ชีวิตของนางในจวนเฝิงกั๋วกงล้วนมีสีสันราวกับได้มีคณะงิ้ว มาแสดงให้ชมแทบทุกวัน ครั้นได้มองสถานการณ์เบื้องหน้าตนแล้วนางก็นึกเสียดายที่ไม่ได้นำเมล็ดแตงมาแทะระหว่างชมไปด้วย
ในขณะนี้เองเจียงซื่อ[1]ผู้มีชื่อเสียงอ่อนโยนในวันวาน ยามนี้กลับใช้ปากตะคอก ส่วนมือนั้นจิกหัวบ่าวรับใช้ของตนลงกับพื้น สาวใช้ ผู้นี้นามว่าชิงหรวน นับได้ว่าเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงลอบปืนเตียง เฝิงกั๋วกง[2]หรือ เฝิงสือ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนายท่านของจวน เจียงซื่อมีหรือจะทนได้
แม้ฉากหน้ายามอยู่กับสามี ตนต้องแสร้งว่าเป็นฮูหยินเอกผู้ ใจกว้างไม่ถือสากับเรื่องพรรค์นี้ หนำซ้ำยังต้องเอ่ยปากถามสามีว่าต้องยกชิงหรวนเป็นอนุอีกคนหรือไม่
นับว่ายังดีที่กั๋วกงผู้นี้เพิ่งมีหัวคิดได้ว่าอนุของตนแทบจะล้นเรือนเสียแล้ว แม้สาวใช้ชิงหรวนจะปรนนิบัติตนเรื่องในม่านมุ้งได้ ถึงอกถึงใจเพียงใดก็ไม่ได้ตกปากรับไว้ กระนั้นความวุ่นวายใน เรือนหลังยังคงเกิดเช่นเดิม ต้นเรื่องเกิดจากเจียงซื่อนึกครึ้มอก ครึ้มใจอยากจะตรวจสอบทรัพย์สินในคลังตน ซึ่งได้มาจากการรีดไถเครื่องประดับจากสินเดิมของอนุห้า ผู้เป็นมารดาของเฝิงหน่วนที่ ยามนี้อยู่ดินแดนปรโลกแล้ว
พื้นเพครอบครัวฝั่งมารดานางเป็นคหบดีค้าหยก แต่ไรมาพ่อค้าจำเป็นต้องผูกสัมพันธ์กับขุนนาง เพื่อหาลู่ทางให้กิจการของตน อนุห้า เฟิงซื่อจึงได้ตบแต่งเข้าจวนเฝิงกั๋วกง ครั้นอนุห้าถูกรับเข้ามาในจวนด้วยรู้ว่าตนเป็นเพียงลูกคหบดีมีหรือจะกล้ามีปากมีเสียงกับคุณหนูสูงศักดิ์จากจวนขุนนางใหญ่ อนุห้าผู้ขี้ขลาดและหัวอ่อนผู้นั้นกลัวเจียงซื่อจนหัวหด ก่อนตายแม้กระทั่งสินเดิมที่นำมาด้วยก็ยัง ยกให้นายหญิงของจวนไปเสียหมด
“ฮูหยิน บ่าวไม่ได้เอาไปนะเจ้าคะ!”
ยามนี้ชิงหลวนกอดความหวังครั้งสุดท้ายดึงดันว่าต่อ “จริงนะเจ้าคะฮูหยิน ระยะนี้สิ่งของท่านหายหลายครั้ง อีกทั้งท่านตรวจค้นพวกบ่าวทุกคนแล้วแต่ยังไม่พบ หรือไม่คุณหนูใหญ่อาจรู้ถึงเรื่องที่ฮูหยินและกั๋วกงจะให้แต่งงานกับคหบดีเฒ่าจึงไหวตัวทัน รีบกอบโกยแล้วหนีไปก็ได้เจ้าคะ!”
ทันทีที่ชิงหลวนพูดจบ แทนที่ฮูหยินใหญ่จะเห็นดีงามไปกับนางด้วย ทว่าสาวใช้เน่งน้อยกลับถูกนายของตนถีบเข้าที่หน้าอกอีก หนึ่งฉาดจนหน้าคว่ำคะมำ สาวใช้โง่เง่าสมควรตายนางนี้เปิดโปงเรื่องที่นางจะทำออกมาจนหมด! เจียงซื่อตวาด
“หุบปาก! เป็นบ่าวใส่ความนายได้หรือ ตีนางแล้วขายออกไปให้พ้นหูพ้นตาข้า!”
แต่เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้เมื่อเสียงหวานของเฝิงหน่วนเอ่ยขึ้นถามเจียงซื่อพร้อมกับทำท่าทีสงสัยแคลงใจ “ชิงหลวนพูดหมายถึงอะไรหรือท่านแม่”
เจียงซื่อยังปั้นหน้ายิ้มแย้มเอ่ย “เพียงบ่าวปากพล่อยพูดจาสมควรตายผู้หนึ่ง อาหน่วนเจ้ามีเรื่องอันใดจะทำก็ไปเถิด..”
แต่เฝิงหน่วนส่ายหน้าราวกลองป๋องแป๋ง รีบลุกขึ้นกุมมือ เจียงซื่อไว้ "ท่านแม่ ข้าไม่ได้ขโมยนะเจ้าคะ เช่นนั้นท่านแม่ให้คนไปค้นเรือนข้าดีหรือไม่ แต่ยามนี้ต้องให้พวกพี่สาวเหล่านั้นสวมอาภรณ์ให้หนาหน่อย หนึ่งเดือนมานี้เรือนของข้าหนาวเย็นกว่าปกติมากนัก "
เจียงซื่อฟังแล้วหน้าแห้งผาก ฝืนฉีกยิ้มฝืดเคืองลูบหัวเฝิงหน่วนเบา ๆ คิดว่ายังดีที่วันนี้มีเพียงแค่พวกนาง หากเฝิงหน่วนทะเล่อทะล่าพูดเช่นนี้ต่อหน้าเฝิงกั๋วกง เขาจะไม่หาว่านางละเลยเฝิงหน่วนหรือ
เหตุผลที่นางต้องรีบทำให้ชิงหลวนสงบปากสงบคำ นางถูกสามีกำชับเรื่องสำคัญมาว่าระยะนี้ต้องประคับประคองความสัมพันธ์ที่ดีเฉกเช่นมารดาและบุตรสาวที่รักใคร่กันไว้ให้ดี เพื่อการใหญ่ที่ถูกตระเตรียมเอาไว้ให้เป็นไปอย่างราบรื่น
และยามนี้เฝิงหน่วนรู้ความขึ้นมากแล้ว หากว่านางได้รู้ว่า สินเดิมมากมายที่อนุห้าได้ทิ้งไว้ ได้ถูกย้ายมาอยู่ในคลังสมบัติของนางเสียทั้งหมด เฝิงหน่วนจะไม่มาแตกคอกับนางในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้หรือ
“อาหน่วน ยามนี้เจ้าโตพอจะดูแลเรือนได้แล้ว ไม่สู้เรียนรู้การดูแลบัญชี ดูแลเรื่องเบี้ยหวัดเรือนของตน หากไม่เข้าใจจุดใดค่อยมาที่เรือนให้ข้าชี้แนะก็แล้วกัน”
เจียงซื่อคิดโทษสาวใช้งูพิษอย่างชิงหลวน นางมอบหมายเรื่องการกำกับดูแลเรือนเฝิงหน่วนเมื่อมีสิ่งใดขาดเหลือให้ชิงหลวนเขียนรายการมาให้นาง คาดไม่ถึงว่าสาวใช้บัดซบของตนจะกล้ากระทั่งยักยอกค่าถ่านกระถางไฟ!
คิดแล้วเจียงซื่อจึงตัดสินใจผลักภาระดูแลเรือนไปให้ เฝิงหน่วนเองเสียเลย หากในเรือนของอีกฝ่ายมีเรื่องผิดพลาดอันใด นางก็ยังคงปัดการเกี่ยวข้องออกไปได้หลายส่วน!
ชิงหลวนฝืนพูดตะเกียกตะกายขณะที่โดนกดศีรษะไว้
“ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ออกปากหมายมั่นให้บ่าวติดตามฮูหยินมาจากบ้านเดิม หนำซ้ำฮูหยินยังดีกับบ่าวมาตลอด บ่าวจะกล้าขโมยของ ฮูหยินไปได้อย่างไรกัน”
ชิงหลวนพยายามพูดเพื่อแก้ต่างให้กับตน แต่นั่นกลับเป็นการสุมไฟในอกของเจียงซื่อให้ปะทุขึ้นกว่าเดิม มีหรือที่นางบ่าวชั้นต่ำ จะไม่กล้าขโมยกำไลหยก กระทั่งสามีตัวเป็น ๆ สาวใช้สมควรตายผู้นี้ก็ได้ขโมยไปจากนางแล้ว
ถึงแม้จะเป็นความหวังดีของคนจากบ้านเดิมนางที่ส่งสาวใช้อรชรร่างน้อยมาเพื่อช่วยดูแลสามี แต่เมื่อยิ่งคิดเจียงซื่อก็ยิ่งแค้นใจ ปีนี้อายุของนางก็ย่างเข้าสู่วัยสามสิบปลาย ๆ แล้ว แต่ยังคงไร้บุตร แม้จะมีอำนาจเด็ดขาดในการดูแลจวนกั๋วกง ทว่ายังไม่วายถูกคนมองว่าเป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้อยู่วันยังค่ำ อีกทั้งวัยแรกแย้มของเจียงซื่อโรยราไปนานแล้ว มีหรือจะมัดใจสามีที่มีอนุและสาวใช้อยู่เป็นโขยง หนำซ้ำพวกนางยังคลอดบุตรเก่งราวแม่หมู ส่วนฮูหยินเอกเช่นนางกลับทำได้แค่เลี้ยงดูบุตรผู้อื่น
ตั้งแต่เฝิงหน่วนอายุได้เจ็ดปีอนุห้าผู้เป็นมารดาก็จากไป นับตั้งแต่นั้นนางจึงถูกรับเลี้ยงโดยเจียงซื่อ ทำให้ลูกอนุปัญญาอ่อน ผู้นี้มีวาสนาได้เป็นคุณหนูสายตรงไปโดยปริยาย หากกล่าวว่า เจียงซื่อเลี้ยงดูเฝิงหน่วนก็พูดไม่ได้เต็มปากนัก เฝิงหน่วนไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนแถมยังโง่เง่าเช่นนี้มีหรือที่เจียงซื่อจะทำใจรักได้ลง เพียงให้ข้าวให้น้ำและที่ซุกหัวนอน นานทีปีหนจึงเรียกมา พบหน้า
สำหรับเจียงซื่อแล้วนับว่ายังดีที่เฝิงหน่วนมีรูปโฉมงดงามที่พอให้ตนได้สามารถข่มบุตรีของฉินซื่อ อนุหกผู้ที่เฝิงกั๋วกงรักและ ให้ความโปรดปรานมากกว่าใครอื่น บุตรชายฉินซื่อโง่งมไม่ได้ความ แต่คุณหนูรอง เฝิงเหลียน บุตรสาวผู้มากด้วยความสามารถและหน้าตาหมดจดเรียบร้อยเฝิงกั๋วกงจึงรักใคร่บุตรีผู้นี้นัก
“คุณหนูใหญ่ บ่าวว่าต้องเป็นคุณหนูใหญ่แน่นอนเจ้าค่ะ ไม่แน่ว่าคุณหนูใหญ่ต้องการสินเดิมมากขึ้นเพื่อแต่งออกไป นางจึงเริ่ม ลักขโมยของท่านไป ไม่แน่นางกำลังทวงสินเดิมของอนุห้าคืนมาก็ได้นะเจ้าคะ!”
ทั้งเสียงตบและตะคอกด่าของเจียงซื่อนั้นดังไม่น้อยจน เฝิงหน่วนต้องสะดุ้งตาม ถุย นางเป็นเพียงผู้ชมที่ดีไม่สอดปากสักนิด ยังหนีไม่พ้นถูกลากพ่วงให้เข้าร่วมร้องงิ้วอีกหรือ!
[1] ซื่อ แปลว่า นามสกุล การใช้คำวา ซื่อ นำหลังแซ่, นามสกุลของฝ่ายหญิง เป็นธรรมเนียมใช้เรียกขานสตรีจีนหลังจากแต่งงาน
[2] หนึ่งในบรรดาศักดิ์ของจีนโบราณ เรียงลำดับชั้นจากสูงไปต่ำ เริ่มจาก กง โหว ป๋อ จื่อ โดยกั๋วกงเป็นลำดับสูงสุดในขั้นกง