Chapter.5 มากจนไม่น่าให้อภัย

1401 Words
ผมทั้งหงุดหงิดแล้วก็โมโห ทำไมยายนั่นต้องทำตัวแบบนี้ด้วย ผมจะทำยังไงดีพี่เขยทำตัวแบบนั้นได้ยังไงถ้าพี่พิมรู้เรื่องจะเกิดอะไรขึ้น ผมสงสารหลานตัวเล็กๆ น้องพายกำลังน่ารักน่าชังทำลงได้ยังไง "ให้ตายสิ กล้าบอกรักกันได้ยังไง" ผมขว้างผ้าขนหนูในมือทิ้งหลังเช็ดผมเสร็จ ผมควรทำยังไงกับเรื่องนี้ดีควรบอกพี่พิมดีมั้ยหรือจะไปปรึกษาแม่ก่อน เรื่องของครอบครัวผมไม่อยากยุ่งสักเท่าไหร่แต่หน้าหลานก็ลอยเข้ามาเรื่อยๆ พี่เขยผมมีชู้จริงๆ เหรอวะ หรือว่าผมกำลังเข้าใจผิด ขอให้เป็นแบบนั้นผมเกลียดการสวมเขา ไม่ซื่อสัตย์และการโกหกมากที่สุด เหตุการณ์ร้ายๆ ที่มันผ่านเข้ามาเป็นบทเรียนในชีวิตผมทำให้ผมไม่ชอบเรื่องแบบนี้ ผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนที่ผมรักแน่นอน "พอร์ชเย็นนี้ต้องไปกินข้าวบ้านพี่พิมนะลูก" "รู้แล้วครับ" "แม่เข้าไปได้มั้ยลูก" "ครับ" ผมกลับมาจากบริษัทก่อนเวลาเพราะสภาพอันน่าเวทนาของตัวเอง "ทำไมกลับเร็ว ไหนว่าจะอยู่ถึงเย็น" "มีเรื่องนิดหน่อยครับ" "ยังไม่ทันไรก็มีเรื่องแล้ว กับใคร เรื่องอะไร พอร์ชโตแล้วนะลูก ถ้ายังทำตัวเหมือนเดิมแม่จะยึดบริษัทคืนแล้วส่งพอร์ชไปอยู่ไกลๆ อีก" ถ้าแม่ทำแบบนั้นอีกผมคงบ้าตาย คิดถึงน้องพายจะแย่ งานแต่งพี่พิมก็ไม่ได้กลับมาผมพลาดเหตุการณ์สำคัญไปตั้งหลายอย่าง กลับมาคราวนี้ผมจะไม่ยอมไปไกลอีกแน่นอน "อย่าใจร้ายสิครับแม่ เรื่องเล็กน้อยเอง" "ไม่เอาแล้วนะเรื่องชกต่อย โตแล้วหัดควบคุมอารมณ์ด้วย" สีหน้าแม่ลำบากใจจนทำให้ผมยิ้ม ผมเดินเข้าไปกอดท่าน กอดเพราะความคิดถึงและรักมากกว่าชีวิตของตัวเอง แม่ทำให้ผมเป็นคนและมีชีวิตใหม่ถ้าไม่ได้แม่ผมคงไม่มีวันนี้ "ไม่มีแล้วครับ" "แล้ววันนี้มีเรื่องอะไร ทำไมตัวเปียกแบบนั้น ใครทำอะไร? หรือว่าไปทำอะไรใครมา" ผมไม่รู้ว่าจะตอบคำถามไหนก่อนดี สายตาแม่คาดคั้นอยากให้ผมพูดความจริง "ผมซุ่มซ่ามเองครับไม่มีอะไรหรอก" "พอร์ชไปทำอะไรที่ห้องน้ำพนักงาน หืม" ถ้าบอกไปก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่ ยายโบใหญ่อาจจะถูกตำหนิหรือไม่ก็อาจจะโดนไล่ออก ผมไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นสักหน่อยเพราะมันง่ายไป "ในห้องน้ำทำอะไรได้บ้างครับ" "เรานี่" "อย่าจับผิดผมนักสิ ผมซุ่มซ่ามเองจริงๆ ครับ" แม่ถอนหายใจพยายามเชื่อที่ผมพูด คาดคั้นหนักกว่านี้ก็คงไม่ได้อะไรมากนักหรอก "เชื่อก็ได้ เย็นนี้อย่าลืมนะลูก" "ไม่ลืมหรอกครับเพราะผมจะไปหาหลาน" พูดถึงหลานก็ทำให้เรื่องของพี่เขยกับยายโบใหญ่แวบเข้ามาในหัว "มีอะไรหรือเปล่า" "เปล่าครับ ผมกลับมาพี่เกื้อคงหายเหนื่อยมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น" ถ้าเรื่องพี่เกื้อกับยายโบใหญ่เป็นเรื่องจริงผมเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้พี่เขยรับภาระหนักอึ้งงานบริษัทคงทำให้พี่เกื้อเครียดมาก เวลาที่มีให้ครอบครัวก็หายไป คงเพราะแบบนี้ยายโบใหญ่เลยเข้ามาแทรกกลาง "ตาเกื้อเสมอต้นเสมอปลายตลอดแม้ว่าพักหลังๆ จะไม่ค่อยมีเวลาเพราะงานที่บริษัทเยอะ พอร์ชกลับมาก็ดีแล้วลูก จะได้ช่วยกันทุกอย่างที่พ่อกับแม่สร้างขึ้นมาก็เพื่อลูกๆ หลานๆทั้งนั้น" ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ทำเพื่อลูกแล้วก็หลานท่านไม่เคยหวงสมบัติมีแต่สนับสนุนให้พวกเรากล้าเรียนรู้และบริหารต่อ พี่พิมไม่ได้มาสายบริหารก็เลยต้องส่งพี่เกื้อมาเป็นตัวแทน พี่เขยผมทั้งเก่งแล้วก็มีความรับผิดชอบสูงมากได้ใจแม่ยายไปเต็ม ๆ ผมเกือบกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้ว "ครับแม่" "ดีเลย วันนี้จะได้รู้จักกับน้องสาวตาเกื้อสักที" ผมขมวดคิ้วสงสัย พี่เกื้อเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ หรือว่า... "น้องคนละแม่น่ะ แม่ได้เจอหลายครั้งแล้วเป็นเด็กน่ารักแล้วก็ขยันมาก" สีหน้าแม่ผมดูภูมิใจเมื่อพูดถึงน้องสาวของพี่เกื้อ ท่านไม่ค่อยชื่นชมใครถ้าไม่เคยได้สัมผัสจริง ๆ เย็นวันนั้นก่อนเข้าบ้านพี่พิมผมแวะซื้อของฝากให้น้องพายหลายอย่างแม้ว่าจะถูกบ่นจากคนในบ้านผมก็ไม่ฟัง ผมมีหลานสาวคนเดียว ผมอยากให้ อยากตามใจเพราะผมรักหลาน บ้านแม่กับบ้านพี่พิมอยู่ห่างกันไม่กี่กิโล ผมว่าจะหาคอนโดสักห้องเอาไว้พักผ่อนหรือไม่ก็อาจจะแยกออกมาอยู่คนเดียวเลย ผมว่ามันสะดวกแล้วก็เป็นส่วนตัวมากกว่าอยู่บ้านที่มีคนใช้วิ่งวุ่น กว่าจะมาถึงบ้านพี่พิมก็ค่ำพอดี ของในมือผมค่อนข้างเยอะถือไปคนเดียวคงไม่หมดแน่ "เธอ นี่ เธอน่ะ คนใช้หรือเปล่า" ผมรู้สึกไม่คุ้นเลยเพราะแสงสว่างไม่เพียงพอ ใช่มดแดงหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจตัวเล็กๆ เหมือนมดแดงคนใช้ที่บ้านพี่พิม น่าจะใช่แหละเธอหยุดเดินแล้วค่อย ๆ หันมามอง "ใช่มดแดงหรือเปล่า มาช่วยขนของหน่อยสิ" เมื่อเช้าผมมารับน้องพายที่นี่ พี่พิมแนะนำมดแดงให้รู้จักแล้ว "ไม่ใช่ค่ะ แต่ก็ช่วยได้" เสียงใสนั่นรับคำร้องขอแล้วเดินตรงมาที่ผม "ขอโทษทีนะ ผมนึกว่ามดแดง" "ไม่เป็นไรค่ะ " เธอเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนผมนึกอะไรบางอย่างออก "เธอ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" "ไหนคะของที่จะให้ช่วยถือ" เธอเลี่ยงไม่ตอบคำถามแล้วยังทำหน้ามึนใส่ เรื่องเมื่อกลางวันยังทำผมเจ็บใจไม่หายอยู่ๆ ก็มาโผล่ที่นี่อีก "ไม่ต้องแล้ว ฉันถือเองได้" "ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้ ตามใจค่ะ" ผมทำตัวเป็นเด็กตรงไหน ผมกำลังปกป้องครอบครัวอยู่ต่างหาก "ออกไปจากบ้านพี่สาวฉันเดี๋ยวนี้" "มีสิทธิ์อะไรมาไล่ เป็นเจ้าของบ้านเหรอ" "ไม่ใช่เจ้าของบ้าน แต่ฉันจำเป็นต้องไล่เธอออกไปเพราะเธอคือตัวอันตราย" เธอถอนหายใจแล้วทำหน้าเซ็งใส่ "ปัญญาอ่อน" เดี๋ยวนะ! ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหมเธอด่าผมว่าปัญญาอ่อน ให้ตายเถอะไม่เคยมีใครด่าผมแบบนี้มาก่อน รู้สึกเจ็บจี๊ดจนอยากตะโกนเสียงดังใส่หน้ายายบ้านี่ตอนนี้เลย "เธอกำลังทำให้ฉันโกรธ" "ไม่ใช่ก็อย่ารับสิ" กวนตีนชะมัด "เธอกำลังทำให้ครอบครัวที่แสนอบอุ่นของพี่สาวฉันแตกแยก" "ยังไง" สีหน้าไม่สะทกสะท้านนั่นยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ "เธอเป็นเมียน้อยพี่เกื้อใช่มั้ย" "พูดแบบนั้นได้ยังไง ใครเป็นเมียน้อยใคร" ผมหันไปตามเสียง แม่มาได้จังหวะพอดี "ก็ยายนี่ไงครับ สาดน้ำใส่ผมยังไม่พอ ยังแอบเป็นชู้กับพี่เกื้ออีก" "ตายแล้ว ไปเอามาจากไหนตาพอร์ช หนูโบเป็นน้องสาวของตาเกื้อที่แม่บอกว่าจะแนะนำให้รู้จักไง รู้จักกันแล้วเหรอ แล้วไปใส่ร้ายน้องแบบนั้นได้ยังไง" น้องสาวพี่เกื้อคือยายโบใหญ่ "ถ้าคุณป้าไม่เข้ามาเขาคงโยนโบออกไปข้างนอกแล้วค่ะ" "มานี่เลย ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง หนูโบเข้าไปข้างในเถอะลูกแม่จัดการตาพอร์ชเอง" "ค่ะคุณป้า" ผมเข้าใจผิด คิดเอง เออเอง คิดว่ายายโบใหญ่คือเมียน้อยของพี่เกื้อ เหตุการณ์หลายๆ อย่างมันทำให้ผมต้องคิดแบบนั้น มันบ้ามาก บ้ามากจริง ๆ "แม่ครับ เรื่องจริงใช่มั้ย" "ก็ใช่น่ะสิ น่าตีให้ตายแล้วนี่ไปปากหมาอะไรใส่เขาบ้าง" "มากจนไม่น่าให้อภัยเลยล่ะครับ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD