“ที่จะขับไล่ไสส่งหนูออกจากบ้านเพราะเป็นช่วงนั้นอีกแล้วใช่ไหม? พวกผู้หญิงของพี่ติดสัดอีกแล้วใช่ไหม?” จันทร์เจ้าถามพี่ ๆ ออกไปตามตรงน้ำเสียงเอาเรื่อง
สองหนุ่มหล่อมองหน้ากันแล้วได้แต่ถอนหายใจ ใครจะไปคิดว่ายัยตัวจิ๋วแก้มแดงที่แสนน่ารักของพวกเขาเมื่อสิบปีก่อนบัดนี้จะรู้มากแถมยังแก่นแก้วขนาดที่พูดเรื่องติดสัดออกมาแบบไม่อายปาก
นี่คงเป็นผลมาจากการที่มีแต่ผู้ชายเลี้ยงจันทร์เจ้า
ในคฤหาสน์หลังงามนอกจากสองหนุ่มพี่น้องภูวินท์และภูดิสยังมีมนุษย์หมาป่าที่เป็นพวกเบต้าคอยรับใช้นายอีก 2-3 ตนซึ่งล้วนแต่เป็นตัวผู้ ดังนั้นจันทร์เจ้าอาจดูเหมือนเด็กหญิงอ่อนหวานน่ารักแต่นิสัยของเธอกลับแก่นกล้าพูดจาโผงผางตามแบบหมาป่าที่เลี้ยงเธอมาไม่มีผิด ยิ่งบวกกับนิสัยดื้อรั้นเป็นทุนเดิมของเด็กหญิง จันทร์เจ้าจึงกลายเป็นเด็กน้อยน่ารักที่เอาแต่ใจ โผงผางและดื้อดึงอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เรื่องพวกนี้ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนเขาพูดกันออกมาดัง ๆ บ้าง? เพราะแบบนี้ไงถึงอยากส่งให้ไปเรียนกับพวกมนุษย์” ภูดิสพูดแล้วกอดอกมองน้องที่ตอนนี้งอนหนักจนไม่ยอมมองหน้าเขา
“พวกพี่ยังไม่ได้ตอบหนูเลยว่าพวกตัวเมียของพี่เข้าช่วงติดสัดอีกแล้วใช่ไหม?” เด็กหญิงถามแล้วหันหน้ามามองพี่ทีละคน
“จั่น หนูก็รู้ว่าพวกพี่เป็นมนุษย์หมาป่า ถึงพวกตัวเมียจะติดสัดจริง ๆ ก็ยังยั้งอารมณ์ตัวเองได้เพราะพวกเรายังมีความเป็นมนุษย์ปนอยู่ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นเรื่องที่พวกเราอยากส่งหนูไปเรียนเมืองนอกมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่พวกตัวเมียของพี่จะติดสัดหรือเปล่าเลยแม้แต่นิดเดียวนะคะ หนูพูดเหมือนหนูไม่รู้ว่าพวกพี่รักหนู เป็นห่วงหนู หนูนึกว่าพวกพี่เห็นแก่ความสุขส่วนตัวจนลืมคิดถึงความสุขของหนูหรือยังไง?” ภูวินท์ถามน้องด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วนั่งลงบนโซฟา ประกบอีกฟากฝั่งของน้อง
ที่จันทร์เจ้ามีลักษณะภายนอกดูสวยงามน่ารักก็ล้วนเป็นเพราะภูวินท์ทั้งสิ้น เขาชอบของน่ารัก สวย ๆ งาม ๆ เสื้อผ้าการแต่งกายของจันทร์เจ้าก็ล้วนเป็นเขาสรรหามาให้ โดยเฉพาะนิสัยของน้องที่ออกเอาแต่ใจก็เป็นเพราะภูวินท์ประเคนให้น้องในทุกสิ่งที่เธออยากจะได้
“แต่หนูไม่อยากไปเรียนไกล ๆ นี่คะ... พอหนูไม่ได้อยู่กับพวกพี่หนูกลัว...” จันทร์เจ้าพูดขึ้นมา น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
สองหนุ่มสงสารน้องจับใจ รู้ดีว่าเด็กหญิงกลัวอะไร
