ในที่สุด..เด็กนักเรียนทุกคนในโรงเรียนจะได้มีชุมนุมเป็นของตัวเองสักที.. วันนี้โรงเรียนประกาศให้งดทำการเรียนการสอนตั้งแต่บ่ายสองโมงเป็นต้นไปเพื่อให้นักเรียนได้ไปเลือกลงชุมนุมตามใจชอบ วิชาชุมนุมความจริงแล้วเคยเป็นชั่วโมงว่างมาก่อน แต่ต่อไปนี้จะไม่ว่างอีกแล้ว.. เด็กหนุ่มเดินต้วมเตี๊ยมตัวคนเดียวอยู่กลางหอประชุมใหญ่ของโรงเรียน เนื่องจากเพื่อนๆในกลุ่มเลือกลงนาฏศิลป์ไทยกันหมด เหลือเพียงเพทายคนเดียวที่ยังไม่ชุมนุม.. เด็หนุ่มเดินผ่านชุมนุมถ่ายภาพแล้วหยุดมองดูภาพฝูงนักเรียนต่อแถวเรียงกันตรงหน้า แค่คิดว่าจะไปต่อแถวเพื่อรอคิวลงชื่อเข้าร่วมชุมนุมด้วยแล้วเพทายได้แต่ถอนกายใจออกมา..
เด็กหนุ่มเดินต่อไปเรื่อยๆ ผ่านชุมนุมถักโคเชต์ ชุมนุมทำอาหาร ชุมนุมคณิตศาสตร์ ชุมนุมวิทยาศาสตร์ ชุมนุมคหกรรม ก็ยังไม่ถูกใจเด็กหนุ่ม.. จนกระทั่งเจ้าตัวเดินมาหยุดที่ชุมนุมแปลเพลงภาษาอังกฤษ.. ซึ่งมานักเรียนต่อแถวเรียงกันลงชื่อน้อยที่สุด หนึ่งในนั้นมีนักเรียนหนึ่งคนที่เพทายรู้จัก.. เขาตัวสูงและหน้าตาดีไม่ต่างกับไพรทูรย์ที่เพทายรู้จักและยังเรียนอยู่ในห้องเดียวกัน แม้เจ้าตัวยะไม่เคยคุยกับพะแพงเลยก็ตาม.. ใช่แล้วล่ะ.. “ พะพาย ” หนุ่มหล่อร่วมห้องของเพทาย..
เด็กหนุ่มเดินดุ่มๆเข้าไปต่อแถวรวมกับเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะเดินเข้าไปต่อแถวก็ถูกสายตาดุจ้องมองมาก่อนแล้ว “ เด็กเอ๋อ ” เพทายขมวดคิ้วเข้าหากัน เพทายไม่ชอบเลยที่ถูกเรียกว่าเด็กเอ๋อและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำสายตาดุใส่เพทายด้วย “ ชอบฟังเพลงสากลเหรอ ” เขาถาม
เด็กหนุ่มเพียงเอียงหน้าไปข้างๆแล้วพยักหน้าลงเบาๆ
“ นึกว่าเป็นเอ๋อแล้วจะคุยกันไม่รู้เรื่องซะอีก ”
เพทายไม่ตอบกลับอะไรแต่เดินออกจากแถวที่เจ้าตัวกำลังต่อ
“ อ้าวเฮ้ย.. เดี๋ยว.. เด็กเอ๋อ ” เด็กหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่โดนพะพายต่อว่า ว่าตนเองเป็นเด็กเอ๋อ เอ๋อแล้วมันยังไง ก็เกิดมาแล้วแก้ไขอะไรก็ไม่ได้แล้วหรือเปล่า เด็กหนุ่มไม่ชอบใจจริงจริง
“ เดี๋ยว..รอก่อนเพทาย ” เด็กหนุ่มหยุดเดินแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับหนุ่มหล่อที่เดินตามมาข้างหลัง
“ ถะ..ถึงเพทายจะเป็นเด็กเอ๋อไม่ได้แปลว่าเพทายจะต้องอยากเป็น ละ..และถึงแม้ว่าเพทายจะไม่สมประกอบก็ไม่ได้หมายความว่าพะพานจะมาต่อว่าเพทายได้! ” พะพายเหมือนถูกปิดสวิตซ์ให้ยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่ตอบโต้อะไร แต่ขณะเดียวกันทุกสายตาในห้องประชุมกำลังจ้องมองมาที่เด็กหนุ่มทั้งสอง.. เพทายเลิกสนใจหนุ่มหล่อตรงหน้าแล้วเดินออกไปจากห้องประชุม
ท้องฟ้าสีส้มและก้อนเมฆสีขาวขุ่นปกคลุมทั่วทั้งโรงเรียน เป็นสัญญาณบอกกล่าวว่าถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว..
เย็นนี้เพทายต้องยืนรอลุงวสินมารับที่หน้าโรงเรียน เพราะเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาไพรทูรย์มาหาเพทายที่บ้านแล้วบอกว่าวันอาทิตย์จะไปนอนค้างบ้านเพื่อนคงไม่ได้มาเล่นด้วยและเย็นวันจันทร์เขาติดธุระ นี่คือเหตุผลที่เพทายต้องยืนรอคุณลุงมารับที่หน้าโรงเรียน..
ฝั่งตรงข้ามของเพทายมีรถซาเล้งพ่วงกำลังตั้งร่มสนามจอดอยู่ข้ามริมฟุตบาท เป็นร้านขายลูกชิ้นทอดเจ้าเด็ดที่มาขายหน้าโรงเรียนเป็นสิบปีแล้ว เด็กหนุ่มแอบลอบมองกลุ่มเด็กนักเรียนที่เกาะกลุ่มกันเลือกลูกชิ้นแล้วเด็กหนุ่มได้แต่แอบกลืนน้ำลาย..
วันนี้ยายให้เงินค่าขนมเพทายมาสี่สิบบาท เพทายจ่ายค่าขนมและน้ำหวานวันนี้ไปแล้วยี่สิบบาท เพราะฉะนั้นเย็นนี้เพทายจะเหลือเงินคงเหลืออยู่ยี่สิบบาท เด็กหนุ่มก้มมองเหรียญห้าบาทสี่เหรียญที่วางอยู่บนมือสลับกับรถซาเล้งพ่วงขายลูกชิ้นทอด เด็กหนุ่มไม่มีความกล้ามากพอจะไปสู้รบกับกลุ่มนักเรียนที่กำลังเลือกลูกชิ้นอยู่หน้าร้าน เพทายกำลังคิดว่าถ้าลุงวสินมารับช้าหน่อย เด็กหนุ่มอาจรอช่วงที่หน้าร้านไม่มีลูกค้าแล้วค่อยเดินเข้าไปซื้อลูกชิ้นเอาก็ได้
“ ต้วมเตี๊ยม อยากกินลูกชิ้นเหรอ..เห็นมองอยู่นานแล้ว ”
เด็กหนุ่มคิ้วกระตุกขึ้นหนึ่งข้าง.. เพทายสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่เคยรังควานเจ้าตัวเมื่อช่วงโมงที่แล้ว
ชายคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมห้องหน้าหล่อที่ยืนเก๊กหล่ออยู่ข้างๆเพทาย.. พะพายอีกแล้วเหรอ.. เด็กหนุ่มครุ่นคิดอยู่ในใจ
“ เงียบทำไม..ไม่ได้มาหาเรื่อง คนถามก็ตอบดิ ”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วพูดเสียงดังอีกครั้ง “ ยะ..อย่ามาสั่งเพทายนะ! เพทายไม่อยากคุยกับพะพาย ” หนุ่มหล่อกลางมือแกร่งออกกว้างแล้วใช้มันลูบลงบนหน้าผากของตนเอง “ ปั๊ดโธ่เอ้ย.. ก็บอกว่าไม่ได้มาหาเรื่อง แล้วยังเคืองกันอยู่อีกเหรอ.. ขอโทษได้ไหม ”
เพื่อนร่วมห้องหน้าหล่อพยายามหาทางสบตาของเพทายอยู่หลายครั้งแต่เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีตลอด
“ ทำไมถึงไม่ยอมมองหน้ากันล่ะหา ? ” พะพายเอ่ยถาม
“ ก็มันทำยากหนิ แค่วินาทีเดียวก็จะไม่ไหวแล้ว ” เด็กหนุ่มตอบกลับไป
“ แล้วอยากกินลูกชิ้นอันไหน จะข้ามไปซื้อมาให้ ”
เพทายรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของเพื่อนร่วมห้องคนนี้
“ ไม่กล้าเดินไปซื้อเองใช่ไหมล่ะ ก็จะไปซื้อมาให้ไง ”
เพทายชั่งใจอยู่นานก่อนจะตอบพะพายกลับไป “ อันที่เป็นแป้งสีเขียวห่อหมูเอาไว้ข้างใน.. พะ..เพทายมีเงินอยู่ยี่สิบบาท มันไม้ล่ะห้าบาท ก็จะได้ทั้งหมดสี่ไม้ ”
เด็กหนุ่มกางมือเล็กออกกว้างแล้วยื่นเหรียญห้าบาทที่อยู่บนมือให้พะแพงดู.. ทางพะแพงเอื้อมมือแกร่งไปหยิบเหรียญห้าบาทสีเหรียญมาถือเอาไว้ “ อย่าเดินไปไหน รอฉันอยู่ตรงนี้ ” พะแพงข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามที่รถซาเล้งพ่วงขายลูกชิ้นทอดจอดอยู่
ประมาณสิบนาที พะพายก็ข้ามฝั่งกลับคืนมาพร้อมลูกชิ้นสองถุง “ อะนี่..ของเพทายขาต้วมเตี๊ยม ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วทำหน้ามุ่ยใส่พะพาย “ ส่วนถุงนี่ของพะพายคนหล่อ ”
ในถุงลูกชิ้นของเพทายมีไม้ลูกชิ้นเกินมาสองไม้เป็นไส้กรอกสีส้มและไส้กรอกสีชมพู
“ พะพาย.. ได้ลูกชิ้นครบทุกไม้หรือเปล่า ของเพทายมันมีเกินมา.. ”
พะพายหยิบเอาไส้กรอกสีส้มในถุงลูกชิ้นของตนเองขึ้นมากัดเข้าปากแล้วตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ ไม่ได้เกินหรอก ตั้งใจซื้อให้กินนี่แหละ ไส้กรอกสีส้มกับสีชมพูมันอร่อยมากนะ อย่ากินแต่ไอ้สีเขียวพันหมูนั่นเลย ”
เด็กหนุ่มหันหน้าเอียงข้างแล้วกระพริบตาสองครั้ง เกิดมาพึ่งเคยมีเพื่อนชายทำดีด้วยก็ครั้งแรกนี่แหละ เด็กหนุ่มได้แต่ครุ่นคิดในใจ..
