“บ่าวสารเลว..หากเจ้าไม่ได้เอาไปจะเป็นผู้ใดได้!!!”
เสียงแหลมของสตรีตะคอกขึ้น นางผู้นั้นกล้าส่งเสียงดังโวยวายในจวนตระกูลเฝิงกั๋วกงจะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกเสียจาก เจียงซื่อ ฮูหยินใหญ่ของจวน ท่ามกลางเสียงเอ็ดตะโรวุ่นวาย สตรีนางหนึ่ง นั่งมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาเลื่อนลอยราวกับว่าเหตุการณ์ ในเช้านี้หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางแม้แต่น้อย
รูปโฉมของสตรีผู้นี้นับว่างดงามพริ้มเพรา ไม่ว่าผู้ใดพบเห็นล้วนต้องรู้สึกเอ็นดู เมื่อได้มองคราหนึ่งยังต้องลอบมองนางซ้ำ ๆ พวงแก้มชมพูเรื่อ ดวงตากลมโต ริมฝีปากจิ้มลิ้มแดงก่ำ จมูกโด่งเรียวรับเข้ากับรูปหน้า สวรรค์ประทานรูปโฉมงามล้ำเหนือใครอื่นให้นาง แต่กลับนำบางอย่างกลับคืนไปด้วย
เป็นที่รู้กันทั่วจวนตระกูลเฝิงว่า คุณหนูใหญ่ เฝิงหน่วน ไม่ใคร่จะปกติเฉกเช่นสตรีทั่วไปตั้งแต่เกิด หากพูดให้น่าฟังคือหัวช้าไปบ้าง หากกล่าวกันตามจริงคือโง่งม ปัญญาอ่อนไร้ทางเยียวยา ซ้ำร้ายมารดาผู้เป็นอนุยังจากไปตั้งแต่นางอายุเจ็ดปี หากแต่..จะมีสตรีโง่งมที่ใดกันจะมีแววตาเลื่อนลอย แต่มุมปากกระตุกเป็นระยะกับเหตุการณ์เบื้องหน้า ราวกับนางกำลังรู้สึกอภิรมย์กับการทะเลาะเบาะแว้งของผู้อื่น
ก่อนวิญญาณของเซียวหน่วน จะมาติดแหง็กอาศัยอยู่ร่างนี้ นางเคยเป็นหญิงสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นางกับสตรีเจ้าของร่างมีชื่อ หน่วนจากอักษรเดียวกัน แต่หน้าตากลับต่างกันโดยสิ้นเชิง ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่นางและเฝิงหน่วนผู้นี้เหมือนกัน คือพวกนางทั้งคู่ล้วน เป็นสตรีที่ถูกตราหน้าว่ามีความด่างพร้อย เฝิงหน่วนในโลกนี้ สมองบกพร่องด้านการรับรู้ตั้งแต่กำเนิด คนที่นี่ล้วนหาว่านางเป็นสตรีโง่งมปัญญาอ่อน ส่วนตัวเซียวหน่วนในโลกปัจจุบันมีขาพิการเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่ยังเด็ก
ยามที่นางโผล่มาอยู่ในร่างของเฝิงหน่วนในวัยสิบสอง นางได้ฝันถึงเทพผู้คุมชะตา เขากล่าวเพียงว่านางยังไม่สิ้นอายุขัยจำต้องสานต่อชีวิตสตรีผู้หนึ่งในโลกคู่ขนานที่มีชะตาชีวิตใกล้เคียงกัน
ทั้งยังส่งนางมาอยู่โลกเสมือนยุคสังคมจีนโบราณราวกับ ถอดแบบออกมาหนังสือและละครพีเรียด
ด้วยสติปัญญาที่บกพร่องของเจ้าของร่าง ทำให้นางไม่มี ความทรงจำจากร่างเดิมแม้แต่น้อย เซียวหน่วนคิดว่าหากตน อยากอยู่รอดจำต้องปรับตัวและรู้ทิศทางลม นางเลียบเคียงถามถึงพฤติกรรมและอุปนิสัยของคุณหนูผู้นี้ในอดีตจากสาวใช้ข้างกายจนเข้าใจถ่องแท้ และยังมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ตนฟังแล้วต้อง หูตาลุกวาว
หลายปีก่อนจวนตระกูลเฝิงเคยเปิดรับทาสเข้าจวนเพิ่ม ยามนั้นสาวใช้รุ่นเล็กที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่เห็นว่าคุณหนูใหญ่ถูก คนในตระกูลเมินเฉย เมื่อต้องเป็นสาวใช้ในเรือนที่มีเจ้านาย ปัญญาอ่อนเช่นนี้ย่อมหนีไม่พ้นต้องถูกสาวใช้จากเรือนอื่นดูแคลน พวกนางได้แต่นำความโกรธมาลงกับเฝิงหน่วนที่ไม่รู้เรื่องราว โดยเริ่มกลั่นแกล้งทางร่างกายเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขนาดยักยอกเบี้ยหวัด หรือกระทั่งอาหารของเจ้านายยังกล้าขโมย
สุดท้ายเฝิงหน่วนคนเดิมทนไม่ได้ แต่ไรมานางหาใช่สตรีที่มีสติปัญญาและสภาวะควบคุมอารมณ์เฉกเช่นสตรีในแคว้นทั่วไป เฝิงหน่วนตอนอายุแปดปีจัดการทุบตีสาวใช้วัยสิบสี่สิบห้าปีทีละคนจนกระดูกแตกสร้างความเข็ดขยาดให้คนในจวน
เกิดเป็นเสียงเลื่องลือในจวนเฝิงกั๋วกงว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้ ไม่เพียงบ้า หนำซ้ำยังป่าเถื่อนถึงกับลงไม้ลงมือกับผู้อื่นตั้งแต่ยังเด็กด้วยตนเองอีก! จากนั้นมานายท่านและฮูหยินใหญ่ที่ไม่เคยใส่ใจก็เริ่มให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของนางขึ้นมาบ้าง
ครั้นได้ฟังแล้ว นางจำต้องอ้าปากค้าง เดิมทีนางเคยคิดว่าสตรียุคโบราณต้องอ่อนแอปวกเปียก ไม่ต่างจากตนที่เคยเหี่ยวแห้ง เป็นผักบนรถเข็นวีลแชร์ แต่ยามนี้นางกลับค้นพบว่าเฝิงหน่วนผู้นี้นอกจากจะงามล้ำล่มเมือง ยังมีพละกำลังมากกว่าสตรีทั่วไป อีกด้วย!
