“พลอย! ผลสอบออกหรือยัง”
“ออกแล้วค่ะ”
“แล้วทำไมไม่เอาให้แม่ดู” วัยรุ่นหัวช้าค่อยๆ หยิบใบเกรดออกจากแฟ้มด้วยมือไม้เย็น
เกรดเฉลี่ยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เธอเหลือบมองหน้ามารดาที่เริ่มเม้มปากและขมวดคิ้ว
“สองจุดหนึ่ง! นี่มันเกิดอะไรขึ้นฮะ”
“พลอยพยายามเต็มที่แล้วนะคะแม่”
“ได้แค่นี้!?”
...
“แล้วจะต่อคณะอะไร” ผู้เป็นแม่ไม่เคยชินกับตัวเลขในใบเกรดของลูกสาวสักเทอม
พยาบาลพิเศษแห่งโรงพยาบาลรัฐฯ เรียนดีจนได้ทุนการศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมจนจบมหาวิทยาลัย นึกแปลกใจว่าเหตุใดความเก่งของแม่จึงไม่ถ่ายทอดผ่านดีเอ็นเอไปถึงลูกสาวบ้างเลย โดยเฉพาะวิชาการหน่วยกิตสูงๆ พลอยชมพูทำได้แค่ผ่าน แต่หากเป็นวิชาศิลปะ ขับร้องหรือกิจกรรมอื่นๆ ตามความถนัดนั้นกลับได้คะแนนเกือบเต็มร้อย
“แม่! พลอยอยากลงประกวดร้องเพลง” หญิงสาวยื่นแผ่นพับโฆษณาให้ผู้เป็นมารดาดู เธอใฝ่ฝันจะมุ่งมั่นในเส้นทางนี้และรู้ดีว่าทำได้ดีกว่าการเรียนหนังสือ
“อะไรนะ!”
“พลอยขอลงประกวดรายการนี้นะคะ” แม่ของพลอยคอยสนับสนุนลูกสาวและซัพพอร์ตความฝันตามกำลัง แต่พอมันนานเข้าและไม่สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างสักทีก็ควรถอดใจ
“พลอย! แม่ว่าเราตั้งใจเรียนให้จบแล้วหางานทำดีกว่านะ”
“พลอยไม่อยากเป็นลูกจ้างใครนี้คะ”
“แหมดูพูดเข้า! แล้วอาชีพนักร้องมันดีนักรึไง เห็นนักร้องสมัยนี้มั้ย กว่าจะดังได้ก็ต้องแต่งตัวโป๊ๆ เต้นเด้งหน้าเด้งหลัง แม่รับไม่ได้หรอกนะ ไปสมัครเรียนซะ”
“แม่! นักร้องก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคนซะหน่อย” ศิลปินเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะด้านแตกต่างกันไป และไม่ว่ารูปแบบไหนก็มีเกียรติไม่ต่างกัน
“ไม่! ตั้งใจเรียนซะ จะมัวเสียเวลากับเรื่องไร้สาระที่ไม่มีทางสำเร็จทำไม ไปเรียนให้จบ วุฒิปริญญามันสำคัญมากนะพลอย จบแค่มอปลายทำอะไรไม่ได้หรอก”
“แต่พลอยไม่อยากเรียน” การเรียนเป็นเรื่องยากอย่างหนึ่งที่พลอยรู้ว่าตัวเองทำได้ไม่ได้ดีเท่าใคร
“เอ๊ะ! แม่เหนื่อยหาเงินเพื่อส่งพลอยเรียนในโรงเรียนดีๆ มีสังคมดีๆ จะได้มีคอนเนคชั่นเอาไว้ต่อยอดในอนาคต” คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวทำงานประจำที่โรงพยาบาลในตอนกลางวัน พอเวลาค่ำจนถึงเช้าก็รับหน้าที่เฝ้าคนไข้พิเศษที่บ้าน หาเงินเยอะๆ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้ลูกสาว
“พลอยขอลองอีกครั้งนะคะแม่”
“ไม่ได้! นี้คือคำสั่ง แม่ให้พลอยเรียนร้องเพลงเรียนเต้นแค่เป็นกิจกรรมในยามว่าง มันเป็นอาชีพไม่ได้หรอกนะ เชื่อแม่”
“แต่ว่าพลอย...” นี้เป็นการดื้อกับแม่ครั้งใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของเด็กสาว
เธอแอบปลอมลายเซ็นเพื่อลงในใบอนุญาตเข้าร่วมกิจกรรม Workshop ก่อนการประกวดที่กำลังจัดขึ้นในช่วงปิดเทอม ในขณะที่เด็กรุ่นเดียวกันวุ่นวายกับการสมัครเรียนเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่สนใจ แต่พลอยชมพูแอบมาค่ายใหญ่เพื่อเตรียมตัวลงประกวดโดยที่แม่ไม่รู้เรื่องสักนิด
“เอาของไปครบแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ”
“อย่าไปเล่นอะไรแผลงๆ นะ ถ้ารุ่นพี่มันโซตัสก็ฟ้องอาจารย์ อย่าไปยอมให้ใครมันรังแก เข้าใจมั้ย”
“ค่ะแม่” แม่ของพลอยชมพูเข้าใจว่าลูกสาวไปเข้าค่ายปฐมนิเทศนิสิตใหม่กับมหาวิทยาลัยรัฐฯ แห่งหนึ่ง ถ้ารู้ว่าลูกสาวตัวดีแอบโกหกและทำเรื่องใหญ่โตคงโกรธน่าดู แต่เธอขอพยายามทำมันเป็นครั้งสุดท้าย หากการประกวดวัดกันที่ความสามารถเธอสู้คนอื่นเขาไม่ได้จริงๆ ก็จะยอมกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยให้จบและทำงานเหมือนคนธรรมดา
WORK SHOP
พิธีกรหนุ่มใหญ่บนเวทีมาในชุดสูทสีแดงเลือดนกดูเด่นสะดุดตา ประกาศแนะนำบุคลากรคนสำคัญแต่ละภาคฝ่ายจนมาถึงบุคคลที่เรียกเสียงฮือฮาของงาน
“บุคคลต่อไปนี้ที่พี่จะแนะนำให้น้องๆ รู้จักนั่นก็คือรองกรรมการผู้จัดการแห่งท็อปวันและยังดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบริหารจัดการกิจกรรมศิลปิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการผู้ร่วมตัดสินการประกวดครั้งนี้ เชิญปรบมือต้อนรับ คุณนาวา...!!!”
เสียงตบมือดังลั่นห้องประชุมกว้าง ชายหนุ่มเจ้าของนามว่า “นาวา” กับตำแหน่งยาวเหยียดเดินขึ้นเวทีอย่างสง่างาม
ผมดำเงาเซตเข้ารูป ดวงตายาวรี รูปร่างสูงโปร่งพร้อมสูทหรูหลอมรวมให้ท่านรองดูดีไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า
รอยยิ้มมหาเสน่ห์กระชากวิญญาณสาวแท้และสาวเทียม สาวแก่แม่หม้ายล้วนตายกันหมดเพียงได้พบและสบตา
“สวัสดีครับ! เวทีแห่งนี้ขอต้อนรับผู้ที่มีความฝันและความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ ผมขอให้ทุกคนแสดงศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่นะครับ และจงมั่นใจว่าความพยายามของคุณจะไม่มีทางทรยศคุณแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากที่ไหนหรือนามสกุลอะไรก็ตามแต่ เมื่อก้าวเข้ามาในเวทีประกวดแห่งนี้ เราวัดกันที่ศักยภาพและความสามารถเท่านั้น ทุกคำตัดสินจะเที่ยงธรรม บริสุทธิ์และตรวจสอบได้ ไว้ใจผมได้เลย” นาวาผู้ขึ้นชื่อลือชาว่าเลี้ยงศิลปินสาวๆ ไว้เยอะเป็นกระบุงเอ่ย
เพราะตั้งแต่ช่วงรับสมัครผู้เข้าประกวดก็มีกลุ่มแอนตี้แฟนปล่อยข่าวโจมตีว่าเวทีนี้ล็อกมงไว้ให้ตัวท็อปเรียบร้อยแล้ว แต่ทุ่มทุนจัดฉากให้ยิ่งใหญ่อลังการเพื่อปูทางโปรโมตศิลปินและสะสมแฟนคลับไว้ล่วงหน้าก็เท่านั้น
“ใครมีคำถามเพิ่มเติมมั้ยครับ” จากนั้นก็มีเสียงฮือฮาในห้องประชุมตามมาแซงแซ่
“คุณผู้หญิงชุดสีชมพูคนนั้น เชิญครับ!” ชายหนุ่มมองหน้าผู้เข้าประกวดนับพันคนด้านล่าง
หญิงสาวหน้าตาน่ารักยกมือสุดแขน เด่นสะดุดตานาวาเข้าให้
ทีมงานส่งไมค์ให้สาวน้อยผู้ได้รับเลือกให้ถามคำถาม แต่เธอก็กล่าวถึงสิ่งที่ต้องการอยากรู้
“เมื่อกี้พิธีกรบอกว่าคุณนาวาทำตำแหน่งอะไรบ้างนะคะ”
...
ภายในห้องประชุมที่บรรจุคนหลายร้อยเงียบสนิทเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้ยินอะไรที่แสนโง่เง่าปานนั้นจนท่านรองประธานท็อปวันอมยิ้มตามไปด้วยกับความใสซื่อ
“คิดซะว่าผมเป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นผู้ร่วมงานคนหนึ่งแล้วกันครับ ตำนงตำแหน่งมันแค่หน้ากากที่เราต้องรับผิดชอบในหน้าที่ก็เท่านั้น อย่าไปให้ความสำคัญนักเลย...ว่าแต่! คุณชื่ออะไรครับ”
“พลอยค่ะ! พลอยชมพู”
“ยินดีที่รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับพลอยชมพู ผม…นาวา”
จากเด็กสาวธรรมดาไม่เตะตาใครในตอนแรก พลอยชมพูกลายเป็นที่จับตามองทันทีตลอดระยะเวลาสองวันหนึ่งคืน
บ้าน
“กลับมาแล้วเหรอ เหนื่อยมั้ยล่ะ”
“ก็นิดหนึ่งค่ะ”
“ไปอาบน้ำอาบท่าซะนะ แม่ทำแกงเขียวหวานไว้ให้”
“วันนี้แม่ไม่ต้องไปทำงานเหรอคะ”
“ไม่ไป! วันนี้คุณมานพไปร่วมประชุมลูกชายของเขาที่บริษัท” โดยปกติเวลาสองทุ่มของทุกวันคนเป็นแม่ต้องออกบ้านไปทำงานพิเศษที่ถูกว่าจ้างแล้ว
แต่วันนี้ทำอาหารของโปรดไว้รอลูกสาวกลับจากค่ายปฐมนิเทศ
“ไปเข้าค่ายสนุกมั้ยลูก มีใครรังแกพลอยมั้ย”
“ไม่มีค่ะแม่ ก็สนุกดี” มันน่าตื่นตาตื่นใจในช่วงแรกเท่านั้น
แต่พอหลังจากที่เธอถูกคุณนาวาเรียกให้ถามคำถาม คนอื่นๆ ก็แสดงพฤติกรรมว่าไม่ชอบพลอยอย่างเปิดเผย
มันอาจเป็นคำถามโง่ๆ และคำถามเรียกร้องความสนใจในสายตาคนอื่น แต่สำหรับพลอยแล้วเธอก็แค่อยากรู้ว่าเขาเป็นกรรมการมีส่วนในการตัดสินการประกวดครั้งนี้จริงๆ ใช่ไหมเท่านั้นเอง
จากการ Workshop ที่มีเพื่อนหลายคนคุยด้วยอย่างสนุกสนานในทุกกิจกรรม สาวๆ หลายรายเริ่มเหม็นหน้าและไม่ชอบเธอ
“ก็ดีแล้ว! ตั้งใจเรียนให้จบนะพลอย หางานดีๆ ที่มันมั่นคงทำ ชีวิตพลอยจะได้ไม่ลำบากเหมือนแม่”
“ค่ะ! พลอยจะทำให้แม่สุขสบายให้ได้เลย”
การตอบแทนพระคุณที่ท่านส่งเสียงเลี้ยงดูพลอยชมพูอย่างดีคือปฏิภาณที่ลูกสาวคนนี้ตั้งใจ
มันอาจดูเกินตัวไปหน่อยแต่เธอมั่นใจว่าสามารถคว้าตำแหน่งมาได้และเงินรางวัลหนึ่งล้านบาทอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน หรืออย่างน้อยที่สุดพลอยก็จะได้แสดงความสามารถในด้านที่เธอรักออกมาให้คนทั้งประเทศเห็น มันอาจต่อยอดให้เธอเข้าใกล้ความจริงในเส้นทางที่วาดหวังไว้ ขอให้มีคนรู้จัก ขอให้มีตำแหน่งการันตีในความสามารถ หนทางสู่การเป็นศิลปินต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน
“แม่อยากเห็นพลอยใส่ชุดรับปริญญาเร็วๆ จัง”
“อ่า...ค่ะ! พลอยจะพยายามเต็มที่เลย” ลูกสาวยิ้มเจื่อน
ได้แค่คิดเข้าข้างตัวเองว่าหากการประกวดนี้ประสบความสำเร็จ แม่ก็คงภูมิใจไม่น้อยไปกว่าการได้เห็นลูกสาวสวมชุดครุย