“ ต๊วมเตี๊ยม วันนี้กลับบ้านยังไง ” เพื่อนร่วมห้องยังคงถามคำถามเพทายด้วยหน้าตาเรียบเฉย
“ รอคุณลุงมารับ ” พะพายหยิบลูกชิ้นไม้ถัดมาขึ้นมากัดเข้าปากและถามคำถามเพทายเพิ่มอีก “ กลับด้วยกันไหม ฉันขับมอเตอร์ไซค์มา ”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมาทันที.. “ ไม่ได้หรอก เพทายกลัวมอเตอร์ไซค์.. คุณลุงน่าจะนั่งรถประจำทางมารับเพทายในวันนี้ ”
พะพายยังคงเคี้ยวลูกชิ้นต่อไปอย่างหน้าตาเฉย “ งั้นเดี๋ยวนั่งรอเป็นเพื่อนแล้วกัน วันนี้ไม่รีบ ” พะพายพูดจบแล้วลากก้นตัวเองไปนั่งลงบนฟุตบาทหน้าทางเข้าโรงเรียน “ ยืนทำไรอยู่เล่าต้วมเตี๊ยม มานั่งตรงนี้ ”
ใจกลางเมืองมีร้านไอศกรีมเปิดใหม่สไตล์อเมริกัน
ชายหนุ่มร่างสูงนัดพบกับหญิงสาวต่างโรงเรียนที่แห่งนี้..
บรรยากาศร้านออกแนววินเทจนิดๆ ภายในตกแต่งด้วยสีสดตามสไตล์ร้านไอศกรีมยุคหกศูนย์ ชายหนุ่มในชุดนักเรียนนั่งรอหญิงสาวอยู่ในร้าน ในมือถือดอกกุหลาบช่อเล็กเอาไว้..
ไพรทูรย์รู้สึกประหม่าอย่างมาก..นี่เป็นครั้งแรกที่ไพรทูรย์จะได้ออกเดทกับผู้หญิงตัวเป็นๆ ไพรทูรย์ถึงขั้นต้องเข้าอินเทอร์เน็ตในคอมพิวเตอร์เพื่อเสิร์ชหาข้อมูลสำหรับการเดตครั้งแรก และเมื่อคืนก็ไปสารภาพกับไอ้ธารว่ากำลังเดตกับน้องสาวที่มันรู้จัก ไปนอนค้างคืนกับเพื่อนสนิทเพื่อขอให้มันสอนวิธีการเดตกับสาวให้หน่อย และสิ่งเดียวที่ไพรทูรย์นึกออกขณะเดินทางมาที่นี่คือการซื้อดอกไม้เอาไว้มอบให้กับคู่เดตของตน
กริ๊ง..
เสียงระฆังแจกเตือนลูกค้าใหม่.. หญิงสาวในชุดเอี้ยมสีน้ำเงินกับเสื้อรายขวางสีขาวเหลืองกำลังมองหาคู่เดตของตนเอง
“ จูน.. ” ชายหนุ่มตะโกนเรียกชื่อเล่นของหญิงสาวเพื่อบอกว่าตนเองนั่งอยู่ตรงนี้..
“ อ้าว..พี่ทูน ” หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคู่เดตของตนนั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว
“ มารอนานแล้วเหรอ ” หญิงสาวเอ่ยถามเพื่อแก้ความเก้อเขิน
“ ไม่นานหรอก.. พี่ก็พึ่งมาถึงเอง ” ชายหนุ่มดูไม่เป็นตัวเองเท่าที่ควร อาการเขินทำให้ร่างกายของชายหนุ่มชาไปหมด แล้วยังทำตัวเก้กังๆต่อหน้าคู่เดตอีก “ อะนี่.. พี่ซื้อมาให้ ” ชายหนุ่มหลบตาเขินแล้วยื่นช่อดอกไม้ให้คู่เดตต่างโรงเรียน.. หญิงสาวมองดูช่อดอกไม้ด้วยแววตาแวววาวอย่างกับว่าได้ถ้วยรางวัล
ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างโรงเรียนแลกเปลี่ยนบทสนทนากันและกันอย่างเอ็นจอย การได้พูดคุยกันต่อหน้าช่วยละลายพฤติกรรมให้ทั้งสองคนรู้สีกสบายใจต่อกันและกันมากยิ่งขึ้น..
ชายหนุ่มหยิบเมนูบนโต๊ะส่งให้กับหญิงสาวตรงหน้า บนหน้าเมนูมีรสไอศกรีมหลากหลายเรียงรางอยู่บนนั้น..
ชายหนุ่มคิดไปว่า..ถ้าหากได้พาเพทายมาทานด้วย เจ้าตัวคงชอบใจน่าดู ไอศกรีมมีให้เลือกทานมากมายไม่ว่าจะเป็น นิลลา กะทิ มะนาว ช็อกโกแลต คุกกี้แอนด์ครีม สตอรว์เบอรี่ หรือทุเรียน เมื่อได้คิดถึงหน้าพอใจของเด็กหนุ่มแล้วไพรทูรย์ได้แต่หลุดยิ้มออกมา
“ พี่ทูนขำอะไรคะ.. ” หญิงสาวยิ้มสวยในชุดเอี้ยมเอ่ยถาม “ อ๋อ.. เปล่าครับ พี่คิดอะไรเพลินแล้วก็เลยหลุดขำออกมา ”
ระหว่างทางเข้าบ้านชายหนุ่มไม่ลืมที่จะซื้อช็อกโกแลตเหรียญทองกลับไปฝากน้องชายข้างบ้านด้วย.. แต่เมื่อชายหนุ่มได้ลองคิดทบทวนกับตัวเองอีกครั้ง ชายหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองติดนิสัยชอบซื้อของไปฝากน้องชายบ่อยเกินไปหรือเปล่า..ถ้าซื้อไปบ่อยๆกว่านี้ น้องจะเข้าใจผิดว่าเขามีความรู้สึกเชิงชู้สาวกับน้องหรือเปล่า แต่อีกใจหนึ่งไพรทูรย์ก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าขัดใจแค่จะซื้อของฝากน้องเฉยๆทำไมถึงต้องคิดมากขนาดนี้ด้วย ชายหนุ่มยกสายห้อยช็อกโกแลตเหรียญทองขึ้นสูงแล้วมองมันห้อยไปมาบนท้องฟ้า.. แค่ได้ให้ก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
“ พ่อทูน พ่อทูน.. ” เสียงของหญิงชราที่คุ้นเคยปลุกให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ความคิด “ ครับคุณยาย มีอะไรหรือเปล่า เอ่อ.. ผมซื้อขนมมาฝาก.. ” หญิงชราวิ่งมากุมมือของชายหนุ่มเอาไว้แน่น มือเล็กสั่นเทาเหมือนกำลังกังวลเรื่องอะไรบางอย่าง
“ พะ..เพทาย.. ” หญิงชราไม่มีแม้แต่แรงจะเปล่งเสียงพูดออกมา “ เพทายยังไม่กลับมาบ้านเลยลูก นี่ก็จะมืดแล้ว.. ” ช็อกโกแลตในมือของชายหนุ่มตกลงสู่พื้น.. “ แล้วลุงวสินล่ะครับ แกรับปากแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไปรับเพทาย ” หญิงชราหายใจถี่ ภาพตรงหน้ามัวไปหมด “ ยายกลัวว่าไอ้สินมันจะหลงน่ะซิ มันไม่ได้อยู่ที่นี่มานานตั้งสิบปีแล้ว ไม่รู้ว่ามันยังจำถนนหนทางได้มากน้อยแค่ไหน.. ”
บรื้น บรื้น..
Kawasaki KRR 150 SE รุ่น E3 ขับเข้ามาจอดลงบนหน้าบ้านของเด็กหนุ่ม.. ข้างหน้ารถเป็นเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนนั่งปิดตาด้วยมือทั้งสองข้างและบุคคลที่ซ้อนท้ายอยู่ด้านหลังเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังปล่อยแขนออกจากแฮนด์มอเตอร์ไซค์คันใหญ่
ไพรทูรย์ขมวดคิ้วเข้าชนกัน..ขนาดตัวเขาเองยังไม่สามารถทำให้เพทายนั่งมอเตอร์ไซค์ของเขาได้
“ ไอ้เด็กนี่มันเป็นใครวะ.. ”