THE HEARTLESS :15

1420 Words
“อื้ออ ธะ...ธาม อย่าทำ” ฉันร้องท้วงขึ้นทันทีที่ริมฝีปากหนากดจูบลงมาที่ซอกคอขาวและขมเม้มมันอย่างแรงจนฉันกลัวว่ามันจะเป็นรอย แต่ดูเหมือนเขาตั้งใจจะทำให้มันเป็นรอยเพราะเสียงแค่นหัวเราะในลำคอหลุดออกมาอย่างชอบใจก่อนจะออกแรงดูดซ้ำๆ ในจุดเดิมจนพอใจแล้วผละออกใช้นิ้วโป้งลูบตรงจุดที่เขากระทำนั่นพร้อมกับยกยิ้มขึ้นมุมปากแบบกวนๆ ตามสไตล์ ฉันออกแรงผลักร่างหนาออกและพุ่งตัวไปยังกระจกเงาบานใหญ่ด้านหน้าทันที “โฮะ...ธานินทร์!! ทำบ้าอะไรเนี่ย!” ฉันโพล่งออกมาด้วยความตกใจ...ตกใจแค่ไหนดูจากการเรียกชื่อ พลางเอามือถูรอยคิสมาร์คสีกุหลาบบนซอกคอเห็นเด่นชัดที่ขนาดเด็กประถมก็น่าจะรู้ บ้าชะมัด เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ฉันส่งสายตาดุผ่านกระจกเงาไปให้คนเอาแต่ใจที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างหลังอย่างน่าหมั่นไส้ ฉันโกรธเขาจริงๆ นะตอนเนี่ย ทำแบบนี้ในที่สาธารณะได้ยังไงกัน ไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันจะอายแค่ไหน ฉันทำท่าฟึดฟัดใส่เขาก่อนหันเดินไปทางประตูแต่ยังไม่ทันได้เปิดร่างฉันก็ถูกจับหันกลับมาหาเขาซะก่อนพร้อมกับประโยคที่ทำให้ใจฉันเต้นรัวยิ่งกว่าตอนจูบเมื่อกี้นี้อีกเป็นพันเท่า “คนอื่นมันก็จะได้รู้ ว่าโรสมีเจ้าของแล้ว” มะ...มีเจ้าของ เป็นเขาอย่างงั้นเหรอ หูฉันไม่ได้เพี้ยงไปใช่มะ เสียงทุ้มที่เหมือนจะไม่มีอารมณ์และความรู้สึกอยู่ในนั้นเลยกลับทำให้ฉันหายใจติดขัด อุณหภูมิวิ่งขึ้นหน้าสูงปี๊ดขนาดนี้มันจะระเบิดไหมเนี่ย ใจดวงน้อยเต้นระรัวจนแทบหลุดออกมา นัยน์ตาก็หลุกหลิกไม่รู้จะไปโฟกัสตรงจุดไหนดี จากที่โกรธเขาเมื่อกี้ก็หายไปหมด กลายเป็นความประหม่าเข้ามาแทน คนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะชอบใจกับอาการของฉันไม่น้อยอมยิ้มอยู่นั่นแหละ ไอ้คนบ้า ยิ่งอมยิ้มแบบนี้ใจฉันมันยิ่งสั่นนะรู้ไหม เลิกยิ้มแบบนั้นสักที มือหนาเลื่อนมาจับมือฉันที่กำชายกระโปรงนักศึกษาไว้แน่นแล้วจูงออกมาจากห้องน้ำตรงไปยังด้านหลังของอาคารทันที คือตอนนี้สติสัมปชัญญะของฉันแทบจะไม่เหลือแล้ว หลุดลอยไปจนหมด มีแต่คำพูดของเขาที่ดังก้องอยู่ในโซนประสาท มองตามแผ่นหลังกว้างตรงหน้าที่กำลังจะพาฉันไปไหนก็ไม่รู้แล้วหลุดยิ้มออกมาแบบห้ามไม่ได้ เห่ย! แต่เสียงนั่นมัน ฉันหุบยิ้มลงทันทีที่เรียกสติตัวเองกลับมาได้เพราะเสียงรถที่แล่นแข่งกันอยู่ในสนาม เขาไม่ได้มาลองสนามกับพี่ซันงั้นเหรอ ก่อนจะขืนแรงเขาไว้หยุดอยู่กับที่พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เดี๋ยว ธามไม่ได้มาลงแข่งเหรอ” ฝีเท้าหนาหยุดกึกแล้วหันมายักไหล่ให้ฉันแบบกวนๆ เหอะ...เชื่อเขาเลย แผนสูงชะมัด เขาไม่ได้มาลงแข่งเองแต่ตั้งใจมาพาฉันออกไปเนี่ยนะ ฉันได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้า แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องบอกพี่ซันก่อน เพราะมากับเขาแล้วหายไปแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ จะมาทำตามใจตัวเองอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ “โรสมากับพี่ซัน ต้องไปบอกเขาก่อน มันเสียมารยาท” จิ๊!! เสียงจิจ๊ะดังขึ้นในลำคอของคนที่ถูกขัดใจอย่างหัวเสียพร้อมกับสายตาที่มองมาแบบหงุดหงิดสุดๆ เขากลายเป็นคนเอาแต่ใจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ แล้วโน้มหน้าลงมาหาฉันเลิกคิ้วถามด้วยประโยคที่โคตรจะมีผลต่อใจฉันเอามากๆ แถมหน้าเราสองยังอยู่ในรัศมีที่ใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ อีกต่างหาก “จะไปไหนกับแฟน ต้องรายงานคนอื่นด้วย?” สิ้นเสียงเรียบที่เป็นเชิงคำถามนั่นดวงใจน้อยๆ มันก็ทำงานหนักขึ้นมาอีกและเหมือนจะหนักกว่าทุกๆ ครั้ง นี่ไม่ใช่ความฝัน หูฉันก็ไม่ได้ฝาด แฟนงั้นเหรอ? แฟนที่แปลว่าคนรักกันใช่มะ? แสดงว่าเขาไม่โกรธแล้วซินะ แต่เหมือนธามจะพูดออกมาแบบไม่รู้ตัวพอเห็นหน้าฉันแบบว่าอึ้งๆ เขาก็ตีหน้านิ่งใส่ฉันทันที “ฟะ...แฟนเหรอ มะ...หมายถึงเราเหรอ” ฉันถามออกไปแบบโง่ๆ พลางเอามือชี้ไปที่ธามและตัวฉันสลับไปมา ทั้งที่ตอนนี้ก็มีแค่เราสองคน จะให้หมายถึงใครล่ะ บ้าจริง แต่ก็นะ...บางทีก็อยากมั่นใจกว่านี้ แต่คำตอบที่ได้กลับมาไม่ได้ทำให้ฉันมั่นใจขึ้นแถมยังหมั่นไส้คนตรงหน้าหนักเข้าไปอีก “หมายถึงเธอกับไอ้เวรนั่นมั้ง” พอพูดจบธามดึงมือที่จับฉันไว้กลับไปล้วงกระเป๋ากางเกงยีนตัวเองทันที สายตาทอดมองไปยังสนามที่มีรถสองคันแล่นแข่งกันอยู่แบบไม่มีใครยอมใคร ไอ้เวรนั่นที่เขาหมายถึงก็คงเป็นพี่ซันซินะ คนอะไรปากแข็งชะมัด ถึงเขาจะนิ่งแค่ไหนแต่เวลามีผู้ชายเข้าใกล้ฉันทีไรไม่เคยควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่สักครั้ง ยิ่งเห็นอาการกระฟัดกระเฟียดของเขายิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่ “อ๋อ พี่ซันน่ะเหรอ แต่โรสยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับเขาเลยนะ” ฉันเอ่ยขึ้นเสียงสดใสเพื่อหยอกล้อคนหัวร้อนตรงหน้า และมันได้ผลใบหน้าคมหันขวับมามองฉันตาขวางจนคอแทบหัก พร้อมกับเสียงเย็นยะเยือกที่ดังขึ้นแบบชัดถ้อยชัดคำจนฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว “ก็ลองดูดิ” “หื้อ ไม่กล้า” ฉันเม้มปากเป็นเส้นตรงคำรามปฏิเสธในลำคอส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวัน ก่อนจะขยับริมฝีปากพูดเสียงแผ่ว “ดี” คำชมแบบสั้นๆ ห้วนๆ หลุดออกมาคล้ายกับพอใจในคำตอบของฉัน แต่ยังคง Keep look ตัวเองได้ดีเสมอ ไม่หลุดอาการใดๆ ออกมาสักนิด ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินไปตามทางข้างหน้า ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างนั่นแล้วเร่งฝีเท้าไปให้ทันโผล่ไปดักหน้าคนตัวสูงไว้และทันได้เห็นรอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลานั่น ฉันเห็นธามยิ้มด้วยแหละ อยากถ่ายรูปเก็บไว้ดูจัง คนถูกจับได้ผงะไปนิดหนึ่งพร้อมกับหุบยิ้มลงเก๊กหน้านิ่ง ขมวดคิ้วเข้มเป็นปมเหมือนเดิมและเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนทั้งสองข้าง แสร้งมองไปทางอื่น คิ คิ ...น่ารักน่าเอ็นดู “หึงโรสเหรอ” ฉันยื่นหน้าไปถามคนตรงหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ ใช่...ฉันดีใจที่เขายังมีความรู้สึกกับฉันอยู่ อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียว “ไร้สาระ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นแบบปัดๆ เพื่อกลบเกลื่อนอาการของตัวเองพลางเลื่อนหลังมือมาแตะที่ไหล่เล็กและออกแรงดันน้อยๆ ให้ร่างฉันพ้นไปจากทางก่อนจะเร่งฝีเท้าตรงไปข้างหน้า ฉันวิ่งไปเดินถอยหลังอยู่ข้างหน้าเขาพร้อมกับเอ่ยหยอกล้อไปหยุด “หึง ก็บอกมาเถอะ ธามหึงโรสกะพี่ซันใช่ม้า~” “เหอะ...แค่หมั่นไส้ อยากแกล้งเฉยๆ” เสียงเรียบตอบกลับมาหน้าตาเฉย ฉันชะงักไปนิดหนึ่งปล่อยให้เขาเดินนำไปก่อน หมั่นไส้ อยากแกล้งเนี่ยนะ เหตุผลโคตรฟังไม่ขึ้น ฉันหันมองตามแผ่นหลังกว้างนั่นไปพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ คนอะไรปากหนักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน อย่างน้อยการกระทำทั้งหมดของเขาในวันนี้มันก็เป็นสัญญาณการเริ่มต้นที่ดี มันทำให้ฉันได้รับรู้ว่าเขาก็ไม่ได้เมินเฉยซะทีเดียว ต้องขอบคุณใครดี พี่ซันหรือผู้ชายที่ชื่อวาโยคนนั้น เอ๊ะ! เดี๋ยวนะทางนี้มันทางขึ้นมาห้องชั้นบนที่พี่ซันพาฉันมาในตอนแรกนิ ทำไมธามพาฉันกลับมาที่นี่ล่ะ นึกว่าจะพาออกไปข้างนอกซะอีก ประตูห้องนั่นถูกดันเข้าไปพร้อมๆ กับร่างหนาตรงหน้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD