Chapter.7 ขอโทษที่หายไป

1940 Words
ถึงเวลามื้อเย็นฉันอาสาป้อนข้าวน้องพายเพราะไม่อยากไปนั่งร่วมโต๊ะกับประธานของงานวันนี้ ที่จริงหลานรักของฉันสามารถจับช้อนกินเองได้แล้วแต่ฉันก็อยากนั่งอยู่ตรงนี้มากกว่าตรงนั้น "อร่อยมั้ยคะ" "อร่อยค่ะ อาโบไม่กินเหรอคะ" "กินค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่" ที่จริงหิวมากจนกินช้างได้ทั้งตัว แต่เพราะอีพ่อหมีที่นั่งยิ้มไม่หุบอยู่ไกลๆนั่นแหละที่ทำให้ฉันไม่อยากไปนั่งอยู่ตรงนั้น เขาดูอารมณ์ดีไม่เหมือนคนที่เพิ่งโดนดุมาเลย "อาโบท้องร้อง น้องพายได้ยิน" "พ่อหมีเอาข้าวมาป้อนแม่หมีแล้วครับ" ให้ตายสิ โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เมื่อกี้ยังนั่งอยู่บนโต๊ะอยู่เลย แล้วจานข้าวในมือนั่นอย่าหวังดีจนเกินหน้า กอดฉันโชว์ทุกคนยังไม่พอนี่ถือจานข้าวมาป้อนอีก เกินไปแล้ว "ดีจังเลยค่ะ แม่หมีท้องร้อง" เด็กหนอเด็ก ดุไม่ลงเพราะเป็นหลานรัก "น้องโบมากินข้าวได้นะ เดี๋ยวพี่ไปดูน้องพายเอง" "ไม่เป็นไรค่ะพี่พิม" ไม่ได้อยากอยู่ใกล้ตานี่นักหรอก แค่ไม่อยากให้พี่พิมเหนื่อยแล้วก็ได้นั่งกินข้าวกับพี่เกื้อนาน ๆ อะไรที่พอแบ่งเบาได้ฉันก็จะทำเพื่อตอบแทนความเอ็นดูที่ทุกคนมีให้ ยกเว้นอีตาประธานพ่อหมีคนข้างๆ "กินเองได้ค่ะ" "ดูสายตาลูกหมีของเราสิ" เขาโน้มต่ำลงมากระซิบข้างหู อีกหนึ่งเรื่องที่ฉันแคร์คือน้องพาย ฉันไม่อยากทำร้ายจิตใจหลานอีกครั้ง "ฉันไม่ชอบกินเผ็ด" "ลืมเลย ขอโทษๆ" เขาลนลานลุกกลับไปที่โต๊ะเปลี่ยนจานใหม่ให้ฉันทันที ทำเป็นลืมคนอย่างเขาเคยจำอะไรที่ไหน น้องพายวางช้อนในมือแล้วบอกอิ่มเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เกื้อเดินมาทางนี้พอดี "อิ่มแล้วใช่มั้ยครับ ปะ ไปแปรงฟังกัน" "แต่น้องพายยังไม่อยากขึ้นห้องตอนนี้นี่คะ" มื้อเย็นล่วงเลยมาจนถึงช่วงค่ำ น้องพายเพิ่งหายป่วยอีกอย่างเด็กวัยนี้ควรเข้านอนเร็ว "พรุ่งนี้อาโบจะมาหาน้องพายใหม่ วันนี้คนเก่งของอาโบต้องเข้านอนก่อนนะคะ" ทั้งสงสารแล้วก็เห็นใจ พี่เกื้อเองก็คงไม่อยากบังคับลูกเพราะจำเป็นจริง ๆ จึงต้องทำ "ก็ได้ค่ะ" พี่เกื้ออุ้มน้องพายเดินขึ้นชั้นบน สักพักตัววุ่นวายก็กลับมาพร้อมข้าวจานใหม่ "อะ จานใหม่" "น้องพายไปแล้ว ฉันกินเองได้ค่ะ" "โกรธมากใช่ไหม" ถ้าเขาหมายถึงเรื่องในห้องน้ำ แน่นอนฉันโกรธ โกรธมากๆด้วย "อยากรู้ไปเพื่ออะไร" "คุยกันหน่อยได้มั้ยโบใหญ่" พี่พิมเดินตามพี่เกื้อขึ้นไปชั้นบน คุณป้าวจีขอตัวกลับก่อนเพราะมีงานสังคมต่อ ส่วนพ่อของฉันวันนี้ติดธุระเลยมาไม่ได้ ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันกับเขาแค่สองคน "คุยอะไรคะ ถ้าจะขอโทษโอเคฉันรับรู้แล้ว" "รับรู้แล้ว หายโกรธมั้ย" เขาวางจานข้าวในมือลงแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามมองหน้าฉันรอคำตอบ หายโกรธเหรอ? ที่จริงฉันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจนักหรอก ถ้าเขายังเข้าใจผิดอยู่ก็จะกวนประสาทกลับเอาให้บ้าไปเลย "โกรธไปก็ทำให้ทุกข์ ฉันไม่ว่างนั่งโกรธใครหรอกค่ะ" "เสียใจเรื่องแม่เธอด้วยนะ" "ขอบคุณ" "ได้ข่าวว่าจะเรียนต่อ มีอะไรปรึกษาฉันได้นะ" เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยแต่ก็ดีฉันก็เบื่อทะเลาะแล้วเหมือนกัน "ไม่เป็นไรค่ะ โบมีพี่เกื้อ" "เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ เธอก็เหมือนน้องสาวฉัน อยากให้ช่วยอะไรบอกได้นะ" "ฉันมีพี่เกื้อเป็นพี่ชายแค่คนเดียวค่ะ" "เธอจะใจร้ายกับฉันมากเกินไปแล้วนะ เมื่อก่อนยังทำแผลหาข้าวหาน้ำให้ฉันกินอยู่เลย" ย้อนความหลังเพื่ออะไร ตั้งกี่ปีมาแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากจะช่วยนักหรอกแค่เห็นใจเพื่อนร่วมโลกจะปล่อยให้ตายก็กลัวเป็นบาปติดตัว "ทำบุญค่ะ" "ยังโกรธอยู่เหรอ" "ไม่โกรธแล้วค่ะ" "แต่เธอทำหน้าตึง เสียงก็แข็ง จะให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะยอมคุยดีๆกับฉัน" เขาถูกคุณป้าวจีบังคับมาแน่ ๆเลย "ไม่ดีตรงไหนคะ" "กลับยังไง เดี๋ยวไปส่ง" เขาเปลี่ยนเรื่องเร็วจนฉันเริ่มตามไม่ทัน "นี่คุณ ไม่ต้องอะไรทั้งนั้นแหละแค่ต่างคนต่างอยู่ " ฉันเริ่มเสียงดัง จะตื๊อไปถึงไหน "ไม่" "คาดเข็มขัดด้วย ชอบให้ขับรถเร็วมั้ย" สุดท้ายฉันก็ต้องยอมให้เขาไปส่งเพราะน้องพายงอแงไม่ยอมให้พี่เกื้อไปไหนเลย พอขึ้นรถมาฉันก็ถูกสั่งให้คาดเข็มขัดเรื่องนี้ฉันรู้อยู่แล้วไม่ต้องสั่งหรอก ส่วนเรื่องขับรถเร็วน่ะเหรอ "ยังไงก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณ" "ช้าๆก็แล้วกัน จะได้คุยกันนานๆ " แล้วแต่เขาเลย ฉันยังไงก็ได้ พอคาดเข็มขัดเสร็จรถก็เคลื่อนออกจากที่เดิมอย่างช้า ๆ เขาทำลายความเงียบภายในรถด้วยการเปิดเพลงสากลสบาย ๆ จนทำให้ฉันเองก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย "ที่พักฉันอยู่หลังบริษัทค่ะ" เผื่อเขายังไม่รู้ "รู้แล้ว พี่เกื้อบอกฉันแล้ว ทำไมถึงไม่ขอห้องพักของบริษัท" "ห้องพักที่ฉันเช่าอยู่ก็สะดวกสบายดีค่ะ เก็บไว้ให้คนที่บ้านอยู่ไกลดีกว่า" "วานเอื้อมหยิบถุงกระดาษข้างหลังให้หน่อยสิ" ฉันเหลือบมองหน้าเขาแล้วหันไปมองข้างหลัง ไฟริมถนนส่องเข้ามาเป็นระยะทำให้พอมองเห็นว่ามีถุงกระดาษใบโตหลายใบวางอยู่ "ทั้งหมดเลยเหรอ" "อืม" เขาพยักหน้าแล้วตั้งใจขับรถต่อ ฉันปลดเข็มขัดเพื่อง่ายต่อการขยับตัวเอื้อมไปหยิบ "แค่ถุงเดียวก็เต็มแล้ว" "ถุงเดียวก่อนก็ได้ ลองดูสิว่าชอบมั้ย" อะไร? ฉันก้มมองของในถุง ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรเลยหยิบออกมาดู "น้ำหอม" "ของฝากไง" "ตั้งใจซื้อมาฝากใครก็เอาไปให้เขาสิ" โกหกชัด ๆ เขาน่ะเหรอจะซื้อของมาฝากฉัน "เธอไง ทั้งหมดนั่นเลย ไม่ได้มีแค่น้ำหอมนะ กระเป๋าก็มีฉันคิดว่ากลับมาเธอก็คงเรียนจบแล้ว ก็เลยตั้งใจซื้อของพวกนี้มาให้เพื่อเป็นของขวัญแสดงความยินดี แต่ว่า " ฉันไม่ได้เรียนต่อ แม่ก็เสีย ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่หวังเอาไว้เลยสักอย่าง แต่ก็...ขอบคุณนะ "คุณเก็บไปเถอะ" "ได้ งั้นเปิดกระจก ถ้าไม่เอาก็ทิ้งเลย" ฉันหันมองหน้าเขาที่กำลังไม่สะทกสะท้านกับประโยคเมื่อสักครู่ของตัวเองที่พูดออกมา น้ำหอมขวดที่ฉันถืออยู่ราคาหลักหมื่น มันไม่ใช่แค่ขวดเดียวแล้วของที่อยู่ในถุงข้างหลังอีก ระดับเขาคงไม่ซื้อของราคาสิบมาหรอกใช่มั้ย "นี่คุณอย่ามาอวดรวยนะ ของพวกนี้แพงๆทั้งนั้นทำไมไม่เสียดายบ้าง" "เธอยังไม่เสียดายเลย ทำร้ายน้ำใจฉันมากเลยรู้มั้ย" อะไรของเขาอีกเนี่ย ฉันไม่รับก็เอาไปให้คนอื่นที่เขาอยากได้สิ จะให้โยนทิ้งข้างแบบนี้มันไม่มักง่ายไปเหรอ "ฉันหายโกรธแล้วจริงๆ คุณไม่ต้องให้ของพวกนี้ฉันก็ได้" "ฉันตั้งใจซื้อมาให้เธอจริง ๆ หลายเรื่องที่ฉันอยากขอบคุณ อันนี้เรื่องจริง" "แต่ก็ไม่ต้องแพงขนาดนี้ก็ได้" ทั้งหมดนั่นกี่แสนกันหรือเหยียบหลักล้าน ฉันไม่อาจคาดเดาได้เลย "เทียบไม่ได้กับที่เธอเคยช่วยฉัน" นึกย้อนกลับไปวันนั้น ผู้ชายคนข้างๆคนนี้ทำตัวเป็นนักเลง คู่อริเต็มไปหมด มีเรื่องไม่เว้นวันเขาไม่ยอมกลับบ้าน ไม่ยอมไปทำแผลที่โรงพยาบาลเพราะกลัวจะถูกส่งกลับบ้าน ทุกเย็นฉันต้องกลับมาเอาของและอาบน้ำที่บ้านต้องเจอเขานั่งพิงประตูสภาพดูไม่จืดแทบจะทุกครั้ง "ทำแผลให้หน่อย วันนี้ซื้อแอลกอฮอล์มาให้ด้วย" เจ้าของร่างสูงสภาพสะบักสะบอมชูถุงสีขาวในมือให้ฉันเห็น ออกปากไล่ก็เท่านั้นเขามันหน้ามึนและหน้าด้านที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ "สำลีก็หมด" "ซื้อมาด้วย วันนี้มีแผลใหญ่ที่แขนด้วย เธอเย็บแผลเป็นมั้ย" ฉันตกใจไม่ทันได้มอง พอบอกมีแผลใหญ่ที่แขนต้องเย็บฉันเลยรีบขยับเข้าไปดู "นี่ฉันเพิ่งเรียนพยาบาล ยังไม่ได้เป็นพยาบาลสักหน่อย ทำไมถึงได้หางานใหญ่แบบนี้มาให้ห๊ะ" ฉันบ่นแล้วรีบประคองเขาเข้าบ้าน เลือดไหลใกล้หมดตัวอยู่แล้ว "จะได้เก่งๆไง" "ทำพูด ต้องไปโรงพยาบาล ฉันจะโทรเรียกรถให้แบบนี้ไม่ไหวหรอก" "ฉันฝืนสังขารมาหาเธอเพราะไม่อยากไปโรงพยาบาล เธอยังจะเรียกรถพยาบาลมารับฉันอีกเหรอ" "ฉันไม่เย็บแผล" สุดท้ายแผลที่แขนของเขาก็เป็นฝีมือฉันเองที่เย็บจนเสร็จ คนเจ็บนอนหลับไปแล้วเพราะเสียเลือดมาก ดีที่ยังไม่ตายเขาบอกว่าขอนอนสักตื่นแล้วจะให้คนที่บ้านมารับ ฉันเองก็ยังไม่กล้าปลีกตัวไปไหนเพราะกลัวเขาช็อกตายคาบ้าน "ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก ทำหน้าเสียไปได้" เขาปรือตาแล้วพึมพำ "จะตายไปตายที่อื่น นี่บ้านฉันมีแค่ผีบ้านผีเรือนก็พอ" "ขอบใจที่เย็บแผลให้ จะไม่ลืมพระคุณเลย" "บวชให้ก็ได้นะ" เขาหัวเราะแต่ลืมไปว่าแผลที่แขนกำลังตึง "ได้อยู่แล้ว" "บ้าบอ บวชให้แม่นายเถอะ" สักพักเราสองคนก็นั่งหัวเราะ มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันฉันไปแล้ว วันไหนที่เขาไม่มานอนอยู่หน้าบ้านก็จะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็แอบโล่งใจที่วันนั้นเขาไม่เจ็บตัว "ขอโทษนะที่ไปแล้วไม่ได้บอก" ฉันสะดุ้งหลังจากที่นั่งคิดถึงเรื่องในอดีตเพลินๆ รถจอดแล้ว ข้าง ๆ ก็คือห้องพักของฉัน "คุณพูดว่าอะไรนะคะ" "ขอโทษที่หายไป" "ขอโทษทำไม ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" ฉันกำลังจะเปิดประตูแต่ก็ถูกมือหนาดึงเข้าไปกอดก่อน เขาเร็วมากจนฉันตั้งตัวไม่ทัน รู้ตัวอีกทีหน้าก็เข้าไปซุกอยู่ที่อกของเขาแล้ว "ฉันคิดถึงเธอนะ โบใหญ่" "เอ่อ" "ฉันแค่อยากพูดสิ่งที่ฉันรู้สึกมาตลอด แล้วก็ขอโทษอีกครั้งกับเรื่องที่ฉันเข้าใจผิด พรุ่งนี้เจอกันนะ" พอพูดจบเขาก็ปล่อยฉันแล้วเดินลงไปเปิดประตูให้ "ขอบคุณค่ะ" "ฉันจะหาห้องพักของบริษัทให้ ย้ายออกจากที่นี่ซะ ดูสิกล้องวงจรปิดก็ไม่มี อันตราย" "ไม่เป็นไรค่ะ" "เธอคือพนักงานบริษัทของฉันแล้ว" "แต่ว่า" "พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดี" -----
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD