กรุ๊งกริ๊ง~
เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้นเรียกสายตาฉันหันมองด้วยความเคยชิน ร่างบางในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาด้วยสีหน้ามุ่ย ๆ หัวคิ้วสองข้างนี่แทบจะผูกเป็นโบเลยทีเดียว
“เป็นอะไรของแกยัยโบ อารมณ์เสียอะไรมาอีกล่ะ” ฉันเดิมตามโบอิ้งเข้ามาหลังร้านพลางถามด้วยความเป็นห่วง ปกติยัยนี่ไม่ค่อยหงุดหงิดกับอะไรพร่ำเพรื่อ ถ้าหน้าบึ้งมาขนาดนี้แสดงว่าต้องเรื่องใหญ่มาก
“เหอะ! ก็เฮียบัสน่ะสิแก! ฉันละโกรธเฮียจริง ๆ เลย”
พอได้ยินชื่อเขาคนนั้นออกมาจากปากเพื่อนรัก เลือดลมในกายฉันสูบฉีดเต็มอัตราทันทีเลย ฉันหลบตาโบอิ้งอย่างกลัวความผิดสุด ๆ ถ้าโกรธหนักขนาดนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องนั้นแน่ ๆ อย่าบอกนะว่ายัยนี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับแอร์บัสแล้วน่ะ…
ให้ตายสิ… ฉันจะทำยังไงดี… ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจในเรื่องนี้เลยนะ
“ยัยลิล…”
“…” ฉันจะทำยังไงดีนะ ยัยโบจะเลิกคบกับฉันไหม…
“ลิลลา!”
“หะ?! อะ… อะไรเหรอ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรักตาปริบ ๆ สองมือบีบกันแน่นอย่างกดดัน โบอิ้งมองฉันนิ่ง ๆ แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“แกเป็นไรอ่ะ ฉันเรียกก็ไม่ได้ยิน เหม่ออะไรอยู่?”
“เหม่ออะไร ไม่ได้เหม่อนี่ ว่าแต่แกเรียกฉันเหรอ เอ่อ… ทำไมอ่ะ มีอะไรเหรอ” ฉันพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แม้มันจะยากเย็นมากก็ตาม
“เปล่า ไม่มีอะไร แค่จะถามว่าแกจะไปเทสเสียงเมื่อไหร่”
“อ้อเรื่องนั้น… เทสเสียงพรุ่งนี้น่ะ” ฉันตอบขณะผูกโบผ้ากันเปื้อนให้โบอิ้งด้านหลัง ยัยนั่นหันกลับมาทำหน้ามุ้ยแล้วถอนหายใจดังเฮือก
“เมื่อไหร่แกจะเลิกทำงานพาร์ทไทม์พวกนี้สักทีนะลิล แกรู้ไหมว่าวันนี้ฉันเกือบถูกป๊ากับม้าจับได้เรื่องมาทำงานที่นี่อ่ะ”
“อ้าว คุณลุงกับคุณป้ากลับมาแล้วเหรอ”
“อือ กลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เมื่อเช้าเพิ่งได้ทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาในรอบหลายเดือน แต่ก็เกือบจะซวยเพราะเฮียบ้าจอมแฉอ่ะแก” โบอิ้งบ่นอุบอิบ ฉันแอบใจกระตุกนิด ๆ ตอนได้ยินชื่อเขาอีกรอบ
“ทำไมเหรอ เฮีย… เฮียบัสทำอะไรแก”
“ก็เฮียน่ะสิ จู่ ๆ ก็พูดเรื่องฉันไม่เข้าร้านขึ้นมากลางโต๊ะอาหารเลย ป๊ากับม้านี่หันมาจ้องฉันกันใหญ่ โชคดีนะที่ฉันเฉไฉไปว่าเฮียหมายถึงร้านหนังสือ ฉันโหหกไปว่าช่วงนี้ฉันเข้าออกร้านหนังสือบ่อย ๆ เพราะใกล้จะสอบ”
อ่า… แสดงว่าที่ยัยนี่โมโหแอร์บัสจนหน้าบึ้งตึงเข้ามาก็เพราะเรื่องนี้สินะ
ฟู่… ค่อยโล่งอกหน่อย ฉันเกือบร้อนตัวไปเองซะแล้วสิ
“เออ แล้วนี่แกจะไปสอนพิเศษให้หลานเฮียหน่วยเมื่อไหร่ วันเสาร์นี้ป่ะ”
“ใช่ พรุ่งนี้ฉันไปเทสเสียงเสร็จคงแวะเข้าร้านช่วงเย็น ๆ นะ วันมะรืนก็ไปสอนพิเศษช่วงเช้าแล้วเข้าร้านเย็น ๆ เหมือนกัน” ฉันอธิบายตารางงานพาร์ทไทม์ของตัวเองให้โบอิ้งฟัง ยัยนั่นมองบนใส่ หน้าตาเซ็งฉันมาก
“ฉันว่าแกทำงานเยอะไปแล้วนะลิล ไหนจะงานพาร์กเสียง ไหนจะสอนพิเศษ ไหนจะงานที่ร้านไก่นี่ แล้วยังจะเรื่องเรียนอีก วัน ๆ แกแทบไม่เหลือเวลานอนแล้วนะ” โบอิ้งบ่นพาลไปทุกงานที่ฉันรับทำพาร์ทไทม์อยู่ในตอนนี้ จริง ๆ มันก็ไม่ได้เยอะอะไรสักหน่อย ฉันก็ทำงานอยู่แค่สามงานนี้เท่านั้นแหละ แล้วฉันก็จัดสรรเวลาไม่ให้เสียการเรียนด้วย มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอกมั้ง
“เอาน่า ฉันไหวน่าแก แกก็รู้ว่าฉันมีภาระต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่ทำงานฉันกับน้องก็อดตายน่ะสิ”
“เออฉันรู้ แกต้องจ่ายค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินอยู่ ค่าเรียนทั้งของแกและของน้อง แต่ถามจริงเหอะลิล แกไม่คิดจะให้น้องชายสุดที่รักของแกช่วยหาเงินบ้างเลยเหรอ นี่แกทำงานหาเลี้ยงหมอนั่นมานานเกินพอแล้วนะ” แล้วโบอิ้งก็วกมาที่เรื่องของซิลเลอร์อีกจนได้ ฉันกลอกตาขึ้นนิด ๆ ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากเถียงกับเพื่อนรักในเรื่องนี้อีก
“โอ๊ย ๆ ปวดท้องจังเลย เดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะแก ฝากเคาน์เตอร์ด้วย” ฉันแสร้งกุมท้องแล้วรีบวิ่งออกมาจากหน้าเคาน์เตอร์ เสียงโบอิ้งตะโกนตามหลังมาอย่างรู้ทัน
เฮ้อ… ขอโทษจริง ๆ นะโบ ฉันเข้าใจในความเป็นห่วงเป็นใยของแกดี แต่ฉันเป็นพี่สาว ฉันก็ต้องดูแลน้อง ถึงแม้ว่าน้องชายจะไม่อยากให้ฉันดูแลสักเท่าไหร่ก็เถอะ
.
.
ลิลลา : อยู่ไหนน่ะซิล พี่เป็นห่วงนะ
ทำไมไม่กลับบ้านเลยล่ะ
เงินพอใช้หรือเปล่า ถ้าต้องการอะไรบอกพี่ได้นะ
ตอบกลับพี่ด้วย…
.
.
ฉันปิดหน้าจอโทรศัพท์ลงพร้อมกับถอนหายใจอีกรอบ ซิลเลอร์ไม่ยอมตอบกลับข้อความฉันเลย หมอนั่นจะหัวแข็งไปถึงเมื่อไหร่กันนะ นี่ก็ไม่ได้กลับบ้านนานแล้วด้วย หรืออาจจะกลับตอนที่ฉันไม่อยู่ก็ไม่รู้ เพราะปกติฉันก็ไม่ค่อยอยู่บ้านสักเท่าไหร่ อาศัยไว้กลับไปนอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ชีวิตมนุษย์พาร์ทไทม์อย่างฉันมันก็แค่นี้แหละ ต้องทำตัวให้กินง่าย อยู่ง่าย ปรับสภาพให้ได้ตามอากาศเพื่อไม่ให้ตัวเองป่วย เพราะหากวันไหนฉันป่วยนั่นหมายถึงรายได้ที่จะหายไปพร้อมกับความเจ็บป่วยของฉันทันที
ฉะนั้นไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องอดทนให้มากที่สุด ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อน้องชายของฉันด้วย