“พวกพี่ถึงตัดสินใจส่งหนูไปอเมริกาไงคะ ไอ้พวกหมาในคงตามกลิ่นหนูไปถึงที่นั่นไม่ได้ ถึงไม่มีพวกพี่อยู่หนูก็คงปลอดภัย” ภูวินท์บอกน้องแล้วลูบแก้มใสของจันทร์เจ้าอย่างเบามือ
เด็กหญิงล้มตัวลงนอนบนโซฟา เธอนอนตะแคงเอาหัวหนุนตักพี่วินแล้วเอาเรียวขาน้อย ๆ พาดตักพี่ดิน
“พี่ ๆ เบื่อที่จะต้องคอยปกป้องหนูแล้วใช่ไหม?” เธอถามเสียงค่อย
“ยัยเด็กโง่ แค่เธอคนเดียวพวกฉันดูแลได้ แต่เธอจะมัวแต่กลัวแล้วใช้ชีวิตอยู่แค่ในอาณาเขตหมาป่าของพวกฉันไม่ได้ พวกฉันอยากให้เธอเห็นโลก อยากให้เธอมีเพื่อน อยากให้เธอพบปะและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับมนุษย์คนอื่น ๆ” พี่ดินบอกเธอแล้วโน้มตัวลงไปจูบแก้มใสของน้องอย่างรักใคร่เอ็นดู
“แต่หนูไม่อยากอยู่กับมนุษย์คนอื่น หนูอยากอยู่กับพวกพี่...” เด็กหญิงพูดเสียงเบาหวิว เธอทำปากคว่ำแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“งั้น... จั่นไปเรียนที่อเมริกาจนจบปริญญาตรี หลังจากนั้นถ้ายังอยากกลับมาอยู่กับพวกพี่ก็มาได้ ดีไหมคะ? หรือถ้าตอนนั้นหนูพบเจอคู่ของหนูแล้วแยกตัวออกไปพวกพี่ก็จะยินดีกับหนูมาก หรือหนูเห็นว่ายังไงคะ?” พี่วินเสนอทางออกที่เห็นว่าจันทร์เจ้าน่าจะเห็นด้วยมากที่สุดให้เธอ
เด็กหญิงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ รับข้อเสนอ สองพี่น้องรูปหล่อลอบสบตากันอย่างโล่งใจ
“ถ้าหนูเรียนจบปริญญาพวกพี่ต้องอนุญาตให้หนูกลับมาอยู่ที่นี่ได้นะคะ สัญญากับหนูก่อน” เด็กหญิงขอคำมั่นจากหนุ่มหล่อสองคนที่เป็นเสมือนพ่อและแม่ของเธอมาถึงสิบปี
แม้กระทั่งตอนที่เธอมีประจำเดือนครั้งแรกก็เป็นพวกเขาที่ช่วยกันหาข้อมูลมาสอนเธอถึงวิธีการใช้ผ้าอนามัย ตอนนมตั้งเต้าก็เป็นพวกเขาที่หาซื้อชุดชั้นในมาให้เธอ ผมเผ้าของเธอก็เป็นพวกเขาที่ศึกษาและหัดตัดให้ แล้วจะไม่ให้เธอผูกพันกับพวกเขาได้อย่างไร?
“ได้สิคะ พวกพี่แค่ต้องการให้หนูออกไปดูโลกภายนอก เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่อยากกักขังหนูไว้ให้เป็นนกน้อยในกรงทองแบบนี้” ภูวินท์บอกน้องด้วยความดีใจที่เด็กหญิงยอมรับข้อเสนอของเขา
“และระหว่างที่หนูไม่อยู่ห้ามเอาหมาป่าตัวอื่นหรือมนุษย์คนอื่นมาเป็นคู่ด้วย ถ้าหนูรู้ว่าแอบมีเมียกันตอนหนูไม่อยู่หนูจะบินกลับมาจากอเมริกาแล้วมาอาละวาดให้บ้านเละเลยคอยดู” เด็กหญิงตัวน้อยผู้เอาแต่ใจบอกต่อ
“แน่นอน พวกฉันไม่มีทางมีเมียโดยที่ไม่บอกเธออยู่แล้ว” ภูดิสรีบรับคำน้อง
แต่เรื่องเอาหมาป่าตัวอื่นหรือมนุษย์คนอื่นมาเย่อไม่นับนะ...
ภูดิสคิดในใจแล้วลอบยิ้ม
“อย่าให้หนูรู้นะว่ารวมหัวกันยุให้หนูไปเรียนต่อที่เมืองนอกเพราะจะเอาตัวเมียหรือผู้หญิงอื่นเข้ามาเป็นนายหญิงของบ้าน” จันทร์เจ้าย้ำกับพี่ ๆ ของเธออีกรอบ
“สรุปจั่นยอมไปเรียนต่อแล้วใช่ไหมคะตัวกลม?” พี่วินถามเธอแล้วก้มหน้าลงจูบหน้าผากน้องอย่างแผ่วเบา
“ไปก็ได้... แต่หนูต้องได้กลับไทยทุกปี และที่สำคัญพอหนูเรียนจบปริญญาตรีปุ๊บพวกพี่ต้องรับหนูกลับมาทันทีเลยนะ” เด็กหญิงพูดย้ำข้อตกลงให้ชัดเจน เกรงพี่ ๆ จะบิดพลิ้วภายหลัง
“แน่นอน พวกฉันรักเธอจะตาย เห็นแก่อนาคตของเธอหรอกถึงอยากส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนา ถ้าเธอเรียนจบจนฉลาดรู้ทันคนอื่นบ้างพวกฉันก็รับกลับมาเองแหละ” พี่ดินพูดรับรองกับเธอ
ถึงจันทร์เจ้าจะคลางแคลงใจอยู่บ้างแต่ด้วยความไว้ใจในตัวพี่ ๆ เธอจึงพยักหน้ารับอย่างจำยอม เพราะเอาเข้าจริง ๆ หากพวกเขาจะขับไล่ไสส่งเธอออกไปจากบ้านหลังนี้จริง ๆ เธอก็ไม่มีสิทธิ์จะต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น
เธอมันแค่คนอาศัย เธอมันแค่กาฝากของพวกเขา ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าพวกเขารักและเลี้ยงดูเธอเหมือนหมาเหมือนแมวตัวหนึ่งแค่นั้น
แต่ก็นั่นแหละนะ... หมาแมวก็มีหัวใจนะคะ และหนูรู้ว่าทั้งพี่ดินและพี่วินต้องรักหมาแมวอย่างหนูมาก ๆ จะมีมนุษย์หมาป่าที่ไหนยอมลงทุนส่งหมาส่งแมวของตัวเองไปร่ำเรียนถึงเมืองนอกเมืองนากันเล่า?
*******************
อีกไม่กี่วันก็ถึงกำหนดที่จันทร์เจ้าจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ภูวินท์ทำการติดต่อกับเพื่อนของเขาที่อยู่อเมริกาไว้เรียบร้อย
ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อว่ามนุษย์หมาป่าก็มีเพื่อนทั้งที่เป็นมนุษย์และที่เป็นมนุษย์หมาป่าด้วยกัน
มนุษย์หมาป่ามีหลายฝูงและหลายตระกูล ส่วนใหญ่จะจับตัวกันอยู่เป็นฝูงใหญ่แล้วยึดอาณาเขตที่พวกเขาหวงแหนเอาไว้เป็นที่อยู่ แต่เมื่อลูก ๆ หมาป่าเริ่มเติบโต ทั้งพ่อและแม่ก็จะปล่อยให้ลูก ๆ แยกไปตั้งฝูงของตัวเอง
ภูวินท์และภูดิสเป็นลูก ๆ ของจ่าฝูงสายเลือดหลัก พ่อแม่ยอมให้พวกเขาแยกออกไปตั้งฝูงย่อยของตัวเองโดยพาพวกเบต้ามาอยู่ด้วย 2-3 ตัว แน่นอนว่ายังมีมนุษย์หมาป่าบางตัวในฝูงที่แยกฝูงย่อยออกไปอีกและจันทร์เจ้าก็ได้ยินมาว่าเพื่อนของพี่ ๆ ที่อยู่อเมริกาเป็นฝูงย่อยที่แยกออกมาจากฝูงใหญ่ฝูงเดียวกับพี่ ๆ
“ได้ข่าวว่าวินและดินจะส่งสัตว์เลี้ยงไปให้คริสเลี้ยงต่อเหรอคะ?” เสียงหวานปนเซ็กซี่ของยัยมนุษย์หมาป่าสาวสวยริสาที่จันทร์เจ้าไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่ดังขึ้น
จันทร์เจ้าแนบหูเข้าไปกับประตูแอบฟังผู้ใหญ่เขาคุยกัน
“จั่นไม่ใช่สัตว์เลี้ยง และพวกพี่ก็ไม่ได้ส่งจั่นให้คริสเลี้ยงต่อ แค่ฝากคริสดูแลเพราะจั่นจะไปเรียนต่อที่โน่น พอเรียนจบก็กลับมาเหมือนเดิม” เสียงพี่วินพูดขึ้นมาก่อน
“ไปอยู่ที่โน่นก็ดีแล้วค่ะ อยู่ในบ้านนี้หวงเจ้านายน่าดู ทำท่าจะกัดริสาหลายทีแล้ว เหอะ! ไม่สำเหนียกตัวเองเลยว่าเป็นลูกมนุษย์ ริทำท่าจะกัดหมาป่า” ริสาพูด
แค่ได้ยินน้ำเสียงไม่เห็นสีหน้าจันทร์เจ้าก็อยากจะเข้าไปตะกุยหน้ายัยริสาคนสวยแล้ว
ริสาเป็นมนุษย์หมาป่าสาวคนสวยที่มีสิทธิ์เข้านอกออกในคฤหาสน์ของสองหนุ่มรูปหล่อได้เพราะมาจากฝูงเดียวกันกับพวกเขา ถือว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเด็ก สองหนุ่มเลยไว้ใจ
แต่หนูไม่ไว้ใจ!
จันทร์เจ้าคิดแล้วนิ่วหน้า เพราะเธอรู้ดีว่ายัยหมาป่าผมยาวสุดเปรี้ยวคนนั้นจ้องจะงาบพี่ ๆ ของเธออยู่ โชคยังดีที่คู่ขาทั้งหลายของพี่ ๆ มีมากพอที่จะทำให้พวกเขาไม่คิดยุ่งกับเพื่อนวัยเด็กอย่างยัยริสา
“ที่สำคัญ... ไปอยู่เมืองนอก ดีไม่ดีอาจเจอคู่มนุษย์ด้วยกันแล้วไม่กลับมาอยู่กับเจ้านายก็ได้ พวกพี่ก็รู้นี่คะ พวกหมาแมวส่วนใหญ่ที่พวกพี่เคยเก็บมาเลี้ยง เวลาติดสัดก็ไม่สนใจเจ้าของ มันคอยแต่จะมองหาคู่ของมัน ตอนนี้ยัยจั่นยังเด็ก แต่อีกไม่เกินสามปีก็คงเป็นสาวเต็มตัว ถึงเวลานั้นก็คงติดสัดไม่ต่างจากพวกเราที่เป็นมนุษย์หมาป่า” ริสาพูดแล้วหัวเราะร่วน แต่พี่ ๆ ของจันทร์เจ้าไม่หัวเราะด้วย
“หยุดเลยนะริสา จั่นเป็นคน ไม่ได้เป็นสัตว์ ถ้าเขาจะเจอคนที่เขารักและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันพวกฉันก็ดีใจด้วยและต้องการให้น้องมีความสุข แต่พวกฉันจะไม่ยอมให้ใครมาเปรียบเทียบจั่นกับสัตว์เดรัจฉานเป็นอันขาด พวกเราเป็นครึ่งเดรัจฉานแต่อย่าเอาจั่นไปเหมารวมว่าต่ำกว่าพวกเรา ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก” เสียงเด็ดขาดของภูดิสดังขึ้น
จันทร์เจ้าที่แอบฟังจากอีกฝั่งของประตูอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้
อย่างน้อยเธอก็คงจากไปด้วยความสบายใจเมื่อรู้ว่าพี่ ๆ ของเธอยังรักและเอ็นดูเธอ พวกเขาไม่ได้ขับไล่ไสส่งเธอไปเพราะเบื่อเธอหรืออยากพาผู้หญิงคนไหนเข้ามาเป็นนายหญิงของบ้านนี้