หวนนึกถึงชีวิตตนในชาติก่อน คุณหนูบ้านรวยที่เคยมีชีวิตเพียบพร้อมกลับโชคร้ายต้องประสบอุบัติเหตุทำให้ขาพิการ พ่อและแม่ที่แต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ย่อมรู้สึกผิดใน คราแรก แต่นานวันเข้าก็เปลี่ยนเป็นอับอายที่มีลูกสาวพิการเช่นตนแทน จากนั้นเซียวหน่วนได้ถูกทิ้งไว้ให้พี่เลี้ยงดูแลหลายปี
หากเปรียบเทียบกันเฝิงหน่วนยังดีที่มีร่างกายแข็งแรงจนสามารถลุกมาจัดการเหล่าสาวใช้ที่เหิมเกริมเหล่านั้นด้วยตนเอง ต่างจากหญิงขาพิการเช่นนางยังต้องพึ่งพาพี่เลี้ยง บ่อยครั้งที่นาง ได้ยินถ้อยคำเหยียดหยาม และการกระทำดูหมิ่นแต่ทำได้เพียงทน
ทว่ายามใดที่สบโอกาสย่อมต้องหาหนทางเอาคืนพี่เลี้ยงเหล่านั้นบ้าง
แรกเริ่มเซียวหน่วนปรับตัวลำบากอยู่บ้าง แต่หลังจากอยู่ที่นี่ จนย่างเข้าปีที่ห้า มีชีวิตใหม่ในร่างของเฝิงหน่วนถึงอายุสิบเจ็ดปี ทำให้นางยอมรับได้แล้วว่าตนไม่ใช่หญิงขาพิการ ผู้ถูกทอดทิ้งไร้ ผู้เหลียวแลจนถูกกองเพลิงคร่าชีวิตอีกต่อไป ยามนี้นางกลายมาเป็นเฝิงหน่วน หญิงบ้าโง่งมผู้มีใบหน้างามล้ำล่มเมืองแห่งจวนเฝิงกั๋วกงเต็มตัวแล้ว
นางเคยมีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ในชาติก่อนแล้ว ย่อมรู้ซึ้งถึง ทุกข์เข็ญทั้งทางกายและจิตใจ หากในภพนี้นางยังจะต้องถูก ตราหน้าว่าเป็นสตรีปัญญาอ่อนไปทั้งชีวิต เกรงว่าตนคงเกิดใหม่โดยเปล่าประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นการอยู่ในยุคชายเป็นใหญ่เช่นนี้ ชีวิตของสตรีแคว้นเซิ่งแห่งนี้ล้วนถูกผูกอยู่กับชื่อเสียง ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีบ้าใบ้ไม่เพียงไม่อาจหาบ้านสามีที่ดีได้ เกรงว่าทั้งชีวิตเช่นปุถุชนทั่วไปสตรีปัญญาอ่อนเช่นนางคงไม่อาจเอื้อมได้
คนแซ่เฝิง นับว่าเป็นตระกูลสูงศักดิ์ย่อมมิอาจเลี่ยงงาน เชื่อมสัมพันธ์ เคราะห์ดีที่จวนเฝิงกั๋วกงปิดบังเรื่องสติปัญญาอ่อน เฝิงหน่วนเอาไว้
อาจเป็นเพราะที่พวกเขายังรู้สึกเสียดายที่มีบุตรสาวงามพิลาสล่มเมือง เฝิงกั๋วกงจึงไม่อาจประกาศโต้ง ๆ ว่าบ้านข้ามีบุตรี ปัญญาอ่อน แต่ละคราที่คนถามถึงคุณหนูใหญ่เพียงบอกว่านาง ‘ป่วยจับไข้กระเสาะกระแสะ’ จึงไม่อาจเข้าร่วมงานได้ระยะเวลาห้าปีมานี้ นอกจากนางต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่นี่ ยังต้องเปลี่ยนความเข้าใจของคนในจวนว่าเฝิงหน่วนผู้นี้หายดีแล้ว จากอาการ บ้าใบ้ปัญญาอ่อนทุเลาลงมาเหลือโง่งมหัวอ่อนไร้เดียงสาเท่านั้น