ตอนที่ 9: ภัยคุกคามแรกและเสน่ห์ของคนโง่
การรุกคืบของป่าหมอกคราม
หลังจากการตกลงร่วมเดินทางกัน, การเดินทางของจวินเสวียนและนางก็ได้เข้าสู่ดินแดนที่มีหมอกครามปกคลุมอย่างหนาแน่น ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยอันตรายที่มองไม่เห็น แต่จวินเสวียนก็ยังคงร่าเริง เขามักจะเล่าเรื่องราวตลก ๆ และเรื่องราวแปลกประหลาดจากโลกเดิมของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
สำหรับนาง, ทุกวินาทีของการเดินทางคือการต่อสู้ภายในที่ต้องซ่อนเร้น การแปรเปลี่ยนทางจิตใจ กำลังคืบคลานเข้ามาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว นางเริ่มสังเกตเห็นความอ่อนไหวที่ไม่เคยมีมาก่อน, เริ่มรู้สึกรำคาญเมื่อถูกจ้องมอง, และเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวเมื่อถูกจวินเสวียนสัมผัส
“ข้าไม่เคยสนใจความร้อน, ความหนาว หรือความรู้สึกรำคาญมาก่อน... เหตุใดร่างกายใหม่นี้จึงทำให้ข้าอ่อนแอลงถึงเพียงนี้? นี่เป็นผลจากวิชาของข้าอย่างนั้นหรือ?” นางพยายามหาเหตุผลทางวิชาการต่อความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้น
จวินเสวียนเดินมาเคียงข้างนาง พลางชี้ไปที่พุ่มไม้ที่มีร่องรอยการข่วนขนาดใหญ่
“ท่านสหายใบ้! ท่านดูสิ! ร่องรอยสัตว์อสูรใหญ่มากเลยนะครับ! โชคดีที่ท่านแข็งแกร่ง! ถ้าเกิดอะไรขึ้น ท่านต้องปกป้องข้าไว้นะครับ!” จวินเสวียนยิ้มอย่างเชื่อมั่นในตัว 'สหายชาย' ของเขา
นางพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเมินเฉย แต่ภายในใจกลับรู้สึกตึงเครียดอย่างประหลาด นางไม่ได้ตึงเครียดเพราะอันตราย, แต่ตึงเครียดเพราะคำพูดที่แสดงความเชื่อใจที่ไร้เดียงสาของเขา
ในขณะที่เดินตัดผ่านพุ่มไม้หนาทึบ, ทันใดนั้น, ก็มีเสียงขู่คำรามต่ำ ๆ ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของ อสูรเขี้ยวพิษ สองตัว พวกมันพุ่งเข้าใส่ทั้งสองอย่างรวดเร็ว
จวินเสวียนกรีดร้องด้วยความตกใจอย่างแท้จริง “โอ๊ย! ท่านสหายใบ้! สัตว์ประหลาด!”
จวินเสวียนทำได้เพียงกระโดดหลบการจู่โจมของอสูรตัวแรกอย่างทุลักทุเลและไร้ทักษะอย่างสิ้นเชิง ร่างกายของเขาอ่อนแอและเปราะบางอย่างที่เขาบอกจริง ๆ
นางมองความอ่อนแอของจวินเสวียนด้วยความโกรธปนความร้อนรน
“หากข้าปล่อยให้เขาตายที่นี่... ข้าก็จะสูญเสียโอกาสในการทำความเข้าใจการแปรเปลี่ยนของตนเอง และสูญเสียแหล่งของสุราวิเศษไป!”
อสูรตัวที่สองพุ่งเข้าหานาง นางเบี่ยงตัวหลบได้อย่างง่ายดายด้วยความเร็วที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปอย่างมาก และเมื่ออสูรพลาดเป้า, นางก็ ใช้สันมือฟาดลงไปที่ลำคอของมัน อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
แคร่ก! อสูรตัวนั้นคอหักตายทันที
อสูรอีกตัวที่กำลังจะโจมตีจวินเสวียนถึงกับชะงัก จวินเสวียนเองก็ตาค้าง “โอ้โห! สหาย! ท่านใช้มือเปล่าจัดการมันเหรอครับ!? ท่านสุดยอดมาก!”
อสูรที่เหลือหันมาเผชิญหน้านางแทนด้วยความโกรธ ทันใดนั้น, นางก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นในใจ: ความห่วงใย นางไม่อยากให้จวินเสวียนเข้ามาเสี่ยงในบริเวณที่อันตราย
นางใช้ดวงตาคมกริบของตน จ้องมองไปที่อสูร ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ในการขับไล่, ไม่ใช่การฆ่า แต่อำนาจที่แฝงอยู่ในดวงตาของนาง (ผลจากพลังวิชาที่แปรเปลี่ยนไป) กลับทำให้สัตว์ร้ายนั้นเกิดความหวาดกลัวจนสุดขีด มันร้องเสียงหลงและรีบวิ่งหนีเข้าป่าไปทันที
จวินเสวียนทิ้งตัวลงกับพื้นด้วยความอ่อนแรง, หอบหายใจอย่างหนัก
“ฮู่ววว... เกือบไปแล้วครับ! ท่านช่วยข้าไว้จริง ๆ !” จวินเสวียนคลานเข้ามาใกล้, พยายามจะจับมือนางด้วยความตื่นเต้น
นางรีบดึงมือกลับ นางรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านบนใบหน้าเมื่อเขาเข้าใกล้ มันไม่ใช่ความโกรธ, แต่มันคือ ความรู้สึกสั่นไหวที่รุนแรง ที่นางไม่เคยรู้จักมาก่อน
จวินเสวียนไม่ใส่ใจ, เขาลุกขึ้นยืนและมองนางด้วยความชื่นชมอย่างสุดซึ้ง
“ท่านสหายใบ้! ข้าไม่รู้เลยว่าท่านแข็งแกร่งขนาดนี้! ท่านดูเหมือนชายธรรมดา, แต่ความจริงแล้ว... ท่านต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ที่เก่งที่สุดในยุทธภพแน่ ๆ!”
คำพูดของจวินเสวียนทำให้ความร้อนบนใบหน้าของนางลดลง, ถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาตามปกติ
“ชายธรรมดา? ข้ายังดูเหมือนชายอยู่ใช่ไหม? ดีแล้ว!” นางรู้สึกโล่งใจที่การปลอมแปลงยังคงใช้ได้
แต่แล้วจวินเสวียนก็พูดต่อในสิ่งที่ทำให้นางต้องนิ่งงัน
“ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าท่านมีผิวที่เนียนเหมือนผู้หญิง... แต่ตอนนี้ข้าเห็นท่านต่อสู้... ท่านดูสง่างามมากครับ... สง่างามกว่าผู้ชายที่ข้าเคยเห็นทุกคนเลยครับ ท่านเหมือนจอมยุทธ์ผู้เคร่งขรึมในตำนานเลย!” จวินเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ซื่อตรง
คำว่า 'สง่างาม' ที่ถูกพ่นออกมาจากปากของจวินเสวียนพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่คาดหวังนี้, พุ่งตรงเข้าสู่จิตใจที่กำลังอ่อนไหวจากการแปรเปลี่ยนของนาง
สง่างาม... มันไม่ใช่คำที่ใช้บรรยายบุรุษ แต่เป็นคำที่ใช้บรรยาย สตรี นางรู้สึกถึงความรู้สึกที่แปลกประหลาดไหลเวียนในร่างกาย, ความรู้สึกชอบที่เริ่มต้นอย่างช้า ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการชื่นชมในฐานะนักรบ, แต่เป็นการชื่นชมในฐานะ... ผู้หญิง ที่ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งมองด้วยสายตาที่ซื่อตรงและสดใส
นางรีบหันหลังหนี, ไม่ต้องการให้จวินเสวียนเห็นใบหน้าที่กำลังแดงก่ำของตนเองที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ นางหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเขียนลงบนพื้นดิน
จวินเสวียนยิ้มอย่างมีความสุข “ฮ่าฮ่า! เข้าใจแล้วครับ! สหาย! ท่านเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ! ไปกันเลยครับ!”
นางเร่งฝีเท้าไปข้างหน้า, แต่ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนระหว่างความเย็นชาของ 'จอมมาร' เดิม, และความรู้สึกอ่อนไหวของ 'สตรี' ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว... โดยมี จวินเสวียน เป็นตัวกระตุ้น