รักล้มโต๊ะ EP.21

925 Words
“กลับก่อนนะเจ้!” “โอเคๆ อย่าขับซิ่งกันนักล่ะ” อาทิตย์เดียวทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ก็ติดแคชเชียร์สาวกันระนาว เด็กปีสี่คณะมัณฑนศิลป์คอยตรวจตราเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดไม่ให้อยู่ในร้านเกินสี่ทุ่ม แม้ตัวเองจะอยู่ในสถานที่ ที่มีแต่การละเล่นเสี่ยงดวง แต่เธอก็จะคอยเตือนเด็กๆ เท่าที่ทำได้ จิตสำนึกมันต้องมาจากครอบครัวเป็นคนปลูกฝัง พนักงานรับจ้างทำงานไปวันๆ อย่างเธอมีหน้าที่ดูแลธุรกิจตู้เกมระหว่างรอแฟนใช้หนี้ครบก็เท่านั้น หาใช่ญาติพี่น้องของเยาวชนในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ วัยคึกคะนองพวกนี้ เงินทองกว่าพ่อแม่จะหามาได้ต้องแลกกับอะไรมาบ้าง แต่เด็กๆ เอามาหยอดตู้แข่งม้าวัดดวง ถ้าได้ก็เอาไปกินไปเล่น พวกผู้ใหญ่วัยทำงานก็ไม่ได้ต่างกัน เป็นหนี้บัตรหนี้ธนาคารเพื่อไอ้การพนันโง่ๆ “เห้อ...” เหนื่อยใจที่ต้องอยู่ในแห่งอโคจรเช่นนี้ “งานหนักเหรอ” “ป เปล่า...” “แล้วเป็นไร” “ง ง่วงเฉยๆ” “เหรอ” กลับมาอีกครั้งไอ้อาการติดอ่าง ดูเหมือนขิมจะเป็นโรคลักปิดลักเปิดทางการสื่อสารกับโซ่ “เด็กถาปัตย์เขานอนตั้งแต่หัวค่ำกันเหรอ” โซ่เคยได้ยินว่าคณะนี้เป็นคณะหินที่นักศึกษาทั้งเรียนหนัก งานก็เยอะไม่แพ้คณะนิติของเขาเลย อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เรื่องกฎหมายก็แค่เน้นที่ท่องจำทำความเข้าใจ แต่คณะของพวกเด็กศิลป์ทั้งหลายต้องทำโปรเจคกันตลอด “ถ้า ม ไม่ มีงานค้าง ก ก็นอน ร เร็ว อยู่นะ” “ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ” “อ อื้อ...” “ทำข้าวให้กินหน่อยดิ...หิว” “น ในตู้เย็น ไม่มีของสด” “เหรอ...” ไม่ทันสังเกตว่าตัวเองก็ติดรสมือของแคชเชียร์ขิมตั้งแต่ตอนไหน อาจเป็นเพราะช่วงได้กินบ่อยก็เลยเคยชินไปแล้ว “แต่มี ม มาม่า” “โซเดียมมันเยอะ” “อ้อ...” ดวงตากลมโตมองต่ำลงมาที่เอว สมองไม่รักดีนึกถึงแต่ภาพโพรไฟล์แอพไลน์ที่โซ่ตั้ง ดูแลสุขภาพ ออกกำลังเลือกกินแต่ของดีๆ หุ่นถึงได้แน่นนี้เองสินะ...อึ๊ก! “หิวเหมือนกันเหรอ” ... “เห็นกลืนน้ำลาย” “ป เปล่า มะช่าย!!” “หน้าแดงทำไมอะ ร้อนเหรอ” “คงงั้น” ขิมยกสองมืออังแก้มที่เห่อร้อน ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่ามันคงแดงแจ๋ ไม่งั้นโซ่คงไม่ทัก “งั้นปิดร้านแล้วไปกินข้าวต้มรอบดึกกันป้ะ” “ม ไม่เป็นไร...” “ไม่กินมื้อดึกใช่มั้ย งั้นตอนนี้ไม่มีลูกค้า ปิดร้านเลยแล้วกัน” โซ่ทึกทักเอาเองแล้วก็ปิดโซนตู้เกมอย่างคล่องแคล่วว่องไว จะเป็นเจ้านายคนได้ก็ต้องทำงานเป็น โซ่ปิดตู้เกม ปิดระบบแคชเชียร์เสร็จก็ถือวิสาสะจูงมือขิมออกมาลานจอดรถ กดรีโมทแล้วเปิดประตูส่งให้ถึงเบาะโดยสาร “กินข้าวต้มข้างทางได้ใช่มั้ย” “ด ได้...” ชายหนุ่มยืนเท้าประตูฝั่งคนนั่ง กลิ่นเพอร์ฟูมแบบผู้ชายๆ ลอยแตะจมูกพาลหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว “ร้อนเหรอ” “นิดหน่อย” เขาเห็นขิมโบกมือพัดลมใส่หน้าก็รีบกลับมานั่งประจำตำแหน่งขับ สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเร่งแอร์เต็มที ไม่เคยเสียเวลาเอาใจใครเท่านี้มาก่อน อาจเป็นเพราะไอ้ซิมมันฝากฝังให้ช่วยดูแล เพื่อนที่ดีก็ต้องทำตามนั้น “มีร้านแนะนำป้ะ” “ขิมกินอะไรก็ได้” “เค” รถซีดานสีดำขลับเทียบจอดริมฟุตบาท โซ่เองก็ไม่ถนัดร้านข้าวต้มข้างทางนัก เคยกินกับแก๊งเพื่อนบ้างแต่มันก็ผ่านไปแล้วหลายปีอยู่ “สั่งเลยนะ” “โซ่จะกินอะไร” “ได้หมด” “แล้ว...จะกินอะไรล่ะ” เหมือนคนแปลกหน้าสองคนนั่งร่วมโต๊ะอาหารกัน อีกคนก็ประหม่าจนพูดติดๆ ขัดๆ ส่วนอีกคนก็ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงให้ดูเป็นธรรมชาติดี “เบียร์สองขวดครับ” “ไม่ใช่” “สั่งเลย” “งั้น...” จากนั้นเมนูบังคับสองสามอย่างก็ถูกจัดวางบนโต๊ะ ผัดผักบุ้งไฟแดงลอยฟ้าที่ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าจะโยนออกจากกระทะเพื่ออะไร ยำปลาสลิดรสชาติทั้งเผ็ดทั้งฉุนที่ใส่หอมแขก และผัดหอยลาย แค่สีพริกแกงแดงจัดจ้านก็น่าจะแสบปากกับต้มตีนไก่เปรี้ยวขึ้นตาแต่แซ่บแบบตะโกน “กินดิ” “เผ็ด” “เผ็ดก็กินดิ” โซ่ดันแก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีชาเข้มให้อีกคน ฟองเบียร์เนียนนุ่มเย็นจนเป็นวุ้นนั้นแก้เผ็ดให้หายขาดในทันใด “ดีขึ้นป้ะ” “อืม...โอเคเลย” ขิมคนเดิมกลับมาเมาแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือด ท่าทางสบายๆ พูดจาลื่นไหลแบบนี้แหละที่เขาชอบ เมื่อขิมดูไม่อึดอัด เขาเองก็ไม่รู้สึกอึดอัดไปด้วย “พรุ่งนี้มีเรียนเปล่า” “ไม่มี แต่นัดซิมไว้ เจอกันที่มอ” ... คนฟังเงียบไปช่วยครู่ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “ให้ไปส่งมั้ย” “โซ่ไม่มีเรียนเหรอ” “อืม” “จริงๆ นั่งรถโซ่ก็สบายดีนะ แต่ไม่เป็นไร เรานั่งรถเมล์ได้” “จะนั่งไปเองทำไม” “เกรงใจ” “เออน่ะ เดี๋ยวไปส่ง โอเค๊?” “โอเช...” ^^ เหมือนได้กินเหล้ากับเพื่อนใหม่อีกคน ขิมเป็นผู้หญิงแปลกที่โซ่ไม่เคยเจอในชีวิต เธอเป็นธรรมชาติ ไม่เสแสร้ง ไม่ปรุงแต่ง เธอเป็นคนดีแบบดีในเนื้อแท้ ไม่แกล้งบิดเบือนข้อด้อยของตัวเองเพื่อให้คนอื่นเข้าหา “อะไร...” “กลับบ้านนอนกันเถอะ” “ฮะ” “ไปๆ กลับไปนอนกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD