“งั้นพลอยก็สมควรจะได้ออดิชั่นใช่มั้ยคะ”
“คนตัดสินใจคือฉัน ทำให้ฉันเห็นหน่อยสิว่าเธอคู่ควร ไม่ใช่เส้นสายของไอ้นาวาที่พาเธอมาถึงตรงนี้”
“ใบคะแนนนั่นใช้ไม่ได้เหรอคะ พลอยตั้งใจฝึกฝนและผ่านการทดสอบทุกคลาส”
“แต่เธอจะไม่ผ่านการประเมินของฉันวันนี้ เรื่องง่ายๆ แบบนี้มองไม่ออกเหรอ”
“คุณวสุตัดสิทธิ์เพราะไม่ความไม่พอใจส่วนตัว”
“แล้วความพอใจส่วนตัวแบบที่เธอทำกับไอ้นาวากับพ่อของฉันมันเป็นยังไงล่ะ แสดงให้ดูสิเผื่อฉันจะเปลี่ยนใจ”
วาวสุพูดกับเธอว่า “ทำให้ฉันเห็นสิว่าเธอสมควรได้รับสิทธิ์เดบิวต์”
บทสัมภาษณ์ไม่รู้มาอีท่าไหนประธานบริษัทท็อปวันถึงได้เข้ามาใกล้พลอยชมพูจนเด็กสาวได้กลิ่นน้ำหอมของบุรุษเพศที่บริเวณแอ่งกระดูกไหปลาร้า
“ใบคะแนนของพลอยไงคะ...พลอยตั้งใจทุกคลาส มันไม่มีความหมายเหรอคะ” หญิงสาวตัดพ้อ เธอสู้อดทนฝึกฝนอย่างหนักแต่มันใช้ไม่ได้งั้นหรือ
“ศิลปินต้องมีเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตน ท่ายืนของเธอยังหลังงอห่อไหล่ไม่กล้าสบตาใคร อย่างดีก็เป็นได้แค่นักร้องBackup”
“พลอย...” หญิงสาวทำใจกล้าช้อนตาขึ้นมองใบหน้าประธานท็อปวันในระยะประชิด
เพิ่งมีเคยเห็นมันใกล้ๆ ว่านัยน์ตาเขามันเป็นสีถ่าน
ดำสนิท ดูลึกลับและน่าพิศวง
“เธอขาดคุณสมบัติที่จะเป็นไอดอล”
“พลอยจะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปอีก”
“พัฒนาด้านไหนล่ะ เสน่ห์งั้นเหรอ แค่นี้ทั้งพ่อฉันทั้งไอ้นาวาก็หลงจะแย่แล้วมั้ง แต่ขอโทษนะ! ฉันคือคนที่มีอำนาจเซ็นอนุมัติว่าใครสมควรได้เดบิวต์”
“แล้วพลอยไม่สมควรตรงไหน คุณวสุจะใช้อำนาจตัดสิทธิ์พลอยเพราะเรื่องพวกนั้นเหรอคะ มันไม่ยุติธรรมเลย” เรื่องที่ผ่านมาคือความผิดพลาดแต่ผลงานของพลอยก็ชัดเจนว่าเธอสมควรได้เดบิวต์
หากเธอไม่มีคุณสมบัติดังกล่าวใบคะแนนคงไม่ออกมาผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐานที่ค่ายกำหนดไว้
“ฉันมีอำนาจฉันก็ต้องใช้ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ เธอเองก็ใช้สารพัดวิธีเพื่อเข้าถึงผู้มีอำนาจนำพาเธอมาถึงตรงนี้ ยังกล้าเรียกร้องความยุติธรรมอะไรอีกเหรอ หน้าไม่อายเลยนะ”
คนฟังชาไปทั้งร่าง มันจริงที่เธอกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อขอโอกาสแต่เธอก็ใช้ความมานะบากบั่นและความสามารถของตัวเองเข้าสู้ด้วยอีกแรง
ใช้ว่าเส้นสายและความเมตตาอย่างเดียวเท่านั้น
“แล้วพลอยต้องทำยังไงคะ...”
“กับพ่อฉันและไอ้นาวาเธอทำยังไงล่ะ อย่าบอกว่าแค่ทำตัวน่าสงสารกับน้ำตาคลอเฉยๆ นะ”
ปกติเขาไม่เคยสนใจพลอยชมพูสักนิดออกจะรังเกียจเสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมไอ้นาวาถึงพยายามผลักดันพลอยชมพูนัก
พ่อเขาเอ็นดูลูกสาวของอดีตพยาบาลพิเศษคนนี้จัง คอยถามถึงตลอด
ยัยเด็กหน้าซื่อตาใสมีดีอะไรนักหนา
“แบบนี้เหรอ! วิธีที่ทำให้พวกนั้นหลง”
“พลอยเปล่านะคะ คุณวสุ...”
มือหนานุ่มใหญ่กว่าหน้าพลอยชมพูเชยคางมนเด็กน้อยประสบการณ์ขึ้นและอยู่ใกล้กันจนลมหายใจรดพวงแก้ม
ใบหน้าซีดเหลืองของหญิงสาวเริ่มเห่อร้อนจนเหมือนคนเป็นไข้ ก้อนในอกข้างซ้ายเต้นโครมครามจนชายหนุ่มยกยิ้ม
เธอดูเหมือนลูกแกะตัวน้อยๆ ที่แสนบอบบางอ่อนแอเสียจริง มิน่าล่ะ! ไอ้นาวามันถึงใจป้ำควักเงินดูแลทั้งแม่ทั้งลูก
“ทำได้ดีนี้! พลอยใส...” ดวงตากลมโตสั่นระริกและก็วาววับด้วยน้ำใสเอ่อคลอ
เธอมองเขาด้วยความประหม่าแต่เขามองเธอด้วยอาการจับผิด
ถ้าเธอใสซื่อไม่ประสีประสาจริงๆ ก็คงถอยห่างหรือหลบตาไปแล้วแต่กลับนิ่งเฉย ยิ่งเขาเข้าใกล้และโน้มใบหน้าลงมาก็ยังคงไม่ผลักไส
เห็นตัวสั่นๆ แบบนี้ไม่ใช่สั่นกลัวแต่คงเป็นสั่นสู้สินะ
จุ๊บ!
บทสัมภาษณ์จบลงเมื่อกลีบปากหยักประกบลงไปแผ่วเบาเชื่องช้า มือหนาเลื่อนขึ้นมาประคองแก้มเห่อร้อนจนวสุรับรู้ได้ชัด
เขาเริ่มดึงรั้งริมฝีปากล่างของพลอยแล้วใช่นิ้วโป้งกดปลายคางให้เธอเผยอปาก ถ้าพ่อและพี่ชายเขาหลงขนาดนี้แสดงว่าแม่พลอยใสนี้ก็ต้องร้ายกาจไม่เบา
ช่วยแสดงให้ดูเป็นบุญตาหน่อย
อื้ออ...
ลิ้นฉ่ำน้ำกำลังจะสอดแทรกกลีบปากบางๆ แต่หญิงสาวเหมือนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ พลอยรีบเม้มปากปิดแล้วยันร่างหนาแต่ตัวเองกลับหล่นฮวบ
พรึ่บ!
“ไม่ได้เรื่อง!” เขาถอยหนีจากหญิงสาวนั่งกอดเข่า ตัวสั่นเทาน้ำในตาเอ่อล้น แสดงเก่งจนน่าจะจับไปเล่นละครมากกว่ามาเดบิวต์เป็นนักร้อง
“ทำไมคุณ...”
“ออกไปซะ”
“แต่พลอย...” กลัวจะเกิดเรื่องบ้าๆ อีกแต่เรื่องออดิชั่นก็เป็นสิ่งที่เธอละทิ้งไม่ได้ ยังมีทางไหนที่พลอยจะพัฒนาได้อีกเธอพร้อมที่จะพิสูจน์ให้เห็น
“หรือว่าเพราะเมื่อกี้...”
“ไร้สาระ! Performance เธอไม่ผ่าน แบบนี้เหรอจะเป็นศิลปินได้” คนกระทำไม่รู้เหมือนกันว่าบทสัมภาษณ์มันกลายเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร
แต่สุดท้ายแล้วพลอยชมพูก็จะไม่ได้เดบิวต์เพราะเธอขาดคุณสมบัติอีกตั้งเยอะแยะ
“พลอยตรงปรับปรุงตรงไหนอีกคะคุณวสุ พลอยจะรีบแก้ไขเปลี่ยนตัวเองให้เร็วที่สุด”
“การคัดเลือกมันจบวันนี้ เธอไม่ผ่าน”
“งั้นพลอยจะไปขอร้องคุณนาวา”
“เฮอะ...!! ลืมแล้วเหรอว่าฉันคือประธาน” แม่เด็กจอมทะเยอทะยานดื้อด้านหัวรั้นแต่เอาแต่ใจ พลอยชมพูไม่ฟังอะไรอีกแล้ว เธอวิ่งออกนอกห้องท่านประธานไปหาท่านรองทันที
บรรยากาศในท็อปวันแลดูตึงเครียดขึ้นอีกเมื่อประธานกับรองกำลังเล่นสงครามเย็นกันไม่เว้นแต่ละวัน
แม้สุดท้ายแล้วอำนาจตัดสินจะขึ้นอยู่ที่วาวสุแต่นาวาก็สามารถทำให้ขั้นตอนการคัดเลือกรอบสองนี้ยืดเยื้อออกไปอีก
พลอยชมพูเข้าเรียนการแสดงและพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นสาวคนใหม่ตามที่เอ่ยขอ เธอเรียนรู้วิธีการแต่งหน้า ฝึกเดินบนส้นสูง วิธียืน,เดิน,นั่งรวมไปถึงการโพสท่า และนำเสนอมุมเด่นเพื่อหลบมุมด้อย
“หกสิบห้าเต็มร้อยถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าจะเดบิวต์ต้องแปดสิบห้าคะแนนขึ้น”
“โอ้โห...” เธอไม่รู้ว่าต้องปรับตรงไหนเพื่อเพิ่มอีกยี่สิบคะแนนที่ขาดหาย ระหว่างทดสอบก็ตั้งใจทำตามตำราเป๊ะ!
“ทำให้เป็นกิจวัตร”
“คะ!?”
“ถ้าตอนนั่งยังหลังงอ ตอนยืนยังคอตก เวลาเดินยังไหล่ห่อ เวลาคุยก็ไม่สบตาใคร แต่งตัวมาซ้อมเหมือนใส่ชุดตัดอ้อยชาตินี้ก็ได้เท่านี้แหละ” Class performance คือคลาสที่ประเมินจากบุคลิกตั้งแต่แรกเจอ หากพลอยยังไม่เปลี่ยนรูปแบบตัวเองให้เป็นกิจวัตรเธอก็ไม่มีทางเหมาะสมสำหรับการเป็นศิลปิน
“ผมยื้ออีกไม่ได้แล้วนะพลอย ทีมงานเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว เหลือแค่เอาตัวคนไปจับยัด”
ทีมเขียนเพลงเสร็จ ทีมแดนเซอร์พร้อม ทีมโปรโมต ทีมคอสตูม ทีมดูแลศิลปินพร้อมหน้าโดยพร้อมเพรียงกัน ขาดก็แค่ชะนีตรงคอนเซ็ปมากความสามารถมาลงตำแหน่ง ร้อง เต้น เล่นและสวย
นาวาหันมองเด็กปั้นของเขาแล้วก็กังวลใจไม่น้อย พลอยชมพูหลุดคอนเซ็ปต์เกิร์ลกรุปวงนี้แบบเทียบไม่เห็นฝุ่น
“พลอยต้องทำยังไงคะ”
“ทุกอย่าง! การแข่งขันมันสูงมาก ทุกทางที่ทำแล้วคุณจะได้ออดิชั่น ต่อให้ต้องผลักคนอื่นตกบันไดคอหักตายแล้วได้ที่ว่างนั้นมาคุณก็ต้องทำ”
“พลอยทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
“เห้อ..! ถ้าทำแบบนั้นได้ก็เตรียมเข้าคุกเถอะ ไม่ได้เดบิวต์หรอก ยัยเด็กบื้อ!” ความซื่อเป็นสิ่งดีแต่ก็น่ารำคาญชะมัดยาด
นี้แหละหนา! การคบหาเด็กสร้างบ้าน
“...”
“อีกสามวัน! เด็กที่ผ่านการออดิชั่นจะถูกคัดเหลือคนเดียวเพื่อไปรวมกับอีกสามคนที่รออยู่ก่อน ผมจะทำเต็มที่ในวิธีของผม ส่วนคุณก็ต้องเต็มที่ในวิธีของคุณด้วยนะ แล้วถ้าคราวนี้ไม่ติดก็จะต้องรอรอบหน้าซึ่งคาดว่าอีกสามปี ผมไม่จ่ายค่าห้องให้แม่คุณนานขนาดนั้นหรอกนะ พลอยชมพู”
“พลอยจะพยายามเต็มที่คุณนาวา”
โอกาสสุดท้ายของนักล่าฝัน และความกดดันก็มากมายมหาศาลเสียเหลือเกิน