องแหล่งพลังงานนี้ไว้จนกว่าข้าจะบรรลุวิชาขั้นต่อไป... และที่สำคัญ, การอยู่ข้างเขาที่อ่อนแอที่สุดในยุทธภพ จะช่วยปกปิดความลับเรื่องร่างกายใหม่ของข้าได้ดีที่สุด!”
นางหยิบกิ่งไม้จากกองไฟขึ้นมา แล้วบรรจงขีดเขียนลงบนพื้นดินอย่างประณีต:
'ข้า... จะปกป้องเจ้า... จนกว่าจะถึงจุดหมาย'
จวินเสวียนอ่านข้อความนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความปิติยินดี เขารีบลุกขึ้นจับมือนางไว้ด้วยความตื่นเต้น
“โอ้! สหายใบ้! ท่านช่างเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกเลยครับ! ขอบคุณมาก!”
สัมผัสที่อบอุ่นและบริสุทธิ์ของจวินเสวียน ทำให้ร่างของนางถึงกับสะท้านไปทั่ว! นี่คือครั้งแรกที่ร่างใหม่ของนางถูกสัมผัสโดยบุรุษ (แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไร้ค่า) ความรู้สึกที่รุนแรงและสั่นสะเทือนทางอารมณ์นี้... ทำให้ใบหน้าของนางเริ่มแดงเรื่อขึ้นมาอย่างช้า ๆ ภายใต้ความมืดมิด
นางรีบดึงมือกลับทันที, แสดงสีหน้าเย็นชาที่เกือบจะคลั่ง, แล้วชี้ไปที่เหล้าในถุงของเขา—เพื่อเปลี่ยนประเด็นและแสดงความสนใจในสิ่งเดียวที่ 'สำคัญ'
จวินเสวียนหัวเราะอย่างมีความสุข “ฮ่าฮ่า! เข้าใจแล้วครับ! สุรา! แน่นอน! คืนนี้เรามาดื่มกันให้เต็มที่เลยนะครับ!”