พอถึงยามเว่ย[1]เฝิงหน่วนพาอาจิงออกจากประตูลับด้านหลังจวน แต่เพราะความละเลยเพิกเฉยของคนสกุลเฝิง ทำให้นางได้ ลอบหนีออกจากจวนหลายครั้ง ถึงขนาดได้ค้นพบและไปเยี่ยมเยือนกิจการร้านรวงที่เป็นสินเดิมที่อนุห้าทิ้งเอาไว้ให้จนสามารถเป็น เถ้าแก่เนี้ยคอยตรวจกิจการหลังม่านมาหนึ่งปีแล้ว นี่นับว่าคนโง่ก็มีวาสนาเช่นคนโง่จริง ๆ!
วันนี้หลินจื่อหยางกลับมาถึงเมืองหลวง นางและเขาได้ นัดหมายพบกันที่เหลาสุราเจียซิง การกระทำงามหน้าไม่คำนึงถึงจรรยาสตรีเช่นนี้ หากคนในจวนรู้เข้าเฝิงหน่วนคิดว่าตนต้องไม่แคล้วถูกจับถ่วงน้ำเป็นแน่
เฝิงหน่วนและหลินจื่อหยางนับถือกันเป็นสหายมาหลายปี นางเป็นฝ่ายดั้นด้นเข้าหาเขาก่อนด้วยเหตุผลที่ว่าหลินจื่อหยางมีความพิเศษ คนผู้นี้เหมือนพี่ชายข้างบ้านวัยเด็กในชาติก่อนของนางนัก เหมือนตั้งแต่ชื่อแซ่ อุปนิสัย อากัปกิริยา กระทั่งรูปโฉมยังราวกับถอดแบบออกมา แรกเริ่มนางนึกว่าหลินจื่อหยางมาจากยุคเดียวกับตน ทว่าหลังจากใช้เวลาสามปีที่รู้จักกับเขาลอบถามก็พบว่าคนผู้นี้ไม่มีความรู้จักมักคุ้นกับโลกปัจจุบันสักกระผีกเดียว
ในชาติก่อนเฝิงหน่วนและหลินจื่อหยางเป็นเพื่อนบ้านกัน อีกทั้งตระกูลเซียวและตระกูลหลินได้ทาบทามให้นางและหลินจื่อ-หยางเป็นคู่หมั้นในวัยเยาว์ คนรอบข้างต่างบอกว่าเราทั้งคู่เหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก
หลินจื่อหยาง มีใบหน้าหล่อเหลาเกิดมาในตระกูลมั่งคั่ง ใฝ่เรียนจนเป็นที่หนึ่งของชั้น ตั้งแต่จำความได้คนผู้นี้ราวกับเกิดมาเพื่อเฉิดฉันท์ดังตะวันตั้งแต่ยังเด็กจนโต ทว่าหลังจากนางประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นคนขาพิการ แม้เนื้อแท้หลินจื่อหยางจะไม่ได้เปลี่ยนไปและต่อให้มิตรภาพในวัยเด็กแน่นแฟ้นเพียงใด แต่เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมและสังคมที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้ช่องว่างของนางและเขาเพิ่มมากขึ้น
เฝิงหน่วนรักษาตัวมาหลายปีไร้วี่แววจะกลับมาเป็นปกติ จนสุดท้ายครอบครัวนางเป็นฝ่ายขอถอนหมั้น ยามนั้นบิดาไม่มีคำอธิบายกับการกระทำนี้ ทว่าต่อให้พวกเขาไม่พูดเหตุผลออกมาเฝิงหน่วนก็รับรู้ได้
ในระหว่างหลินจื่อหยางซ้อมดนตรี เป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียน เป็นเด็กหนุ่มที่เจิดจรัสดั่งอัญมณีในหัวใจสาวน้อย แต่ เฝิงหน่วนเริ่มเก็บตัวเรียนโฮมสกูลกับครูที่ครอบครัวจ้างมา แต่ละวันทำได้เพียงทำกายภาพอย่างไร้ความหวัง
สกุลหลินรู้สึกผิดต่อเฝิงหน่วน ทว่าจะให้พวกเขาเอาอนาคตบุตรชายคนเดียวของตระกูลมาผูกไว้กับเด็กสาวพิการได้อย่างไร ช่วงถอนหมั้นในระยะแรกหลินจื่อหยางเป็นฝ่ายเทียวไล้เทียวขื่อถามหาเหตุผลของการถอนหมั้นจากนางไม่ลดละ
ก่อนหน้านี้บ่อยครั้งที่เขาเข็นวีลแชร์พานางเที่ยวด้านนอก ต่อให้เขาพยายามเก็บงำความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องดูแลนาง พยายามเก็บซ่อนความสงสารเวทนาเพียงใด ทว่าคนที่ประสบพบกับสายตาเหล่านั้นมาหลายปีจนเคยชินอย่างเฝิงหน่วนย่อมรับรู้ได้
ยามนั้นนางตัดรอนหลินจื่อหยางอย่างเย็นชา นางไม่อยากให้เขาผูกมัดอยู่กับตนเพียงเพราะความสงสาร ผ่านไปหลายปีนางมองจากมุมหนึ่งของหลังม่านไปยังบ้านตรงข้าม เห็นหลินจื่อหยางที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน พาแฟนสาวของเขามาแนะนำกับครอบครัว สีหน้าของเขาแช่มชื่นราวกับมีความสุขจากใจจริง เฝิงหน่วนทอดถอนใจว่าโชคดีที่ตนไม่ใช้ความพิการของตนมา ทำร้ายพี่ชายข้างบ้านคนนี้ แต่ทางหนึ่งในหัวถึงกับคิดเป็นตุเป็นตะว่าหากนางไม่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย แล้วตนกับหลินจื่อหยางจะยังมีความสุขได้อยู่ร่วมกันเหมือนในวัยเด็กอีกหรือไม่
ครั้นนางได้พบเขาในชาตินี้ หลินจื่อหยางยังคงสูงศักดิ์ สง่างามเป็นซื่อจื่อ[2]บรรดาศักดิ์ป๋อของตระกูลหลิน หลินจื่อหยางนับว่าเป็นญาติห่าง ๆ ของเจียงซื่อผู้เป็นมารดาเลี้ยงของนาง
ครั้นลอบสังเกตพฤติกรรมของเขามาตลอดห้าปี นางก็พบว่าอุปนิสัยของอีกฝ่ายไม่เลวเหมือนหลินจื่อหยางที่นางเคยรู้จักใน ชาติก่อนจริง ๆ อ่อนโยนสุภาพ ไม่เจ้าชู้ ใฝ่หาความก้าวหน้าใน การงาน
เพราะการแต่งงานของตนที่ใกล้เข้ามาแล้ว แทนที่จะต้องแต่งกับปีศาจหมูบ้าราคะ เฝิงหน่วนคิดแต่เพียงว่าตนต้องใช้ทุก มารยาหญิงจับหลินจื่อหยางให้อยู่หมัด ชั่วดีอย่างไรนางก็ไม่ได้อัปลักษณ์ กอปรกับนางได้เปิดเผยตัวตนกับเขาว่าแท้ที่จริงนางหาได้โง่เง่าปัญญาอ่อนดังที่เสแสร้งแกล้งทำ
จดหมายนัดที่หลินจื่อหยางส่งให้นาง เขียนไว้ด้วยลายมือบรรจง ‘ไม่พบหน้าไม่เลิกรา’ เฝิงหน่วนรู้ว่าอีกฝ่ายมีใจให้ตนอยู่ หลายส่วน
ดูท่า..แผนการสวมบทเป็นปีศาจจิ้งจอกยั่วยวนลวงใจชายของนางมาตลอดสามปีใกล้จะสัมฤทธิ์ผลแล้ว
บุรุษเพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉมรูปทรัพย์นางต้องจับเขาให้ อยู่!
ครั้นมาถึงห้องรับรองของเหลาสุราเจียซิงแล้ว มีเพียงนางที่ เข้าไปด้านใน อาจิงเป็นฝ่ายคอยสอดส่องดูความเรียบร้อยอยู่ ด้านนอก เฝิงหน่วนปลดหมวดคลุมผ้าแพรออกจึงเห็นเขาอย่าง เต็มตา นางยอบกายคารวะเขาแล้วเรียกขานพลางยิ้มแย้ม
“พี่หลิน”
“อาหน่วน เจ้ามาแล้ว” หลินจื่อหยางเอ่ยเสียงทุ้มพร้อมกับเผยร่องรอยความยินดีจากแววตาเปล่งประกายออกมา
หลินจื่อหยางกลับมาคราวนี้มีผิวกายคล้ำบ่มแดดมากกว่าเดิมทำให้เขาดูคมคล้ามชายชาตรีสมบุกสมบันกลางสนามรบ นางเอ่ยปากหยอกล้อ
“เพื่อแคว้นเซิ่งแล้ว พี่หลินกลับมาคราวนี้ยอมพลีกายเผาตนกลายเป็นถ่านเลยเชียว” เฝิงหน่วนเดินไปยังโต๊ะเปิดสำรับที่ได้สั่งให้คนเตรียมไว้ล่วงหน้ารอเขา
“น้ำแกงปลาสือที่นี่ท่านชอบมากไม่ใช่หรือ รีบดื่มตอนยังร้อนเถิด”
อากัปกิริยาของเฝิงหน่วนเป็นไปอย่างธรรมชาติ นางจัดแจงที่นั่งไว้ให้เขาก่อนจะเลื่อนถ้วยน้ำแกงให้หลินจื่อหยาง ทว่าเนื้อตัวของหลินจื่อหยางกลับแข็งทื่อราวหุ่นไม้กระบอกไม่ขยับมาดื่มแบบที่ เคยเป็น นางเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างนึกฉงน
“พี่หลิน ?”
[1] เวลา 13.00 – 15.00 น.
[2] ซื่อจื่อ ผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์