Rrrrrrrr
“เออ! มีไร”
...
“คืนนี้เหรอ”
...
“ขี้เกียจวะ! ไม่ไป”
ภายในคอนโดส่วนตัวไม่ใกล้ไม่ไกลมหาวิทยาลัย หนุ่มนิติศาสตร์ปีสี่นอนพักกายอยู่ในห้องลำพังพร้อมอาการหงุดหงิดที่เจ้าตัวไม่ทราบที่มา
โซ่กำลังพยายามขจัดภาพกวนใจของใครบางคนออก
หญิงสาวที่แฟนเจ้าตัวการันตีว่าดีนักหนากำลังช็อปปิ้งส้นสูงราคาแพงหูฉีก ซึ่งมันเกี่ยวกับเขาไม่ก็เปล่า
แต่เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้ซิมมันถึงติดการพนันขนาดนี้ เพราะหาเงินมาได้เท่าไรก็เอาไปเปย์แฟนสาวสินะ
ติ๊ง...หน่อง
“แม่ง!”
ร่างใหญ่เดินหน้าตาบูดบึ้งไปเปิดประตูรับเหมือนเจ้าตัวจะพอรู้ว่าใครมาหา
“อะไรของมึง”
“อยู่กับใครเปล่าวะ” คนมาใหม่ชะเง้อคอยาว
เห็นเพื่อนรักบอกว่าอยากอยู่ห้องก็นึกว่าพาหญิงมากก แล้วอ้างว่าขี้เกียจ
“เปล่า! กูจะนอน”
“นอนอะไรแต่หัวค่ำ”
“มึงตื่นตอนกลางคืน ได้นอนตอนกลางวันก็พูดได้สิ กูเนี้ยกลางคืนก็ยังไม่ได้นอนแถมมีเรียนแต่เช้า” โซ่บ่น
คนอย่างยิมไม่ต้องไปเรียนเพื่อให้ได้ใบปริญญาเช่นเขานี่หน่า ก็พูดได้
“ช่วยไม่ได้” เจ้าตัวไหวไหล่สองข้าง
ยิมเดินเข้ามาหย่อนสะโพกนั่งบนโซฟาทั้งๆ ที่ในห้องของโซ่มืดตึบ
“มานั่งทำห่าอะไร กลับห้องมึงสิ” คนง่วงงอแงเท้าเอวไล่
“เรื่องโต๊ะสนุ๊กว่าไง”
“ช่างรับเหมาแม่งหนีหนี้บอลไปแล้วไง ก็กูแล้วใช่มั้ยว่าเรื่องงานก็คืองาน”
“งั้นมึงหาช่างมารับงานต่อให้จบ ไอ้เหี้ยนั่นเดี๋ยวกูจัดการเอง”
ใครจะเชื่อว่านิสิตนิติศาสตร์จะซีเรียสกับการทำงานขนาดนั้น อาจเป็นเพราะการเคร่งระเบียบและชัดเจนต่อแผนที่ถูกปลูกฝังมาจะเข้มข้นในกระแสเลือดขนาดนี้
ผิดกับอีกคนที่ดูสบายๆ ง่ายๆ ไปซะหมด แต่เวลาเอาจริง คนอย่างยิมก็โหดไม่ใช่เล่น
หลังจากนั้นไม่นานเกินสามวัน ลูกหนี้โต๊ะบอลก็หอบเงินหลายแสนมากองตรงหน้าเพราะเขาปรามาสเด็กหนุ่มอายุน้อยว่ามิอาจมีปัญญาทำอะไรได้
เจ้าหนี้หน้าละอ่อนส่งคนไปทวงจนไม่เป็นอันทำมาหากิน งานรับเหมาที่รับไว้หลายที่ก็ถูกขู่เลิกจ้าง ชีวิตลูกเมียอยู่กันอย่างระส่ายระสับ
คนเป็นหนี้จึงต้องดิ้นรนขายนาขายไร่ หยิบยืมญาติพี่น้อง ไปกู้หนี้ยืมใครมาก็ต้องทำเพื่อความปลอดภัยต่อตัวเองและครอบครัว
คณะสถาปัตยกรรม
“พวกแก! คืนนี้ไปแดนซ์ออนเดอะฟลอร์กันป้ะ”
“อารมณ์ไหนฮะนางภีม”
“นานๆ จะอยู่รวมกันครบแก๊ง เดี๋ยวเรียนจบแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้าย”
“พวกแกไปเถอะ”
“ทำไมอะนิล! ไปเถอะนานๆ ที”
นานๆ ทีที่เด็กศิลป์ทั้งห้าจะอยู่กันครบองค์
ปลานิล,ไทม์,นินิว,ขิมและภีม
ปีสี่แล้วมีภารกิจให้ทำอยู่มากเวลาจึงไม่ค่อยว่างตรงกัน แม้นิลกับขิมจะเรียนเอกเดียวกันแต่เพื่อนซี้ก็หายตัวบ่อยซะเหลือเกิน
เช่นเดียวกับครั้งนี้
“ช่วงนี้นิลดูแปลกๆ นะ” ไทม์เอ่ย
เพื่อนชายคนเดียวของแก๊ง และดูท่าว่าไทม์จะสนใจปลานิลมากกว่าคนอื่น
“เราต้องไปดูแลคุณท่าน พวกแกไปกันเถอะ”
“คุณท่านเขามีพี่พิมพ์ดูแลอย่างใกล้ชิด และลูกชายเขาก็กลับมาแล้ว แกไม่ยอมไปเองต่างหาก ทำตัวมีลับลมคมในนะนางนี้” ภีมเอ่ยตาม เพราะเป็นเพื่อนสนิทกับปลานิลมาตั้งแต่มัธยม เมื่อมีอะไรผิดสังเกตเธอย่อมเห็นชัด
“ไม่มีจริงๆ”
“เชอะ! แกล่ะนางขิม คอนโดแฟนแกอยู่ใกล้แค่นี้อย่ามีข้ออ้างอีกนะ”
“นิว! ดักทางกันขนาดนี้ฉันจะอ้างอะไรล่ะ”
ในบรรดาแก๊งทั้งห้าคน ขิมเป็นคนเดียวที่ฐานะธรรมดาสุด เพราะเธอเป็นแค่ลูกแม่ค้า
ส่วนเพื่อนๆ ทั้งสี่มีชีวิตดี ขับรถแพง เป็นทายาทธุรกิจมูลค่าหลายล้านบาทไม่ใช่แค่ร้านอาหารตามสั่ง
“ถ้ามีคนหนึ่งไม่ไปเราก็ไม่ไปนะ”
“อ้าวไทม์! ไอ้นี้ก็...งอนเป็นเด็กๆ ไปได้” ภีมแหวใส่เพื่อนชายในกลุ่มคนเดียว พอนิลไม่ไปด้วย บอดี้การ์ดคนเดียวในกลุ่มสตรีเด็กศิลป์ก็งอแงตาม
ไทม์ลุกหนีไปอีกทางเมื่อเขาเห็นรถตู้สีดำคันใหญ่ของอดีตนักการเมืองจอดรอรับเพื่อนสาวคนหนึ่งในกลุ่ม
“เรากลับก่อนทุกคน”
“พอดีมีธุระ ไปนะ”
“ล่ม! ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม”
21.00 น.
แม้แก๊งเพื่อนทั้งห้าจะเบี้ยวไปสองคนแต่คนอยากเที่ยวก็ลากขิมมาเสพแสงสีดนตรีกลางผับจนได้
ภีมและนินิวดูตื่นเต้นเป็นพิเศษเหมือนคนอัดอั้นมานาน ทั้งเต้นทั้งดื่มสนุกสนานมีแค่คนเดียวที่รู้สึกไม่อิน
“เต้นหน่อยสิแก”
“พวกแกสนุกกันเถอะ เดี๋ยวฉันเฝ้าโต๊ะให้”
“ไม่มีใครมายกโต๊ะไปหรอกน่ะ มาๆ เย้ๆๆ”
สามสาวจึงพากันไปเต้นหน้าเวทีขณะหนุ่มนักร้องและนักดนตรีกำลังขับร้องเล่นเพลงที่มีจังหวะชวนให้กระโดดสุดตัว
มาเถอะ...?
เติมรักให้เต็มลูกโป่ง เติมหัวใจเราให้พองใหญ่
“เต็มหัวใจอย่างบอลลูน”
ฮู...อู...อู้ววว
เมื่อเหล้าเข้าปากอะไรที่ว่ายากก็ดูเหมือนจะง่ายขึ้น
ขิมเป็นเด็กสาวอีกคนหนึ่งเมื่อเสพแอลกอฮอล์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดังน้ำเปลี่ยนนิสัย
นิสัยนิ่ง สุขุม พูดไม่เก่ง แต่ก็ร่าเริงเมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิท เธอทั้งร้องทั้งเต้นและกระโดดตามเสียงดนตรี ณ ขณะนั้น
บ่างช่างยุสองนางพากันยัดเหล้าเข้าปากขิม จนเจ้าตัววิ่งพรวดออกไปอ้วก
“นิว! แกจะมอมเหล้าเพื่อนเหรอ”
“แกไม่กิน,ฉันไม่กินแล้วใครจะกิน”
“นั่นสิ! อุตส่าห์เสียค่าเปิดไปแล้วด้วยนี่เนาะ”
“เห็นด้วยใช่มะ”
เมื่อลูบหลังโก่งคอจนหมดไส้หมดพุง แทนที่จะสร่างแต่ขิมกับเริ่มงี่เง่า
“ไอ้บ้านั่น! มันชอบพาแฟนฉันไปเที่ยว”
“ใคร”
“ไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย...หล่อตายแหละ”
“น้อยใจเหรอจ๊ะ”
“ก็ใช่อะสิ! ซิมออกไปเที่ยวทุกคืน กลับทีก็สว่าง บ้านก็ชอบทำรก จานชามกินสกปรกไม่เคยล้าง เสื้อผ้าถอดแล้วก็เหวี่ยงให้มันลงตะกร้ามันยากนักหรือไงวะ...โธ่เว้ย!!” บ่นจบแล้วก็ซัดไปอีกแก้วจนหมดเกลี้ยง
คำบ่นคำน้อยใจแฟนของขิมมันช่างฟังดูแปลกๆ ฐานะช่างเหมือนคนรับใช้มากกว่าจะเป็นคนรัก
“ฉันว่ามันคงเหนื่อยทำงานบ้านวะ”
“งานบ้านหรือการบ้านกันแน่จ๊ะขิม”
ฮิ้ว....
แต่สาวโสดทั้งสองก็ยังแซวเพื่อนซี้
“ที่เรียนมาถึงปีสี่ก็เพื่อนฉันทำรายงานให้ทั้งนั้น เผลอๆ ถ้าสอบแทนกันได้ ไม่แคล้วก็ต้องไปสอบให้ด้วย”
“ถ้าจะหนักวะ” นินิวเห็นอาการเพื่อนแล้วก็เหนื่อยใจแทนขิม พอเมาทีก็ระบายสิ่งที่อัดอั้นออกมาหมดเหมือนเขื่อนแตกน้ำทะลัก
“หนัก! ทีหลังอย่าให้มันกินเหล้าอีกนะ”
“ก็ใครมันจะรู้ไปล่ะ ฉันไม่เคยเห็นมันเมา” สองสาวมองหน้ากันละล่ำละลัก เอาไงกับคนเมาดีล่ะทีนี้
“แก้วพวกแกเนี้ยยุงวางไข่แล้วนะ หมดแก้ว!!”
ชน...