บทที่ 3

2528 Words
ลมแรงพัดกระหน่ำ.. บ่ายสีโมงเย็นที่เคยร้อนอบอ้าวเพราะแสงแดดกลับเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นจากลมพายุฝน หนุ่มน้อยเดินต้วมเตี๋ยมลงมาจากบันไดชั้นสองหลังจากช่วยเพื่อนๆในห้องทำความสะอาดห้องเรียนเสร็จ เด็กหนุ่มทำได้หน้าที่เดียวเท่านั้นคือ “ เทขยะ ” เพื่อนในห้องมักจะบอกให้เพทายยกขยะลงไปทิ้งอยู่เสมอ ทั้งๆที่เพทายอยากจะเป็นคนกวาดและถูพื้นบ้างแต่ไม่มีเพื่อนคนไหนที่มีหน้าที่ทำเวรประจำวันด้วยกันยอมจะให้เพทายได้ทำหน้าที่อื่นด้วย ทุกวันพุธ เพทายจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้ออกมาจากห้องประจำชั้นตลอด เพื่อนที่ทำเวรด้วยกันมักจะรีบกวาดถูและทิ้งให้เพทายยกขยะลงมาทิ้งคนเดียว “ เพทาย.. “ ใต้บันไดสูงมีพี่ชายคนสำคัญยืนรอเด็กหนุ่มอยู่.. เพียงแค่ได้ชำเลืองมองและมองเห็นรอยยิ้มของพี่ชายที่มารับเพทายกลับบ้านพร้อมกัน เจ้าตัวก็หายเหนื่อยแล้ว.. “ ทำไมปล่อยผมยาวแบบนี้ล่ะเพทาย ” ผู้เป็นพี่ชายถามไถ่ “ ยางมัดผมมันขาดตอนยกถังขยะลงมาเทน่ะทูน ” จากวันที่เปิดเรียน..นี่ก็เป็นเวลาสามอาทิตย์ให้แล้ว เวลาและเข็มนาฬิกาเดินไปเรื่อยๆ ตัวของเพทายก็เช่นกัน.. ความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มกับเพื่อนในห้องเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย.. เพื่อนส่วนหนึ่งในห้องยอมถามตอบกับเพทายบ้างแล้วและแน่นอนว่ากว่าคนอื่นๆจะยอมคุยด้วยเจ้าตัวจะต้องเป็นคนเข้าหาเพื่อนคนอื่นๆก่อน “ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ซื้อยางดีๆให้นะ ยางเส้นดำที่เพทายมัดมาโรงเรียนทุกวันมันไม่ค่อยทน.. ป่ะ กลับบ้านกัน ” ชายหนุ่มจูงแขนเด็กหนุ่มเดินออกไปนอกอาคาร เดินผ่านประตูหน้าโรงเรียน แล้วนั่งรถประจำทางกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านไพรทูรย์ตั้งใจจะพาเพทายแวะเดินเล่นตลาดใกล้บ้านก่อนกลับเข้าบ้านท้องฟ้าครึมพัดพาสายลมเย็นผ่านร่างกายให้รู้สึกสบาย บนทางเดินที่ทอดยาวมีพ่อค้าแม่ค้าตั้งโต๊ะขายของเต็มข้างทางไปหมด แต่ที่สะดุดตาของทั้งคู่ที่สุดคือแม่ค้าที่กางร่มสนามสีเขียวใบใหญ่ตั้งตระหง่านระหว่างรถเข็นคันใหญ่ หญิงชราผมขาวกำลังยืนจัดของที่เตรียมมาจากบ้านให้เป็นระเบียบ มีทั้งส่วนที่ผสมแล้วและยังไม่ได้ผสม แป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวจ้าววางทับอยู่ข้างกัน น้ำตาล เกลือ น้ำมันพีช กะทิ เผือก ข้าวโพด ต้นหอม และเตาขนมครกคู่ ทั้งหมด 28 หลุม ถูกจัดวางให้เป็นระเบียบเหมือนทุกวัน หญิงชราคนส่วนผสมที่ได้เตรียมมาจากบ้านแล้วตักราดลงไปบนเตาร้อน.. กลิ่นหอมของกะทิลอยโชยมาตามสายลม “ ยายจ๋า.. ” หญิงชราเงยหน้ามองเจ้าของเสียงเรียก “ อ้าว..ไอ้ทาย มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก.. หิวหรือยัง กินขนมครกไหม ยายจะตักให้ ” เพทายส่ายหน้าไปมา มีเพียงไพรทูรย์เท่านั้นที่สั่งขนมครกคุณยายกลับบ้านสองชุด ชุดนึงทานเอง อีกชุดเอาไปฝากคุณพ่อกับคุณแม่ หญิงชราเริ่มตักเอาขนมครกชิ้นที่สุกแล้ววางใส่ใบตอง แล้วแพคใส่กล่องให้ชายหนุ่ม “ เอานี่พ่อทูน ยายแถมให้ด้วยนะลูก ยายฝากเพทายมันไว้กับพ่อทูนก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นยายจะไปรับที่บ้านพ่อทูน หรือไม่ก็พาเพทายไปรออยู่ที่บ้านยายก่อนก็ได้ เปิดทีวีให้น้องมันดูแล้วพ่อทูนค่อยกลับไปที่บ้านก็ได้ ถ้าไอ้ทายมันได้อยู่กับทีวีมันไม่หนีไปไหนหรอก ” ไพรทูรย์ตอบตกลงแล้วนำเงินที่เตรียมออกมาวางลงบนมือของหญิงชรา “ ขอบใจมากลูก อนาคตขอให้เจริญเจริญนะลูก ” หญิงชราอวยพรชายหนุ่มที่เหมือนหลานชายอีกคน แผ่นหลังของหลานทั้งสองค่อยๆจางหายไปจนลับสายตา.. ความเหงาก่อตัวขึ้นมาในจิตใจ..เสียงคึกคักในตลาดไม่สามารถรบกวนความเงียบเหงาที่มีอยู่ในใจของหญิงชราได้เลย.. ในหัวของหญิงชราตอนที่มองภาพหลานชายทั้งสองเดินจากไป ภาพความเหงาที่กัดกินจิตใจในวันวานได้สะท้อนกลับคืนมาในความคิด ภาพลูกสาวที่เสียชีวิตและลูกชายที่หายไปจากบ้านแบบไม่บอกกล่าว คอยย้อนกลับมาทำร้ายหญิงชราเป็นครั้งคราว มีเพียงแต่หลานชายที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเยาว์เท่านั้นที่เหมือนเป็นลมหายใจให้หญิงชราได้ใช้ชีวิตต่อ.. เดินออกจากตลาดได้ไม่นาน ชายหนุ่มและเด็กหนุ่มก็เดินมาถึงซอยเข้าบ้าน ระหว่างทางเดินกลับบ้านมีร้านโชห่วยร้านหนึ่งตั้งอยู่ เป็นสถานที่ที่ไพรทูรย์มักแอบมายืนมองดูเพทายซื้อขนมอยู่ประจำ ภาพในความทรงจำของชายหนุ่มยังคงทำให้ยิ้มได้เสมอ เด็กหนุ่มจะใช้เวลารวบรวมความกล้าสักเล็กน้อยก่อนจะพาขาต้วมเตี๊ยมก้าวเข้าไปในร้าน แต่กว่าที่เด็กหนุ่มจะเดินออกมาได้ก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควร ชายหนุ่มเริ่มสงสัยจึงแอบตามเข้าไปดู แล้วก็พบว่าเด็กหนุ่มแอบยืนหลบมุมจ้องเด็กรุ่นเดียวกันนั่งเล่นเกมเพลย์สเตชั่น เป็นภาพน่าเอ็นดูและน่าสงสารไปพร้อมกัน.. ชายหนุ่มรู้ว่าเด็กไม่กล้าขอเงินยายมาทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้ แต่เรื่องไร้สาระทำนองนี้นี่แหละมันจะกลายเป็นความทรงจำชั้นเยี่ยมให้ได้เล่าสู่รุ่นสู่หลานฟังว่าในอดีตเคยเป็นอย่างไร ชายหนุ่มเดินไปบอกเจ้าของร้านว่าขอเล่นเกมเพลย์หนึ่งชั่วโมง.. ราคาต่อชั่วโมงในสมัยนั้นต้องจ่ายเงินเพียงแค่สิบบาท จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินกลับไปจูงมือเด็กหนุ่มให้ไปนั่งเล่นเกมเพลย์ด้วยกัน แต่แพทายมีท่าทีเก้ๆกังๆดูไม่สบายใจ “ เพทาย..เป็นอะไร ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม เพทายเอียงหน้า หลบสายตา แล้วตอบกลับชายหนุ่ม “ ทายบอกยายว่าจะออกมาซื้อขนมร้านลุงดำ ถ้าทายกลับบ้านช้ายายจะดุเอา ทายกังวล ” เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง.. ถึงทำให้ไพรทูรย์รู้สึกเอ็นดูเพทายเอามากๆ “ แพทายไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวพี่เดินกลับไปบอกคุณยายให้เลยตอนนี้ว่าทายอยู่กับพี่ไม่ต้องเป็นห่วง ” “ จริงนะ..” เด็กหนุ่มยังคงรู้สึกกังวล “ อืม! เดี๋ยวพี่รีบไปบอกให้ตอนนี้เลย ” หลังจากที่ไพรทูรย์เดินออกไปจากร้านเพื่อไปคุยกับคุณยาย แพทายถึงยอมนั่งลงบนเก้าอี้ เสียงหัวเราะลั่นดังออกมาจากลำคอ เมื่อชายหนุ่มกำลังเดินผ่านร้านโชห่วยไปพร้อมกันกับเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มเริ่มสงสัยว่าจู่ๆชายหนุ่มหัวเราะออกมาทำไม.. “ ทูน.. หัวเราะทำไม ” สายตาขี้สงสัยจ้องมองแขนแกร่งของชายหนุ่ม “ ปะ..เปล่า ” ชายหนุ่มกุมมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากเอาไว้ “ แค่คิดถึงความทรงจำในอดีตน่ะ.. เคยมีเด็กคนหนึ่งอยากเล่นเกมาก แต่กลัวยายดุ.. ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วเดินดุ่มดุ่มเข้าไปตบไหล่ของชายหนุ่มหนึ่งทีแล้วรีบจ้ำอ้าวเดินนำหน้าชายหนุ่มกลับบ้าน “ รอพี่ก่อนเพทาย ” เด็กหนุ่มไม่ยอมตอบกลับพี่ชายข้างบ้านตนเอง แต่เพิ่มความเร็วของฝีเท้าให้มากขึ้น ภาพเด็กหนุ่มขี้อายตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มหลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง “ น่ารักจริงๆ.. ” ประตูรั้วถูกเลื่อนออกโดยแขนแกร่งของชายหนุ่ม เด็กหนุ่มถอดกระเป๋านักเรียนออกจากหลังแล้ววิ่งต้วมเตี๋ยมเข้าไปในบ้านของตนเอง “ ระวังล้มด้วยเพทาย.. ” ชายหนุ่มกล่าวเตือน เด็กหนุ่มรีบเปิดประตูบ้านแล้ววิ่งไปเปิดทีวีช่องสิบสามรอดูการ์ตูนเรื่องโปรดที่ตัวเอกมีคิ้วหนาๆเหมือนไพรทูรย์และชอบโชว์ก้นตัวเอง “ ทูนมาดูนี่เร็วเข้า ตัวนี้เหมือนทูนเลย ” ชายหนุ่มรีบวิ่งมาดูตัวการ์ตูนที่เหมือนตนเอง แล้วก็ถอนหายใจออกมา “ ไอ้ตัวชอบโชว์ก้นให้ผู้ใหญ่ดูเนี่ยนะ เหมือนพี่.. ” ชายหนุ่มเผยสีหน้าเซ็งเล็กน้อยแล้วใช้มือหนาผลักหัวของเพทายไปเบาๆหนึ่งที “ อย่างพี่มันต้องแบทแมนเพทาย.. ผู้ชายแบบพี่ต้องแบบนั้น ” ชายหนุ่มถลกแขนเสื้อนักเรียนขึ้นมาแล้วโชว์กล้ามให้เพทายดู เด็กหนุ่มหันกลับมามองแขนแกร่งของชายหนุ่มและตอบกลับมาเพียงแค่คำว่า “ แหวะ ” แล้วหันกลับไปดูการ์ตูนบนทีวีต่อ ชายหนุ่มยิ้มบางแล้ววางสัมภาระต่างๆลงบนโซฟ้าไม้เก่า “ ถ้าดูการ์ตูนจบแล้ว เดินมาบอกพี่นะ พี่จะฟังเพลงก่อนล่ะ ” เด็กหนุ่มไม่ตอบกลับและเอ็นจอยกับการ์ตูนตรงหน้าต่อ.. ชายหนุ่มหยิบเครื่องเล่นเทปคาสเช็ตสีเทาน้ำเงินออกมาจากกระเป๋านักเรียน กดปุ่มเปิดฝาออกแล้ว แล้วหยิบตลับเทปใสออกมาเปิดเอาเทปใส่ลงไปในเครื่องเล่น บนหน้าตลับมีชื่อเพลงเขียนใส่กระดาษเอาไว้หลายเพลง ชายหนุ่มเอื้อมมือเข้าไปหยิบอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายในกระเป๋าออกมาเสียบลงไปบนรูเครื่องเล่นแล้วแนบมันใส่หู จากนั้นค่อยๆคลี่แผ่นกระดาษที่ถูกพับลงไปในตลับใส่ออกมาดู บนหน้ากระดาษเต็มไปด้วยชื่อเพลงรักมากมาย ชายหนุ่มนั่วอ่านชื่อเพลงแต่ละเพลงแล้วก็อมยิ้มออกมา.. “ โรแมนติกฉิบหายคนเรา ” ชายหนุ่มเอนกายลงบนโซฟาไม้แล้วผล็อยหลับขณะที่เปิดเพลงค้างเอาไว้ ปัง! ลมแรงพัดหน้าต่างกระทบกับผนังไม้.. ชายหนุ่มลืมตาขึ้นและพบว่าตรงหน้าของเขามีเด็กหนุ่มนอนขดอยู่ ข้างๆ สายลมเย็นพัดผ่านเส้นผมบางใต้หน้าผาก ความรู้สึกอุ่นๆก่อตัวขึ้นมากลางอกของชายหนุ่ม ไพรทูรย์วางมือหนาลงบนแก้มของเด็กหนุ่ม ไล่นิ้วมือลงไปตามสันกราม จมูกโด่งเป็นสัน ปากชมพูคล้ำ ภาพเด็กหนุ่มหลับตาพริ้มตรงหน้าน่าเอ็นดูไม่น้อย “ ทำไมไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงนะ อยากครอบครองเอาไว้จริงๆ ” “ ทายเอ้ย.. ทายลูก มาเก็บของช่วยยายหน่อยลูก ” หญิงชราผมขาวเลื่อนประตูรั้วให้เปิดกว้าง แล้วเข็นรถขายขนมเข้ามาเก็บข้างในบ้าน “ ครับยาย เดี๋ยวผมออกไปช่วยเดี๋ยวนี้ ” ไพรทูรย์ลุกขึ้นจากโซฟาไม้แล้วเดินไปหยิบหมอนใบเล็กวางลงบนโซฟาแล้วอุ้มเด็กหนุ่มลงไปนอนอย่างเบามือ “ อ้าว พ่อทูน ยังไม่กลับไปบ้านเหรอลูก ” หญิงชราถามขณะที่ชายหนุ่มเดินออกมายังนอกบ้าน “ ผมผล็อยหลับไปน่ะครับคุณยาย แพทายก็ด้วยเหมือนกัน.. เดี๋ยวผมช่วยคุณยายเก็บของเองนะครับ ” ชายหนุ่มเดินไปยกเตาขนมครกลงจากรถและเก็บข้าวของต่างๆไปหลังบ้าน.. หญิงชราเก็บของทุกอย่างเสร็จ จากนั้นจึงเตรียมตัวทำข้าวเย็นทานกับหลาน “ พ่อทูน.. วันนี้พ่อกับแม่กลับบ้านเร็วไหมลูก ” ไพรทูรย์ส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆ ตอนที่ไพรทูรย์เดินเข้ามาในบ้านกับเพทาย ชายหนุ่มได้แอบมองดูหน้าบ้านแต่ก็พบเพียงบ้านที่ว่างเปล่า ขนมครกที่ซื้อมาเผื่อก็ยังไม่ได้ให้ “ วัยทำงานก็แบบนี้แหละลูก ไม่เป็นไรนะ วันนี้ทานข้าวกับยายกับเพทายก็แล้วกัน ” เมนูวันนี้เป็นแกงจืดเต้าหู้ไข่กับไข่เจียว หญิงชราเริ่มลงมือล้างผักที่ต้องใช้ทำอาหาร ส่วนไพรทูรย์อาสาโครกพริกไทยเอาไว้หมักผสมกับหมูสับที่สับเอาไว้เมื่อครู่ หญิงชรานำหัวหอมแดงหั่น รากผักชี ก้อนปรุงรส และกระดูกหมูลงไปต้มในหม้อที่ต้มน้ำเอาไว้จนเดือดแล้ว จากนั้นไพรทูรย์ตักเอาพริกไทยที่โครกแล้วลงบนถ้วยหมูสับที่สับเอาไว้ต่อด้วยเทซอสปรุงรสเห็ดหอมและเกลือ น้ำตาล และน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ทางหญิงชราหั่นผักเป็นชิ้นชิ้นแล้วนับลงไปในหม้อต้ม กลิ่นหอมของ กระดูกหมู ก้อนปรุงรส หัวหอมและรากผัก ตลบอบอวลไปทั่วห้องครัว “ ยายกลับมาแล้วเหรอครับ ” เด็กหนุ่มตื่นแล้ว.. อาจเป็นเพราะกลิ่นอาหารที่ส่งกลิ่นไปถึงหน้าบ้าน “ ไงไอ้ทาย.. น้ำย่อยทำงานแล้วล่ะซิ ” หญิงชราพูดจาหยอกล้อแซวหลานชายตนเอง ทางหลานชายเอียงหน้าแล้วยักคิ้วหนึ่งข้าง “ ก็ยายทำอาหารอร่อย..พอกลิ่นอาหารแตะจมูกต่อมความหิวมันก็เลยทำงานอ่าซิยาย ” ความไร้เดียงของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะของผู้เป็นยายและพี่ชายข้างบ้านได้เป็นอย่างดี “ วันนี้พี่ทูนเขาจะทำไข่เจียวให้กินด้วย อยากกินหรือเปล่า ” หญิงชราถามต่อ เด็กหนุ่มยังอยู่ในท่าเอียงหน้า “ อยากกินมากเลยอ่าซิ ทูนทำอร่อยๆเลยนะ ” อาหารถูกวางลงบนแคร่ใหญ่อีกครั้ง ภาพที่คุ้นเคยย้อนกลับมาอีกครั้ง เพทายเดินไปล้างมือในห้องน้ำ ไพรทูรย์ตักข้าวสวยใส่จาน ส่วนหญิงชราไปหยิบน้ำเย็นในตู้เย็นออกมาเตรียมเอาไว้ ทุกๆครั้งที่ไพรทูรย์มาร่วมวงทานข้าวกับเพทาย หญิงจะรู้สึกเหมือนกับว่าครอบครัวได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง การที่ไพรทูรย์เดินเข้ามาในชีวิตเพทาย ทำให้บรรยากาศในบ้านยิ่งดีขึ้นไปเรื่อยๆ หญิงชราคิดว่าการที่เด็กหนุ่มต้องอยู่กับยายแก่เพียงสองคน ไม่มีใครให้แลกเปลี่ยนความคิดนอกจากหญิงแก่ในบ้าน การมีชีวิตแบบนั้นหญิงชราไม่อยากให้หลานตัวเองต้องอยู่แต่กับชีวิตแบบนั้น ส่วนเรื่องอาการผิดปกตินั่น หญิงชราคิดว่าต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด เธอเชื่อว่าหลานของตนเองปกติ แต่อาจมีเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องกลายเป็นแบบนั้น ภาพรอยยิ้มของหลานทั้งสองตรงหน้าช่วยฮีลใจหญิงชราคนนี้ได้ดีเสียจริง การได้มีเขาสองคนอยู่ตรงนี้ ช่วยให้คนแก่คนนี้ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป อยู่เพื่อมองอนาคตของหลานทั้งสองคน แต่ถ้าหากอยู่ไม่ถึงวันนั้น หญิงชราเชื่อว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่ทอดทิ้งเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆก็ตอนนี้ที่หญิงชรายังมองเห็น “ และถ้าหากฉันอยู่ไม่ถึงตรงนั้นจริงจริง ฝากท้องฟ้า ฝากแสงดาว ฝากสายลม ฝากลมฝน ฝากจักรวาลและโชคชะตา ช่วยโอบกอดสองหนุ่มตรงหน้าแทนฉันที ” วรัสดี .
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD