ฉันยกกล่องเดินมาทางล็อกสี่ สายตาก็ไล่อ่านป้ายตามชั้นเพื่อหาที่วาง ทว่ากล่องในมือกลับถูกใครอีกคนแย่งไปถือหน้าตาเฉย ฉันมองตามแผ่นหลังกว้าง ๆ ที่เดินผ่านหน้าไปโดยในมือเขาถือกล่องของฉันอยู่ ฉันรีบสาวเท้าตามหลังเขาไปทันที
“เอาคืนมานะคะ นั่นมันหน้าที่ฉัน ฉันทำเองได้”
“มันต้องวางชั้นบน เธอคงไม่อยากตกลงมาอีกรอบหรอกนะ คราวนี้ฉันจะ ‘นอนรอ’ รับเลยล่ะ” คนหน้าหล่อหันมายกยิ้มใส่ แล้วไอ้คำพูดสองแง่สองง่ามนั่นมันอะไร? การที่ฉันตกจากบันไดครั้งก่อนก็เป็นเพราะเขาเดินมาชนบันไดฉันไม่ใช่หรือไง! เขานี่มันกวนโมโหที่สุด!
โลกิดึงบันไดมาพาดชั้นวางของแล้วเหยียบขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว ใช้เพียงมือเดียวยกกล่องสอดเข้าไปในชั้น ขณะมืออีกข้างจับราวบันได พอวางกล่องเสร็จเขาก็ก้าวลงมายืนบนพื้นเช่นเดิมก่อนหันมาเผชิญหน้ากับฉัน
ใบหน้าหล่อ ๆ ประดับรอยยิ้มละมุน หากใครเห็นคงเคลิบเคลิ้มหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มเทพบุตรนั่น แต่ไม่ใช่กับฉัน นั่นมันก็แค่รอยยิ้มจอมปลอมภายใต้หน้ากากเทพบุตรของผู้ชายคนนี้ ซึ่งเขาจะสร้างภาพอะไรยังไงกับใคร ฉันไม่สน แต่ไม่จำเป็นต้องมาสร้างภาพกับฉันหรอก มันเสียเวลา!
“ถึงจะไม่ได้ขอให้ช่วย แต่ก็ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบเสียงนิ่งแล้วหมุนตัวเตรียมจะเดินออกจากล็อกนั้น ทว่ากลับถูกคนด้านหลังคว้าข้อมือเอาไว้ ฉันรีบสะบัดมือออกราวกับมือเขาเป็นของร้อน ซึ่งเขาก็ยอมปล่อยโดยดี “จะทำอะไรคะรุ่นพี่?”
“เธอกลัวฉันเหรอ”
อะไรของเขา? กลัวงั้นเหรอ? ฉันนี่นะกลัวเขา?
“กลัวอะไรคะ? รุ่นพี่ต้องการจะพูดอะไรกันแน่?” ฉันจ้องตาเขาโดยไม่หลบ เพื่อแสดงให้รู้ว่าฉันไม่ได้กลัวเขาเลย ไม่เลยสักนิด
“ถ้าไม่กลัวแล้วทำไมชอบหนี”
“ฉันไม่ได้หนี…”
“ที่ทำอยู่นี่เขาเรียกว่าหนี” ร่างสูงเดินเข้าหาฉัน ขณะที่ฉันถอยหนีเขาทีละก้าว ริมฝีปากหนาขยับยิ้มบาง สายตาบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังสนุกกับการไล่ต้อนฉันจนแผ่นหลังชิดกับชั้นวางของ “เธอหนีฉันอยู่ชัด ๆ หึ… กลัวเหรอครับองค์หญิง?”
“อย่ามาเรียกองค์หญิงนะ” ฉันเค้นเสียงอย่างไม่ชอบใจ ทั้งที่บอกไปแล้วว่าอย่าเรียกฉันแบบนี้อีก นี่เขาคิดจะปั่นประสาทฉันใช่ไหม
"งั้นให้เรียกว่าอะไรดี?” ฉันเกลียดน้ำเสียงยียวนของผู้ชายตรงหน้ามาก นี่ไงล่ะ ธาตุแท้ของผู้ชายคนนี้ เขาก็เป็นได้แค่เทพจอมวายร้ายที่ดีแต่สร้างความวุ่นวายเท่านั้นนั่นแหละ สมกับชื่อเทพโลกิจริง ๆ!
“ถ้าชื่อฉันมันจำยากนักก็ไม่ต้องเรียกกันก็ได้ หรือถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาคุยกันเลยก็จะดีมากค่ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับโลกิอย่างไร้ความหวาดหวั่น แม้ระยะห่างระหว่างใบหน้าเราจะห่างกันเพียงไม่กี่คืบก็เถอะ สัมผัสได้ถึงลมหายใจกลิ่นมิ้นต์อ่อน ๆ จากเขา
“คงจะไม่ได้ เพราะฉันอยากคุยกับเธอม้ากมาก”
“ทำไมคะ รุ่นพี่มีสาว ๆ ให้คุยด้วยเยอะแยะ ปล่อยฉันไปสักคนเถอะค่ะ ฉันไม่ได้อยากจะสนิทกับรุ่นพี่เลยแม้แต่นิดเดียว” ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมายืนคุยเรื่องพวกนี้กันด้วย ต่อล้อต่อเถียงกันเป็นเด็ก ๆ
“พูดถึงคนอื่นทำไม ตอนนี้มีแค่เราสองคน และฉันก็อยากสนิทกับเธอ ‘มากกว่านี้’”
ฉันจ้องรอยยิ้มมุมปากของเขาอย่างไม่ชอบใจ นี่กำลังสนุกอยู่ใช่ไหม? ได้… ถ้าอยากเล่นนัก ฉันก็จะยอมเล่นด้วยสักครั้ง
“อยากสนิทกับฉัน? ทำไมคะ? รุ่นพี่จะจีบฉันเหรอคะ?” ฉันกรีดยิ้มหวานแล้วเชิดหน้าขึ้นส่งสายตาให้เขา สองแขนยกขึ้นกอดอกด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับว่าเรื่องที่เรากำลังคุยกันมันเป็นเรื่องตลก
“ไม่จีบหรอก เสียเวลา”
“…” ฉันชะงักรอยยิ้มแล้วเบี่ยงหน้านิด ๆ เพื่อหลบปลายนิ้วที่กำลังลูบไล้ปลายคางตัวเองเบา ๆ แววตาเจ้าเล่ห์จ้องมา ริมฝีปากหนาเผยรอยยิ้มอย่างเหนือกว่า กับประโยคต่อมาที่ทำฉันลมหายใจสะดุด
“จูบก็จูบกันแล้ว เป็นแฟนกันเลยง่ายกว่าเยอะ”
“พะ พูดอะไรน่ะ ชอบคิดเองเออเองหรือไงคะ แล้วเรื่องจูบนั่นฉันก็ลืมไปหมดแล้ว รุ่นพี่ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับมันมากหรอกค่ะ ถือซะว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่ถือ”
“ลืมหมดแล้วจริงดิ? ว้า… สงสัยต้องทวนความจำสักรอบ” โลกิไม่พูดเปล่าแต่ถือวิสาสะใช้ปลายนิ้วช้อนคางฉันขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ฉันรีบปัดมือเขาออกแล้วถลึงตาใส่ทันที
“จะทำอะไรคะ? ห้ามจูบอีกนะ!” หัวใจฉันกระตุกวาบไปหมดเลยให้ตายสิ! ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไปแล้ว!
“ก็เห็นว่าลืม เลยจะช่วยทวนความจำให้ไง” ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปาก เขานี่มัน… วายร้ายชัด ๆ เลย!
“ไม่ต้องเลยค่ะ ให้ตายสิ… รุ่นพี่เป็นคนแบบนี้เองสินะ ที่ใคร ๆ บอกว่าเป็นเทพบุตรนี่คงจอมปลอมสินะคะ” ฉันจ้องตาเขาอย่างรู้ทัน แต่แทนที่คนตรงหน้าจะสะทกสะท้านที่ถูกฉันจับธาตุแท้ของเขาได้ โลกิกลับก้มหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกเขาเฉียดผิวแก้มฉันเลย แถมยังจงใจเป่าลมร้อน ๆ รดใบหูฉันอย่างคุกคามกันด้วย
“อย่าพูดเหมือนเธอไม่รู้สิ เธอก็เห็นตัวตนของฉันตั้งแต่ตอนที่เราจูบกันแล้วไม่ใช่หรือไง หื้อคุณแฟน?”
โอ๊ยยขนลุกเป็นบ้า… หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาดื้อ ๆ ฉันต้องป่วยแน่ ๆ อาการแบบนี้เหมือนจะเป็นไข้เลยอ่ะ!
“พะ พอเถอะค่ะ เลิกล้อเล่นกับฉันสักที ฉันขอใช้ชีวิตอย่างสงบ ๆ โดยที่เราไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันอีกได้ไหมคะ แค่พี่ฌอนคนเดียวฉันก็จะบ้าตายอยู่แล้ว รุ่นพี่ช่วยอยู่ห่าง ๆ ฉันทีเถอะค่ะ” ฉันปัดมือหนาออกแล้วผลักไหล่โลกิออกห่างจากตัว ปกติฉันเป็นคนพูดตรง ๆ และชอบความชัดเจน อะไรที่จะทำให้ชีวิตฉันวุ่นวาย ฉันพร้อมที่จะตัดมันออกไปแล้วหลบหลีกมันเสมอ แม้กระทั่งพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองก็ตาม
“คำขอของเธอมันยากไป บอกแล้วไงว่าฉันสนใจเธอ คนอย่างฉันถ้าสนใจอะไรแล้ว ฉันรุกไม่เลิกแน่ ยิ่งคิดจะหนีฉันจะยิ่งรุกให้หนัก ยิ่งปฏิเสธฉันจะยิ่งทำให้เธอขาดฉันไม่ได้”
“…”
“จากนี้เธอเตรียมตัวเตรียมใจเป็นผู้หญิงของฉันได้เลย… เฌอแตม”