2 อดทน

1187 Words
มือเรียวยื่นไปเปิดก๊อกน้ำ ก่อนจะวักขึ้นมาล้างหน้าล้างตา และซับหน้าจนหมดจด เสร็จก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเป็นนาน ดวงตากลมโตจ้องมองคนในกระจก หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปี ใบหน้าเรียว จมูกโด่งพองาม ปากบางเป็นกระจับ ดวงตากลมโตแดงก่ำ ขอบตาช้ำบวมเปล่ง เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผิวขาวใส หน้าตาสะสวย ผมยาวเหยียดตรง รูปร่างโปร่งระหง สวมชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐมีชื่อแห่งหนึ่ง ความงามตรงหน้า ที่ใครเห็นก็เอ็นดูเมตตา…แต่ไม่ใช่ทุกคน! เสียงถอนหายใจยืดยาวด้วยความหนักใจ เคยภาวนาตลอดหลายปีที่ผ่านขอให้ตัวเองรีบเรียนให้จบ และก็หางานทำจะได้ไม่ต้องคอยพึ่งพาอาศัยคนอื่นอยู่ร่ำไป และที่สำคัญอยากให้ภาณีภาคภูมิใจในตัวหลานสาวคนนี้ แต่ความฝันยังไม่ทันเป็นจริง เธอยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ภาณีก็มาด่วนจากไปเสียก่อน ตอนนี้อย่าว่าแต่จะทำให้ผู้เป็นป้าภูมิใจเลย จะดูแลตัวเองอย่างไรต่อจากนี้เธอก็ยังมืดแปดด้าน รู้ว่าสมภพเมตตาให้เธออยู่ที่นี่ต่อโดยไม่เดือดร้อน แต่ใครบางคนคงไม่คิดแบบนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องที่ซุกหัวนอนอย่างเดียวที่เป็นปัญหา แม้แต่ตัวเธอเองก็กลายเป็นปัญหาสำหรับคนที่นี่ เธอจึงเลือกวิธีหลบเลี่ยงแบบคนขี้ขลาด เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นหรือได้ยินอะไร แต่ก็ใช่ว่าจะรอด หลายครั้งที่เผชิญหน้ากันอย่างเลี่ยงไม่พ้น เธอก็ต้องทนฟังคำพูดร้ายๆ วาจาเสียดสีที่บางครั้งก็ทำเอาคนฟังหน้าชา แต่ก็ต้องทนด้วยท่าทีนิ่งสงบ ไม่ตอบโต้ เหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร นั่นก็เพื่อชีวิตที่สงบสุขในบ้าน …แต่แทบไม่ช่วยอะไรเลย เพราะเขายังสรรหาคำด่าคำว่ามาจิกกัด แม้แต่ป้าเธอเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ก็ยังต้องอดทนไม่ต่างกัน และยิ่งตอนนี้ภาณีไม่อยู่ มันยิ่งทำให้เธอกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง และอีกครั้ง เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ ว่าเธอไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ...ย้ายออกไปซะ ...แต่ทุกครั้งที่คิดจะไป..ไปไหนดี? เธอยังเรียนไม่จบ ยังไม่มีงานทำ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย คงไม่พ้นต้องแบมือขอเงินสมภพ เงินเก็บที่ภาณีเคยให้ และเธอก็คอยเก็บเล็กผสมน้อยไว้ก็ไม่รู้จะพอไหม หากต้องกินต้องใช้และจ่ายค่าเทอมไปด้วย หรือต้องทนอยู่ที่นี่ไปก่อนจนกว่าจะเรียนจบ สุดท้ายก็วนกลับมาที่เดิม ยิ่งคิดก็เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง วนอยู่อย่างนั้นหาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ และพอนึกถึงหน้าลูกชายเจ้าของบ้าน เธอก็ยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม ยอมรับว่าทั้งเกลียดทั้งกลัว เรียกว่าเป็นไม้เบื่อ ไม้เมาต่อกันทั้งสองฝ่าย เธอไม่ชอบเขา ส่วนเขาก็เกลียดเธอราวกับไส้เดือนกิ้งกือเหมือนกัน “ยังไม่ย้ายออกไปอีกเหรอ” แค่หย่อนสะโพกลงนั่ง ก็ได้ยินคำทักทายรื่นหูจากปากลูกชายเจ้าของบ้านทันที ช่างเป็นบรรยากาศการกินข้าวที่แสนจะ ฝืดคอสิ้นดี “พูดอะไรของแก” สมภพหันไปปรามลูกชาย “ป้าเธอก็ตายไปแล้วจะอยู่ต่อทำไม หรือที่ยังหน้าด้านอยู่เพราะคิดจะทำหน้าที่แทน” ชายหนุ่มไม่สนใจคนที่นั่งหัวโต๊ะ แต่หันไปพูดกับหญิงสาวที่เพิ่งเข้ามานั่ง แต่อีกฝ่ายกลับเงียบ นั่งนิ่ง ไม่ตอบ ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด “เจ้าวินพอแล้ว กินข้าว” สมภพเอ่ยปรามขึ้นอีก เมื่อคำพูดของลูกชายชักฟังไม่เข้าหู “ก็หรือไม่จริง ญาติก็ไม่ใช่ ป้าเธอก็ตายไปแล้ว น่าจะย้ายๆ ออกไปสักที” “หนูพลอยทานข้าวเถอะ” สมภพหันไปคุยกับหลานสาวภรรยา ไม่อยากสนใจลูกชายที่ปากเสียไม่เปลี่ยน “ค่ะคุณลุง” “ฉันว่าขนาดนี้ ถามจริงมันไม่ซึมเข้าหัวเธอบ้างหรือไง นอกจากจะหน้าด้าน สมองยังทึบตันจนคิดไม่เป็น” ธาวินยังสาดคำพูดใส่ไม่ลดละ สายตาเหยียดมองด้วยความรังเกียจ ทำไมไม่ตายๆ ไปด้วยกันนะ จะได้ไม่ต้องอยู่ให้รำคาญตา ใบหน้าสวยหวานก้มต่ำ เครียดเกร็ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่เกลียดเธอ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ตัว แต่ในเมื่อเธอคือผู้อาศัย และตอนนี้ยิ่งไร้ที่พึ่งอย่างภาณีก็ยิ่งทำให้เธอจียมตัว สงบปากสงบคำ แต่แทนที่ธาวินจะพอใจที่เธอไม่ตอบโต้ กลับกลายเป็นกระตุ้นต่อมโทสะคนพูด สายตาวาวโรจน์ดุจเปลวเพลิงพุ่งใส่หญิงสาวด้วยความโกรธเกลียด ดุจพลอยร้อนวูบตรงต้นคอ ถึงไม่เงยหน้าขึ้นมอง ก็รู้ว่าธาวินกำลังจ้องเธออยู่ ลมหายใจติดขัด อึดอัด กดดัน ได้แต่ลอบกลืนน้ำลายลงคอเพื่อไล่ความฝืดเฝื่อนนั้นลงไป ด้วยท่าทางนิ่งสงบ มือเรียวขาวยกช้อนขึ้นตักข้าว สายตาไม่แม้แต่จะเหลือบแลไปทางเขา นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ธาวินคุกรุ่น กรามขบแน่น เกลียดความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเธอมากขึ้นอีก “คงไม่คิดจะมาเป็นเมียพ่อฉันอีกคนหรอกนะ” “เจ้าวิน!” “หึ! รึไม่จริง…หน้าด้าน ไล่ก็ไม่ไป” “ฉันไม่ใช่คนแก่ตัณหากลับ ที่จะเอาสาวๆ คราวลูกมาเป็นเมีย แกหยุดพล่ามได้แล้ว” “ผมก็พูดไปตามที่เห็น ป้าตายไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอยากเป็นเมียพ่ออีกคน แล้วจะอยู่ทำไม” “ไร้สาระ จะให้ย้ายไปไหน พลอยก็เป็นลูกหลานบ้านนี้เหมือนกันกับแกนั่นแหละ” “อย่าเอายัยกาฝากนี่มาเทียบกับผม!” “เจ้าวิน...แกอย่าให้มันมากนัก อยู่บ้านเดียวกัน คนกันเองทั้งนั้น จะรังแกรังเกียจอะไรนักหนา ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องวุ่นวายกับเค้า อยู่ใครอยู่มัน” “ผมไม่เคยยุ่ง หน้ายังไม่อยากจะมอง” มุมปากเหยียดยิ้ม แววตาแข็งกระด้างดุดัน ดุจพลอยอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ร่างกายสะบัดร้อนสะบัดหนาว เหมือนคนเป็นไข้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกเขาด่า แต่ครั้งนี้สายตาโกรธเกลียดที่มองมามันช่างรุนแรงราวกับลูกไฟ แทบจะเผาเธอให้หมอดไหม้ แต่ต่อให้หวาดกลัวแค่ไหนหญิงสาวก็ได้แต่นั่งนิ่ง ไม่ตอบโต้ อาการนิ่งสงบของเธอ แทนที่จะจบ แต่กลับทำให้ธาวินโมโหเดือดดาลมากขึ้นอีก นี่เธอโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ ถึงไม่รู้สึกรู้สม ทั้งที่ถูกด่าขนาดนี้ “ไม่ยุ่งกันก็ดีแล้ว เพราะยังไงพลอยก็ต้องอยู่ที่นี่ แล้วต่อไปฉันก็จะเป็นผู้ปกครองแทนคุณภาเอง จะดูแลส่งเสียจนกว่าจะเรียนจบมีงานมีการทำ” “พ่อว่าไงนะ!?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD