I'm a baby girl. I'm a baby dolls.
Like is a magic. We're realistic.
ท่อนฮุคติดหูที่ฟังดูเหมือนเพลงดังในสมัยก่อนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ประชาชนทั้งรองและเต้นตาม ในโลกออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มมีคนนำไป cover ในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงกระแสต่อต้านโจมตีว่าลอกเลียนแบบนักร้องฝั่งตะวันตก
สามสมาชิกตุ๊กตามีชีวิตถูกสืบค้นชีวิตก่อนจะเป็นศิลปินมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
และยิ่งมีข่าวลือเสียงเล่าอ้างต่างๆ นานาเท่าไรก็ยิ่งเสริมให้บาร์บี้ดอลล์ดังสนั่นวงการเพลงเท่านั้น
#เด็กเส้นใหญ่เย็นตาโฟ
#น้องสาวเด็กซิ่ง
#ราชนิกุลหญิงนอกสมรส
เหล่านักสืบโลกออนไลน์จากทุกเว็บไซต์เผยแพร่ประเด็นอ่อนไหวร้อนแรงมากมายแต่ทางฝ่ายต้นสังกัดก็ยังคงเฉยปล่อยให้นักเลงคีย์บรอดกระพือข่าวต่อไปโดยถือเป็นการตลาดแบบไม่ต้องลงทุนสักบาท
ยิ่งมีการพูดถึงมากเท่าไรก็ยิ่งมีการถูกค้นหาอย่างมาก
แล้วกระแสด้านลบต่างๆ ของบาร์บี้ดอลล์ก็ค่อยๆ สร้างฐานแฟนคลับออกมาปกป้องมากขึ้นและเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
‘ทุกคน! การที่ต้นสังกัดไม่ออกมาพูดอะไรนั่นก็เพราะมันไม่ใช่ความจริงไง’
‘ราชนิกุลหญิงจากต่างแดนจะมาทำอะไรที่นี่ค่ะ อย่ามั่วข่าวนักเลย’
‘น้องสาวกับพี่ชายก็คนละคนป้ะ อย่าเหมารวม’
‘ดูกันที่ความสามารถเถอะ Hi note ขนาดนี้มีรางวัลการประกวดการันตีอีก ต่อให้ไม่ใช่เด็กเส้นก็เป็นศิลปินได้สบาย’
มีหลายความเห็นออกมาปกป้องศิลปินบาร์บี้ดอลล์และความน่ารักสดใสของพวกเธอก็กลายเป็นที่รักของผู้คน
แม้กระทั่งผู้ป่วยที่นอนหมดอาลัยตายอยากก็ยังฉีกยิ้มแป้นจนหางตาเกิดรอยยับ
“นั่นลูกสาวป้านี้หน่า”
“ใช่” มารินมองลูกสาวตัวน้อยบนหน้าจอโทรทัศน์อย่างภาคภูมิใจ
เธอโง่งมเองที่ไม่เชื่อในตัวลูกสาวซ้ำยังดูถูกดูแคลน
“เมื่อไรจะมาเยี่ยมล่ะ ฉันอยากขอลายเซ็นบ้าง”
“ช่วงนี้คงไม่ได้มาหรอก งานเขายุ่ง”
“ลูกสาวป้าเนี้ย! ทั้งสวยทั้งเก่ง น่าอิจฉาเนาะ”
“ขอบคุณจ้ะ!” การได้นั่งเชิดคอมีคนมาอิจฉาเธอบ้างมันก็ดีเหมือนกัน
มารินมาพักรักษาตัวในสถานพยาบาลที่ค่ายท็อปวันจัดให้ เพราะไม่อยากให้แม่ของศิลปินมีสภาพนอนป่วยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เก่าๆ ซอมซ่อ มันขัดต่อภาพลักษณ์บาร์บี้ดอลล์ที่ถูกเนรมิตให้งดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์
และอาการของคนป่วยก็ดีวันดีคืนเพราะสภาวะความเครียดลดลงไปเป็นปริดทิ้ง
มารินใจฟูเวลาที่พลอยโทรหาแล้วเที่ยวอวดใครต่อใคร
ท็อปวัน
ติ๊ดดด!
ศิลปินสาวใช้เวลาส่วนตัวของเธอจบก็กลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง ประตูลิฟต์โดยสารเปิดออกเผยให้เห็นอีกคนที่ยืนอยู่ในนั้น
สายตาทั้งคู่ต่างมองกันแล้วหญิงสาวก็ค้อมศีรษะลงทำความเคารพเช่นทุกครั้งที่เจอเขา
“ไม่เข้ามาล่ะ”
“เชิญคุณวสุไปก่อนเลยค่ะ”
“ทำไม! รอใครอยู่เหรอ”
“เปล่าคะ!” หญิงสาวปฏิเสธ
เธออึดอัดใจที่ต้องเข้าไปอยู่ในลิฟต์กับวาวสุสองคนตามลำพังจึงเลือกที่จะกดรอลิฟต์ตัวถัดไปแทน
ส่วนประธานใหญ่ที่วันนี้มาใช้ลิฟต์พนักงานก็ตาเบิกกว้างขึ้นทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจพลอยชมพูไปนานแล้วเช่นกัน
“เร็วสิพลอย...อ้าว! คุณวสุสวัสดีครับ”
ครูพี่เลี้ยงประจำคลาสร้องเพลงประคองโอบเอวบางๆ ตามสันดานผู้ชายมือไว
เขาไม่รู้ว่าประธานใหญ่ยืนอยู่ในลิฟต์ก็เลยจะพาลูกศิษย์แสนสวยเข้ามาด้วยกัน
“ไปไหนกันมาเหรอครับ”
“คาเฟ่หน้าบริษัทน่ะครับ” ในมือครูสอนร้องเพลงมีแก้วกาแฟจากร้านดังกล่าวแต่พลอยชมพูไม่มี วาวสุจ้องเธออย่างสงสัย
แต่เจ้าตัวก็นิ่งเฉย จนกระทั่งลิฟต์มาถึงชั้นที่ทั้งคู่ต้องออกไปทำภาระหน้าที่
“ผมกับพลอยขอตัวนะครับ”
“เชิญครับ...!!”
ครูเพลงเจ้าเดิมประคองเอวบางๆ ของพลอยชมพูออกจากลิฟต์โดยที่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะปัดป้อง แม้มันจะไม่ได้ดูเป็นการถูกเนื้อต้องตัวระหว่างหญิงชายจนเกินงามแต่ก็สร้างความน่ารำคาญทางสายตาให้ผู้พบเห็นอยู่ดี
“แม่ง!”
“เป็นอะไรครับ! ผมเห็นคุณวสุสบถหลายทีแล้ว ไปหงุดหงิดอะไรมาเหรอครับ” เลขาส่วนตัวยังเอ่ยปากถาม
ถ้าเป็นตอนสมัยเรียน ยุรนันท์ทราบดีว่าวาวสุเป็นคนขี้หงุดหงิด อะไรไม่ได้ดั่งใจก็อารมณ์เสียง่ายมากและปากแจ๋วเอาเรื่อง ชอบช็อตฟีลคนอื่นให้หัวทิ่ม
แต่นิสัยนั้นก็ค่อยๆ น้อยลงเมื่อต้องมาประจำตำแหน่งผู้บริหาร
“เมื่อไรลิฟต์จะซ่อมเสร็จวะ”
“อ้อ...แสดงว่าเมื่อเช้ามาตอกบัตรเข้างานสายเพราะรอลิฟต์นานเหรอครับ”
“ไอ้เชี่ยยู”
“ทีมช่างแจ้งมาแล้วว่าสั่งอะไหล่นำเข้ามาอยู่ครับ รอประมาณหนึ่งสัปดาห์” ลิฟต์ในส่วนของผู้บริหารออกแบบและสั่งทำพิเศษจำเป็นต้องรออะไหล่เฉพาะ โดยผู้บริหารคนเก่าอยากได้ลิฟต์ส่วนตัวที่เลิศหรูไฮโซที่สุดแบบที่บริษัทอื่นไม่มี การซ่อมบำรุงแต่ละทีก็เลยยุ่งยากตามไปด้วย
มานพขึ้นชื่อว่าเวลาอยากได้อะไรต้องไม่ธรรมดาแบบชาวบ้านอยู่แล้ว ลิฟต์ตัวนี้จึงมีไม่กี่ตัวในประเทศ
“ตอนเช้าๆ พนักงานก็เยอะแบบนี้แหละครับ ขนาดบริษัทเราแยกฝั่งlowกับhighแล้ว แต่ช่วงพีคไทม์ก็ยังไม่พอต่อความต้องการเลย ต่อไปก็เผื่อเวลารอลิฟต์หน่อยนะครับท่านประธานจะได้ไม่สาย”
“เลิกกวนตีนกูสักทีได้มั้ย”
“ครับ!” ยุรนันท์ยกยิ้ม
เขาเป็นคนในไม่กี่คนที่กล้าหยอกล้อวาวสุเล่นแต่เวลาทำงานก็จริงจังและเมื่อผิดพลาดเขาก็กล้าตักเตือน
ห้องอัด
“เอาใหม่! วันนี้เป็นอะไรพลอย ไม่มีสมาธิเลย”
“ขอโทษค่ะ”
ครูสอนร้องเพลงคนเดิมเข้มงวดกับศิลปินและซิงเกิ้ลใหม่ที่กำลังจะปล่อยต่อไป
เพลงนี้เป็นเพลงช้า ดนตรีน้อยชิ้นเพื่อชูเสียงร้อง
พลอยรับหน้าที่ร้องไกด์ให้เพื่อนในวงและยังต้องร้องในส่วนของตัวเองที่ค่อนข้างยากตามไปด้วย
“ไม่เข้าใจอารมณ์เพลงตรงไหนฮะ ทำไมถึงร้องไม่ได้”
“เปล่าค่ะครู! พลอยแค่มีเรื่องกวนใจนิดหน่อย”
“พลอยต้องตัดมันทิ้งให้ได้ ต่อไปในอนาคตจะมีเรื่องกระทบจิตใจพลอยอีกมากมายไปหมดเราต้องแยกให้ออก เวลาไหนที่เราคือพลอยชมพู เวลาไหนที่เราคือพลอยพิงค์ ต่อให้มีเรื่องหนักในใจขนาดไหนหรือเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดแต่เมื่อขึ้นเวทีแล้วพลอยต้องละทิ้ง เพราะทุกคนเขามาดูพลอยพิงค์เพื่อความบันเทิง เขามาดูด้วยความรักและชื่นชอบในตัวเรา พลอยต้องไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง” มือหนาบรรจงลูบผมสีบลอนด์ทองช้าๆ อย่าเอ็นดูและเจตนาดี
“ค่ะครู! พลอยจะพยายาม”
“แค่พยายามไม่พอ! พลอยต้องทำให้ได้นะ รู้มั้ย”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับและปลุกกำลังใจตัวเอง
พยายามวางเรื่องที่แม่อ้อนให้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเพราะคิดถึงลูกสาวมากและอยากเจอ
“ดีมาก คนเก่ง!” ครูเพลงลูบศีรษะทุยแผ่วเบา พลอยพิงค์เป็นเด็กดีว่าง่ายอยู่ในโอวาทจนน่าอุ้มกลับไปเลี้ยงดูที่บ้านซะเหลือเกิน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คุณวัฒน์! ขึ้นไปผมพบที่ชั้นยี่สิบเอ็ดหน่อยครับ”
“รับทราบครับ.../พักสักสิบนาทีแล้วกันพลอย หวังว่าพอครูลงมาแล้วเราจะร้องได้ดีขึ้นนะ”
“โอเคค่ะ” นอกห้องอัดมีคนหน้ายักษ์มองเธออยู่ และก่อนไปเขายังทิ้งสายตาคาดโทษไว้อีก